พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่


ที่อยู่:
หมู่ 5 ถนนสายกะทู้-นาเกาะ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
โทรศัพท์:
081-535-3187, 083-1025-606
วันและเวลาทำการ:
ทุกวัน 9.00-16.00 น.
ค่าเข้าชม:
ผู้ใหญ่ไทย 50 บาท เด็กไทย 10 บาท ผู้ใหญ่ต่างชาติ 100 บาท เด็กต่างชาติ 50 บาท
เว็บไซต์:
อีเมล:
phuketmining2010@gmail.com
ปีที่ก่อตั้ง:
2550

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555

ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล

ประวัติศาสตร์อารยธรรมภาคใต้: แหล่งประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย

ชื่อผู้แต่ง: ประชุม ชุ่มเพ็งพันธุ์ | ปีที่พิมพ์: 2545

ที่มา: กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น

แหล่งค้นคว้า: ศมส.

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555

(ชาย)ผู้เติมชีวิต ให้พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ภูเก็ต

ชื่อผู้แต่ง: ปิ่น บุตรี | ปีที่พิมพ์: 24 มิถุนายน 2552

ที่มา: ผู้จัดการ

แหล่งค้นคว้า:

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555

มหา’ลัยชีวิต พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่(ภูเก็ต)

ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 3 สิงหาคม 2552

ที่มา: ผู้จัดการ

แหล่งค้นคว้า:

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555

พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่

ชื่อผู้แต่ง: วินิจ รังผึ้ง | ปีที่พิมพ์: 2 กุมภาพันธ์ 2553

ที่มา: ผู้จัดการ

แหล่งค้นคว้า:

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555


ไม่มีข้อมูล

ความเก่าเล่าฟัง เหมืองแร่ภูเก็ต อำเภอกระทู้

“อย่างน้อยในพงศาวดารที่เจอนะ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ชัดเจนที่สุด ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้นเราส่งแร่ดีบุกให้กับต่างประเทศแล้ว”  ความเป็นมาแรกเริ่มเดิมทีของการทำเหมืองแร่ดีบุกที่อาจารย์สมหมาย  ปิ่นพุทธศิลป์  นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นได้กล่าวไว้ ระหว่างที่นำชมและบอกเล่าความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ต พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงและจำลองภาพอดีตกาลในการทำเหมืองแร่  ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและประวัติศาสตร์ชุมชนอีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้แก่คนทั่วไปด้วย
 
เหมืองแร่ในอดีต
ในสมัยอดีตกาลเชื่อกันว่า การทำเหมืองแร่เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชประมาณ 300 กว่าปีได้ อาจารย์สมหมายเล่าว่าในสมัยก่อนนั้นคนที่เข้ามาทำเหมืองแร่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนจีนฮกเกี้ยน ที่อพยพมาขายแรงงาน ในเหมืองหาบ ทำงานเป็นผลัดหรือกะ ผลัด(กะ)ละ 8 ชั่วโมง วันละ 3 กะ คนงานประมาณ 70-80 คน และยังมีฝรั่งที่มาทำงานอีกส่วนหนึ่ง เวลาหุงข้าวกหุงข้าวด้วยกระทะใบบัวขนาดใหญ่  เพื่อที่คนงานจะกินได้ครบทุกคน ในเรื่องของค่าแรงนั้นจะได้ค่าแรงที่ไม่ใช่ตัวเงินโดยตรง  แต่จะได้ค่าแรงอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า “เคี่ยง”  ทำจากสังกะสีหรือไม่ก็ไม้ แล้วจะมีคนที่ลงบัญชีเอาไว้  และสะสมค่าแรงไปเรื่อยๆ ในการลงบัญชีค่าแรงทำอย่างเป็นความลับ คนที่อ่านเข้าใจมีเพียงแต่คนที่ลงบัญชีเท่านั้น  ในส่วนของนายเหมืองนั้นนอกจากต้องลงทุนในการทำเหมืองมากแล้ว  ยังต้องจัดการเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆ สิ่งอุปโภคบริโภคให้กับคนงานด้วย
 
การทำเหมืองแร่นั้นได้เริ่มหยุดการทำเหมืองมาไม่กี่ปีนี้เอง คือเริ่มหยุดในปี พ.ศ.2528 เหตุที่ได้มีการหยุดทำเหมืองแร่นั้น อาจารย์สมหมายเล่าให้ฟังว่า เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเข้ามา และสังคมตระหนักถึงเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น กระแสสังคมและเหตุการณ์ต่างๆจึงบีบบังคับการทำเหมืองแร่ขึ้นมาเรื่อยๆ  เพราะการทำเหมืองแร่ทำให้เกิดการทำลายทรัพยากร ทั้งทำลายทรัพยากรน้ำและทรัพยากรพื้นดิน เช่นในทะเลเรือขุดก็จะขุดทำลายปะการังไปด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวนี้จึงทำให้การทำเหมืองแร่ที่ภูเก็ตหมดลงไปเรื่อยๆ
 
ภาพจำลองนิทรรศการ
ในส่วนของอาคารของพิพิธภัณฑ์สร้างใหม่ตามรูปแบบของศิลปะชิโนโปรตุกีส  สูง 1 ชั้นครึ่ง ประดับตกแต่งด้วยลายปูนปั้นอย่างกลมกลืนและงดงาม จึงมีการเรียกอาคารนี้ว่า “อังมอเหลานายหัวเหมือง” ภายในจัดนิทรรศการเล่าเรื่องแบบกึ่งมีชีวิต แบ่งออกเป็น 2 ส่วน  ส่วนแรก คือภายนอกอาคารประกอบด้วยรางเหมืองแร่,หน้าผาเหมืองแร่, ขุมเหมือง, เครื่องมืออุปกรณ์ ส่วนที่สอง คือภายในอาคาร มีการจัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของการทำเหมืองแร่ดีบุก และวิถีชีวิตชาวเหมือง
 
นิทรรศการพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ภูเก็ตแห่งนี้จัดแสดงการจำลองรูปแบบการทำเหมืองต่างๆไว้เพื่อให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาชม นิทรรศการ เหมืองนั้นมีหลายรูปแบบมีทั้งเหมืองแล่น เหมืองรูหรือเหมืองปล่อง เหมืองฉีด เหมืองหาบ เหมืองสูบ และเหมืองเรือขุด
 
จากคำบอกเล่าของอาจารย์ สมหมาย เหมืองแร่แต่ละเหมืองนั้น มีลักษณะสำคัญแตกต่างกัน อย่างเหมืองแล่นนั้นมีวิธีการทำเหมืองแร่เปิดในแหล่งแร่ชนิดลานแร่ แร่บริเวณเชิงเขา โดยใช้แรงงานคนหรือการสูบน้ำส่งผ่านกระบอกฉีด นิยมทำในช่วงฤดูฝน
 
เหมืองรู (ปล่อง) เป็นวิธีการทำเหมืองใต้ดินที่ใช้ในแหล่งแร่ชนิดลานแร่ ที่มีเปลือกดินหนามากและไม่มีแร่ใต้ดินจะทำเป็นอุโมงค์และมีการเว้นปล่องเพื่อระบายอากาศ คนงานเหมืองจะจุดเทียนไขไว้ในอุโมงค์เพื่อใช้วัดปริมาณออกซิเจน ป้องกันคนงานไม่ให้ขาดอากาศหายใจ ถ้าเกิดว่าเทียนไขดับต้องรีบขึ้นจากเหมืองทันที
 
ส่วนวิธีการทำเหมืองเปิดในแหล่งแร่ชนิดลานแร่บริเวณไหล่เขา โดยการเปิดหน้าดินด้วยการขุดเจาะหรือการใช้ระเบิดให้เป็นบ่อกว้างจนถึงชั้นดินที่มีแร่ แล้วใช้แรงงานคนนั้นในการหาบก็คือ เหมืองหาบ
 
และอีกเหมืองหนึ่งก็คือ เหมืองเรือขุด  การทำเหมืองเรือขุดเป็นวิธีการทำเหมืองที่ต้องลงทุนสูงและสามารถดำเนินการในที่ราบลานแร่ขนาดใหญ่ซึ่งขุดตักดินได้ในปริมาณที่มากทั้งบนบกและในทะเล
 
เหมืองฉีด  การทำเหมืองฉีดเป็นวิธีการทำเหมืองที่กระทำต่อหินผุที่มีความสมบูรณ์ของแร่ดีบุกสูง ด้วยพลังน้ำพังทลายหน้าดินแล้วสูบดินขึ้นรางกู้แร่แล้วกู้แร่จากรางกู้แร่ด้วยแรงคนประมาณ 15-20 คน
 
นิทรรศการจำลองอีกเรื่องก็คือ นิทรรศการ เรือขุดแร่ลำแรกของโลกซึ่งเป็นเรือขุดชาวออสเตรเลียได้ดัดแปลงเรือขุดร่องน้ำมาเป็นเรือขุดแร่ดีบุก มีลูกเชอ (Bucket) เป็นที่ตักแร่ เมื่อพ.ศ.2512 นายหัวเหมืองได้สร้างเรือแพดูดแร่ขึ้นแทนเรือขุดที่เคยใช้มาแต่เดิมที่มันไหลเป็นสายพานผุดขึ้นมา มันเป็นเหมือนสายโซ่ที่อยู่ในรถจักรยานยนตร์ต่อกันประมาณ 128 ลูก  ซึ่งหนักลูกละประมาณ 1ตัน เรือลำหนึ่งมี128ลูก ลองคิดดูว่าจะหนักแค่ไหน  นั่นคือเรือขุดลำหนึ่งหนักประมาณ 3,500 ตัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การทำเหมืองเรือขุดที่ความทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม
 
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นั้นเป็นการจำลองภาพของเหมืองแร่ในสมัยอดีต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการทำเหมืองแร่ในรูปแบบต่างๆ และยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การทำเหมืองแร่ ที่เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาจนถึงในปัจจุบัน เพื่อที่จะเป็นสถานที่เล่าเรื่องในอดีตเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ ไม่ให้ลบหายไปจากความทรงจำ
 
ธนวัฒน์ สิงโหพล / เขียน
 
อ้างอิง:
สัมภาษณ์อาจารย์สมหมาย  ปิ่นพุทธศิลป์  วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550.
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่กระทู้. เข้าถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2557, http://th.wikipedia.org.
ชื่อผู้แต่ง:
-

มหา’ลัยชีวิต พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่(ภูเก็ต)

“ภูเก็ต” วันนี้มีฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังติดอันดับโลก เป็น“ไข่มุกแห่งอันดามัน”ที่นักท่องเที่ยวถวิลหา แต่ก่อนที่จะมีวันนี้ ภูเก็ตได้ผ่านยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ของการเหมืองแร่มายาวนาน ดังที่ปรากฏในเอกสาร พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ว่า...ภูเก็ตเป็นเมืองที่เติบโตมาจากการทำเหมืองแร่ดีบุก ซึ่งต้องใช้ดีบุกเคลือบโลหะกันสนิม และผสมทองแดงเป็นสำริดมากว่า 500 ปี จึงทำให้ชาวยุโรป(โปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศสและอังกฤษ) และชาวจีนฮกเกี้ยน(ทั้งที่ผ่านมาจากสิงคโปร์และปีนังหรือมาจากจีนโดยตรง)หลั่งไหลเข้ามาทำเหมืองและตั้งหลักแหล่งในภูเก็ต
ชื่อผู้แต่ง:
-

(ชาย)ผู้เติมชีวิต ให้พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ภูเก็ต

“...ฟ้าสวย ทะเลใส โรงแรมใหญ่ สรรพอาหาร สถานบันเทิง สำหรับเมืองท่องเที่ยวที่โลกคุ้นเคยแห่งนี้คงจะไม่พอเสียแล้ว การที่ภูเก็ตจะเป็นเมืองท่องเที่ยวนานาชาติ เป็นเมืองนานาชาติ หรือกระทั่งเป็นเมืองสามัญที่มีความปกติสุขโดยไม่ต้องยึดโยงขึ้นกับนานาชาติอย่างมากนั้น เราต้องเร่งสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นรากเหง้าที่มีคุณค่าของเราเองให้ปรากฏ จำเป็นต้องกลับไปเรียนรู้จากอดีตก็ต้องทำพร้อมไปกับแสดงให้อาคันตุกะที่มาจากต่างแดนได้รู้จักเนื้อหาสาระของความเป็นภูเก็ต ในส่วนของแหล่งการเรียนรู้และสถานที่แสดงกิจกรรมของท้องถิ่นที่มีคุณค่านั้น นิมิตหมายก็คือ ภูเก็ตกำลังสร้างพิพิธภัณฑ์ใหม่ๆขึ้น มีการพัฒนาพิพิธภัณฑ์เดิม เริ่มมีการรวมตัวกันเป็นเครือข่าย รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมหรือข้อมูลความรู้ประกอบ ทั้งภาครัฐและเอกชน นั่นก็คือ ภูเก็ตกำลังขยับตัวไปสู่เมืองแห่งการเรียนรู้และการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโดยมีพิพิธภัณฑ์เป็นทัพหน้า...”
ชื่อผู้แต่ง:
-

รีวิวของพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่

“ภูเก็ต” วันนี้มีฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังติดอันดับโลก เป็น“ไข่มุกแห่งอันดามัน”ที่นักท่องเที่ยวถวิลหา แต่ก่อนที่จะมีวันนี้ ภูเก็ตได้ผ่านยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ของการเหมืองแร่มายาวนาน ดังที่ปรากฏในเอกสาร พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่ ว่า ...ภูเก็ตเป็นเมืองที่เติบโตมาจากการทำเหมืองแร่ดีบุก ซึ่งต้องใช้ดีบุกเคลือบโลหะกันสนิม และผสมทองแดงเป็นสำริดมากว่า 500 ปี จึงทำให้ชาวยุโรป(โปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศสและอังกฤษ) และชาวจีนฮกเกี้ยน(ทั้งที่ผ่านมาจากสิงคโปร์และปีนังหรือมาจากจีนโดยตรง)หลั่งไหลเข้ามาทำเหมืองและตั้งหลักแหล่งในภูเก็ต มีวัฒนธรรมผสมผสานไทย ยุโรปและจีน ทำให้มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น อาทิ สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส อาหารพื้นเมือง ภาษา การบูชาเทพเจ้า การแต่งกาย การแต่งงาน รวมไปถึงน้ำทะเลใสสีคราม หาดทรายสะอาดและแดดเมืองร้อน จนกลายเป็นมนต์เสน่ห์ ไข่มุกแห่งอันดามันเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงก้องโลก...
ชื่อผู้แต่ง:
-