รายชื่อพิพิธภัณฑ์

ตำหนักปลายเนิน

ตำหนักปลายเนินเดิมเป็นที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ตั้งแต่พระชันษา51 ปี เป็นช่วงที่ถวายบังคมลาออกจากราชการแล้ว เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งซึ่งทรงใช้สร้างสรรค์งานออกแบบและงานศิลปะหลายแขนงจนได้รับการยกย่องว่าเป็นสมเด็จครูของช่างและศิลปิน ชื่อ “ปลายเนิน” มีที่มาจากพื้นถนนพระราม 4 ในสมัยนั้นต่ำกว่าทางรถไฟที่ตัดผ่านมาก จึงต้องถมดินเป็นทางลาดเหมือนเป็นเนินเขา เมื่อรถม้าเดินทางมาจากในเมืองจึงต้องขึ้นเนินข้ามทางรถไฟ แล้วลงเนิน ซึ่งปลายเนินถึงสะพานเข้าตำหนักพอดี ตำหนักที่ประทับส่วนพระองค์คือตำหนักโถงและตำหนักบรรทม ตำหนักโถงเดิมเคยเป็นหอนั่งของพระยาราชมนตรี สมเด็จฯทรงใช้ส่วนนี้รับแขกและประกอบพิธี ตำหนักแห่งนี้เปิดให้เข้าชมปีละครั้งในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จฯ ในช่วงวันที่ 28-29 เมษายน ของทุกปี

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์หนังสือพิมพ์ไทย

พิพิธภัณฑ์ก่อตั้งโ่ดยสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเป็นศูนย์กลางการศึกษา ค้นคว้าและรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ ในวงการวิชาชีพหนังสือพิมพ์ไทย ตั้งอยู่บนชั้นสองของอาคาร ชาตรี โสภณพนิช ภายในบริเวณสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ภายในแบ่งเป็นส่วนจัดแสดงต่างๆ ได้แก่ ส่วนต้นแบบ ซึ่งหมายถึงพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์ท่านทรงเป็นองค์ปฐม เริ่มกิจการทางด้านการ ส่วนจัดแสดงต่อมาคือ ห้องหนังสือพิมพ์จำลอง เป็นการจำลองการทำงานของกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ผู้สื่อข่าว บรรณาธิการ และช่างเรียงพิมพ์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในสมัยนั้นเช่น โต๊ะนักข่าวเป็นโต๊ะที่ใช้รวมสำหรับประชุมข่าวและใช้เขียนข่าว เป็นต้น

จ. กรุงเทพมหานคร

บ้านเก่าเล่าเรื่อง ชุมชนเมืองเจริญไชย

พิพิธภัณฑ์บ้านเก่าเล่าเรื่อง ชุมชนเจริญไชย  อยู่ในย่านเยาวราช พิพิธภัณฑ์ก่อตั้งขึ้นในห้วงเวลาที่มีการเวนคืนที่ดินและเกิดข้อพิพาทเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยคนในชุมชนต้องการบอกเล่าคุณค่าวิถีวัฒนธรรมและประวัติความเป็นมาอันยาวนานของชุมชนที่มีมากว่าร้อยปี ที่ควรแก่แก่การอนุรักษ์ ห้องจัดแสดงเป็นห้องแถวไม้สองชั้นในชุมชน ในอดีตเคยเป็นที่พักของคณะงิ้วจีน ปัจจุบันชั้น 2 ของบ้าน เปิดเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของชุมชนเจริญไชย และส่วนจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของคณะงิ้วจีน บนผนังมีภาพของชุมชนเจริญไชยในอดีต  โดยเฉพาะภาพวิถีชีวิตผู้คน เนื้อหาส่วนต่อมาเป็นเรื่องประเพณีจีน  ได้มีการจำลองฉากการแต่งงานแบบจีน  มีหุ่นหญิงชายสวมชุดแดงตามแบบประเพณีดั้งเดิม  พร้อมเครื่องประกอบพิธีสวยงาม  ส่วนของประเพณีจีนอื่น ๆ มีภาพโปสเตอร์ประกอบคำอธิบาย

จ. กรุงเทพมหานคร

หอประวัติอุทกศาสตร์ไทย

ก่อตั้งโดยกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เพื่อเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้และแหล่งข้อมูลด้านอุทกศาสตร์ วิศวกรรมชายฝั่ง และงานด้านสมุทรศาสตร์ และอื่นๆที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย จัดแสดงผลงานทางอุทกศาสตร์ ตลอดจนวิวัฒนาการของการพัฒนางานของกรมอุทกศาสตร์ตั้งแต่อดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งเอกสารประวัติศาสตร์ อุปกรณ์ เครื่องมือที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์้ วัตถุชิ้นสำคัญอาทิ โต๊ะเขียนแผนที่เดินเรือด้วยการเขียนด้วยมือ เครื่องเขียนแผนที่ซึ่งเป็นสมบัติส่วนตัวของน.อ.ฟริตซ์ ทอมเซ็น เจ้ากรมอุทกศาสตร์คนแรก เครื่องวิเคราะห์คลื่น เครื่องตรวจกระแสน้ำ เครื่องวัดแดดวัดดาว เครื่องวัดอุณหภูมิของน้ำทะเล เครื่องแสงสว่างระบบก๊าซอะเซติลีน อุปกรณ์ส่องสว่างแบบต่างๆ เครื่องจักรทำนายน้ำ

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์อาคารที่ประทับประชาธิปกศักดิเดชน์

อาคารที่ประทับประชาธิปกศักดิเดชน์ เป็นอาคารที่พำนักของรัชกาลที่ 7 ในสมัยที่พระองค์ทรงรับราชการเป็นนายทหารเหล่าทหารปืนใหญ่ (พ.ศ.2458 -2464) สร้างเพื่อทรงใช้เป็นที่เปลี่ยนฉลองพระองค์ ทรงพักผ่อนอิริยาบถ ทรงงาน หรือประทับแรมในบางคราว จนปี พ.ศ. 2541 อาคารที่ประทับมีสภาพทรุดโทรมลง กองพล ปตอ. จึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซมพร้อมตกแต่งภายใน และจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ภายในจัดแสดงห้องบรรทม ห้องทรงงาน ห้องทรงพระกระยาหาร พร้อมจัดแสดงพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจและของใช้ส่วนพระองค์

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดศรีสุทธาวาส

วัดศรีสุทธาวาส ในอดีตชาวบ้านเรียกว่า วัดศรีราชคฤห์(วัดราช) หรือ วัดนอก เป็นวัดเก่าแก่ในแผ่นศิลาจารึกระบุว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2011 โดยอุตรผลคุนะฤกษ์ และเจ้าพันนา  ปัจจุบันมีพระอธิการบรรพต คัมภีร์โร เป็นเจ้าอาวาส และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติแวดล้อมของเวียงป่าเป้า ภายในวัดมีพระธาตุเจดีย์ สถาปัตยกรรมแบบสิบสองปันนา ติดกันเป็นที่ตั้งของหอธรรมพระไตรปิฎก ที่สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2446 กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2544 วัดศรีสุทธาวาสถือเป็นแหล่งศูนย์รวมจิตใจและสัญลักษณ์ของชุมชนเวียงป่าเป้า และชาวบ้านยังคงมีสำนึกร่วมกันในการบำรุงรักษาวัฒนธรรมของตนเอง กลายเป็นแรงผลักดันให้ท่านเจ้าอาวาสและชุมชนรอบวัดร่วมกันก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วัดศรีสุทธาวาสขึ้น พิพิธภัณฑ์เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียวรูปทรงแบบล้านนาประยุกต์ จัดแสดงข้าวของต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นโบราณวัตถุที่ทางวัดเก็บรักษาไว้ และของส่วนหนึ่งได้มาจากการบริจาคจากชาวบ้าน เนื้อหาการจัดแสดงได้รับการสนับสนุนจัดทำข้อมูลทางวิชาการและทำทะเบียนโบราณวัตถุจากนักวิชาการท้องถิ่น และมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ ของที่จัดแสดงส่วนใหญ่เป็นวัตถุทางธรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ผ้าทอลวดลายไทลื้อ และเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่ซีไลท์ที่ดอยหมอก ข้าวของอีกส่วนหนึ่งนำไปจัดแสดงไว้ที่วิหารราย ซึ่งดัดแปลงพื้นที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ตำบลเวียงป่าเป้า ภายในจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในวิถีการผลิตด้านเกษตรกรรมของชาวบ้าน พิพิธภัณฑ์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภายในอาคารเท่านั้น หากยังครอบคลุมถึงบริเวณวัดทั้งหมด รวมถึงผืนป่าชุมชนข้างวัดราว 37 ไร่ ที่เป็นแหล่งให้ความรู้เรื่องพันธุ์ไม้หายาก รวมถึงสมุนไพรนานาชนิดด้วย  

จ. เชียงราย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก

สืบเนื่องมาจากนโยบายของกรมศิลปากรในการจัดสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ทางด้านชาติพันธุ์วิทยา เพื่อขยายสาขาของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินอกเหนือไปจากด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และศิลปะ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ ที่สามารถรองรับการขยายตัวของกรุงเทพมหานครออกไปยังพื้นที่แถบชานเมือง และกรมศิลปากรรับสนองพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการจัดหาพื้นที่สำหรับเป็นสถานที่จัดเก็บโบราณวัตถุศิลปวัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยก่อสร้างอาคารจำนวน 2 หลังในพื้นที่โครงการ สำหรับเป็นที่รองรับโบราณวัตถุศิลปวัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตลอดจนจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอื่นๆ ที่มีพื้นที่ในการจัดเก็บไม่เพียงพอ เป็นลักษณะของคลังเปิด หรือ คลังเพื่อการศึกษา (visible storage) ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นได้มีการจัดทำแผนแม่บทพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชาติพันธุ์วิทยาควบคู่กันไป โดยอาคาร ๒ หลังที่เป็นอาคารคลังมาแต่เดิมนั้น จะปรับปรุงให้เป็นอาคารจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษกเป็นลำดับต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มชนทุกเผ่าพันธุ์ในไทย เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และศูนย์ข้อมูลเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

จ. ปทุมธานี