รายชื่อพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มัชฌิมาวาส

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มัชฌิมาวาส เป็นพิพิธภัณฑสถานตั้งอยู่ในบริเวณวัดมัชฌิมาวาส ตั้งแต่ พ.ศ.2477 ต่อมากรมศิลปากรได้ประกาศเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มัชฌิมาวาส ได้จัดแสดงโบราณวัตุศิลปวัตถุ ที่มีอายุสมัยตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เช่น ขวานหินขัด หม้อลายเขียนสี และโบราณวัตถุสมัยประวัติศาสตร์ เช่น พระพิมพ์ดินดิบ ศิลปะทวารวดี พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระศิวะ ท้าวกุเวร พระพุทธรูป แบบและปางต่าง ๆ เครื่องถ้วยจีน บรรดาโบราณวัตถุเหล่านี้เป็นของที่พระเทพวิสุทธิคุณและพระราชศีลสังวร อดีตเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมาวาส ได้รวบรวมเก็บรักษาไว้ โดยเป็นวัตถุที่ได้มาจากแถบอำเภอสทิงพระ และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา

จ. สงขลา

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา ตั้งอยู่ในวัดพระบรมธาตุไชยา ราชวรวิหาร เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ และโบราณคดี อาคารจัดแสดงแบ่งออกเป็น 2 อาคารหลัก คือ อาคารจัดแสดงหลังที่ 1 จัดแสดงรูปจำลองประติมากรรมที่พบในพื้นที่อำเภอไชยา และนิทรรศการหมุนเวียนในโอกาสต่าง ๆ และอาคารจัดแสดงหลังที่ 2 จัดแสดงโบราณวัตถุ และศิลปวัตถุตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ และจัดแสดงสิ่งของอันเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ รวมถึงงานข้าวของเครื่องใช้และประณีตศิลป์พื้นบ้าน

จ. สุราษฎร์ธานี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง จัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากการขุดค้น ขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานบริเวณเมืองเก่าสุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร เพชรบูรณ์และบริเวณเมืองโบราณใกล้เคียงโดยรอบตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2496 เป็นต้นมา และอีกส่วนหนึ่งเป็นโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ที่พระราชประสิทธิคุณอดีตเจ้าอาวาสวัดราชธานีและเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัยรวบรวมไว้มอบให้ อาคารอนุสรณ์ลายสือไท จัดแสดงข้อมูลทั่วไปของจังหวัดสุโขทัย เป็นบทนำให้ผู้เข้าชมรู้จักจังหวัดสุโขทัย อาคารโบราณวัตถุ ทรงไทยประยุกต์จัดแสดงโบราณวัตถุ และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีของเมืองโบราณสุโขทัย การแสดงวัดกลางแจ้ง จัดแสดงโบราณวัตถุขนาดใหญ่ เช่นธรรมจักร ใบเสมา ระฆังหิน ช้างจำลอง ฐานรูปเคารพ ช้างประดับโบราณสถานจำลอง เตาทุเรียงจำลอง เรือจ้าง

จ. สุโขทัย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2529 โดยกรมศิลปากรได้ขออนุมัติใช้อาคารศาลากลางจังหวัดราชบุรีหลังเดิม ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ ปีพุทธศักราช 2465 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ และเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พุทธศักราช 2534 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธีเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี ประกอบไปด้วยอาคารสำคัญ 2 หลัง ได้แก่อาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวร (ศาลารัฐบาลมณฑลราชบุรี) และอาคารจัดนิทรรศการพิเศษ อาคารสำนักงาน และคลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ทำเนียบสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรที่เน้นเรื่องราวของท้องถิ่น ทั้งทางด้านธรณีวิทยา โบราณคดี ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลป วัฒนธรรมพื้นบ้าน ชาติพันธุ์วิทยา แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดราชบุรี

จ. ราชบุรี

พิพิธภัณฑ์ตำนานเมืองอ่างทอง

พิพิธภัณฑ์ตำนานเมืองอ่างทอง ตั้งอยู่ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง (หลังเก่า) หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทอง ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองอ่างทองในด้านต่าง ๆ ผ่านระบบมัลติมีเดียที่ทันสมัย ประกอบไปด้วย 9 ห้องจัดแสดง ได้แก่ ห้องตำนานเมืองอ่างทอง ห้องเรืองรองยุคสมัย ห้องพระบารมีปกเกล้าชาวไทย ห้องเกียรติเกริกไกรคุณค่าคน ห้องวีรชนไทยใจกล้า ห้องภูมิปัญญาผลิตผล ห้องคุณค่าเมืองเรืองสกล ห้องเปี่ยมกมลรักษ์อ่างทอง และห้องแผ่นดินทองเอกลักษณ์ไทย นอกจากนี้ยังมีห้องจำหน่ายสินค้าชุมชนของจังหวัดอ่างทองด้วย

จ. อ่างทอง

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี ก่อตั้งขึ้นด้วยความสนใจของพระชัยนาทมุนี (นวม สุทตฺโต) อดีตเจ้าคณะจังหวัดชัยนาท และอดีตเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุวรวิหาร ซึ่งได้รวบรวมโบราณศิลปวัตถุที่พบในเขตจังหวัดชัยนาทและบริเวณใกล้เคียง มาเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานของวัดเป็นจำนวนมาก มีทั้งโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ เช่น ขวานหินขัด ชิ้นส่วนเครื่องมือเหล็ก กำไลสำริด ลูกปัด รวมไปถึงการสร้างสรรค์งานศิลปกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อและพิธีกรรมตามรูปแบบของสังคมดั้งเดิม โบราณวัตถุเนื่องในพุทธศาสนา เช่น พระพุทธรูปศิลา พระพิมพ์และชิ้นส่วนธรรมจักร ระฆังหิน เป็นต้น ต่อมาพระชัยนาทมุนีได้ยินดีมอบโบราณศิลปวัตถุดังกล่าวให้เป็นสมบัติของชาติ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทยในปี พ.ศ. 2509 กรมศิลปากรจึงได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑสถานขึ้นในบริเวณใกล้กับวัดพระบรมธาตุวรวิหาร ตั้งชื่อว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี เพื่อเป็นที่ระลึกแด่พระชัยนาทมุนี เปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 เป็นต้นมา ต่อมาได้ก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านขึ้นมาเพิ่มเติม จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในการเกษตร การทำมาหากิน วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี ของคนไทยในอดีต แสดงถึงภูมิปัญญาพื้นบ้านที่คิดประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุธรรมชาติ ในการดำรงชีวิตประจำวัน

จ. ชัยนาท

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี เดิมเป็นพิพิธภัณฑ์ของวัดโบสถ์ ก่อตั้งโดยพระเทพสุทธิโมลี อดีตเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี 2483 และได้เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในความดูแลของกรมศิลปากรปี 2516 ภายในแบ่งการจัดแสดงเป็น 6 ส่วน คือ 1. ทรัพย์ในดินสิงห์บุรี จัดแสดงสภาพภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยาและทรัพยากรธรรมชาติ 2. แหล่งโบราณคดีบ้านคูเมือง จัดแสดงเรื่องราวและโบราณวัตถุที่พบจากบ้านคูเมือง 3. แหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย เตาเผาผลิตเครื่องปั้นดินเผาสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ที่วัดพระปรางค์ 4. อัฐบริขารและเครื่องใช้ในพระพุทธศาสนา 5. ภูมิปัญญาไทยภาคกลาง จัดแสดงภูมิปัญญาพื้นถิ่นต่าง ๆ และ 6. การละเล่นพื้นบ้าน จัดแสดงเครื่องการละเล่นของเด็กไทยสมัยก่อน

จ. สิงห์บุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา

ระหว่าง พ.ศ. 2499-2501 กรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำให้พบพระบรมสารีริกธาตุ เครื่องราชูปโภคทองคำ พระพุทธรูป พระพิมพ์ และโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุอื่นๆ กรมศิลปากรจึงได้สร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้นเพื่อเก็บรักษาและจัดแสดงโบราณวัตถุอันล้ำค่าดังกล่าว โดยใช้เงินจากการบริจาคของประชาชนที่ได้พระพิมพ์กรุวัดราชบูรณะเป็นการตอบแทน และให้ชื่อว่า "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา" เพื่อเทิดพระเกียรติและเป็นพระบรมราชานุสรณ์แด่สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ผู้ทรงสถาปนาวัดราชบูรณะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ  เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2504 ต่อมากรมศิลปากรได้ปรับปรุงกิจการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา โดยการสร้างและการรับมอบอาคารเพิ่มเติมอีก 2 หลัง คือ อาคารจัดแสดง 2 เมื่อ พ.ศ. 2513 และอาคารเรือนไทย เมื่อ พ.ศ. 2527

จ. พระนครศรีอยุธยา