รายชื่อพิพิธภัณฑ์

ศูนย์การเรียนรู้ 30 ชนเผ่า เทศบาลนครเชียงราย

ศูนย์การเรียนรู้ 30 ชนเผ่า หรืออาคารแสดงศิลปะการแต่งกาย 30 ชนเผ่าในเชียงราย ตั้งอยู่ภายในสวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา ซึ่งในอดีตคือที่ตั้งของเรือนจำกลางจังหวัดเชียงราย โดยเทศบาลนครเชียงราย ได้ปรับภูมิทัศน์เรือนจำกลางให้เป็นสวนสาธารณะและพื้นที่ทางวัฒนธรรม อาคารเรือนคุมขังนักโทษหญิง ซึ่งเป็นอาคารไม้เก่าแก่ถูกบูรณะและปรับให้เป็นอาคารที่รวบรวมศิลปะการแต่งกายของ 30 ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงราย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยความหลากหลายของชนเผ่า ทำให้ประชากรในจังหวัดเชียงรายมีความแตกต่างกันในด้านเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม แต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในผืนแผ่นดินไทยภาคเหนือตอนบน โดย 30 ชนเผ่านั้น ประกอบไปด้วย ลื้อเชียงรุ้ง มูเซอดำ จีน ลัวะหรือละว้า ฮ่อ ไตยองหรือยอง ลื้อเชียงคำ ยางหรือกะเหรี่ยง ลาวอินโดจีน อีก้อหรืออาข่า ลื้อห้วยเม็ง ม้งหรือแม้ว ไตหย่า ต่องซู ไตเมืองเหนือ ข่ามุ ณวน ลื้อแจ้ง เย้า ยางแดงหรือกะเหรี่ยงแดง ม่าน ยางขาวหรือกะเหรี่ยงขาว ลื้อน้ำอู ไทยใต้ แขก ข่อฮอก ไทยใหญ่หรือเงี้ยว ลีซอ กุ่ย และเขินหรือไตเขิน

จ. เชียงราย

พิพิธภัณฑ์อำเภอแม่ลาน้อย

พิพิธภัณฑ์อำเภอแม่ลาน้อย ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดแม่ลาน้อย ก่อตั้งเมื่อปี 2550 โดยการสนับสนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นอาคาร 2 ชั้น ทรงไทยใหญ่ประยุกต์ ภายในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญา ศาสนาและความเชื่อของคนในท้องถิ่น โดยการจัดแสดงโบราณวัตถุศิลปวัตถุต่าง ๆ เครื่องแต่งกาย และเครื่องมือเครื่องใช้ ซึ่งวัตถุจัดแสดงที่มีความน่าสนใจคือ โครงสร้างเขาวงกตจำลอง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประเพณีปอยหมั่งกะป่าหรือประเพณีเขาวงกตซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่น

จ. แม่ฮ่องสอน

พิพิธภัณฑ์เมืองพังงา

พิพิธภัณฑ์เมืองพังงา ใช้อาคารศาลากลางจังหวัดพังงาหลังเดิมเป็นที่จัดแสดง ตัวอาคารดังกล่าวสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบโคโลเนียล เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว ทาด้วยสีเหลือง และประดับตราครุฑไว้หน้าอาคาร ภายในแบ่งเป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการจำนวน 6 ห้อง ว่าด้วยเรื่องเมืองพังงา ตั้งแต่สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยว พัฒนการทางประวัติศาสตร์ การเมืองการปกครอง การค้า กลุ่มชาติพันธุ์ ศาสนา ความเชื่อ การประกอบอาชีพ อาหาร ประเพณี การละเล่น และมรดกทางสถาปัตยกรรม นอกจากนี้ยังมีห้องจัดแสดงนิทรรศการชั่วคราวอีก 1 ห้อง

จ. พังงา

พิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง

พิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง ก่อสร้างขึ้นด้วยงบประมาณขององค์กรบริหารส่วนตำบลแม่สะเรียง อาคารของพิพิธภัณฑ์มีสองชั้นใต้ถุนโล่ง พื้นที่ใต้ถุนด้านล่าง เป็นศูนย์บริการข้อมูลการท่องเที่ยว และใช้จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมของตำบล ชั้นบน บริเวณห้องด้านปีกขวาของอาคาร เป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้รับพระราชทานมาจาก สมเด็จพระสังฆราชฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2549 ส่วนบริเวณห้องโถงขนาดใหญ่ ตรงกลางเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อของพระครูปัญญาวรวัตร หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ครูบาผาผ่า พระสงฆ์องค์สำคัญได้รับความเคารพเลื่อมใสศรัทธาจากประชาชนทั้งอำเภอสบเมย อำเภอแม่สะเรียง และจังหวัดแม่ฮ่องสอน และมีนิทรรศการเกี่ยวกับประเพณีต่าง ๆ ของชาวแม่สะเรียง อาทิ ประเพณีตานข้าวหย่ากุ๊(ข้าวเหนียวแดง) ประเพณีปอยส่างลอง ประเพณีแห่เทียนเห่ง ประเพณีออกหว่า(ออกพรรษา) แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ เทพสิงห์วีรบุรุษแห่งเมืองยวมผู้ปลดแอกเมืองยวมจากกองทัพพม่า ครูภูมิปัญญาเมืองยวม เป็นต้น (หมายเหตุ: พิพิธภัณฑ์เกิดเพลิงไหม้วอดทั้งหลัง ปี 2558 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุง)

จ. แม่ฮ่องสอน

พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง)

พระราชวังรัตนรังสรรค์จำลอง หรือเดิมคือพระที่นั่งรัตนรังสรรค์ พลับพลาที่ประทับในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2433 โดยพระยารัตนเศรษฐี(คอซิมก๊อง) เจ้าเมืองระนองขณะนั้น เมื่อคราวเสด็จฯประพาสหัวเมืองแหลมมลายูและหัวเมืองปักษ์ใต้ฝั่งทะเลตะวันตก จากนั้นมีการบูรณะดัดแปลงและใช้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 รวมถึงใช้เป็นศาลากลางจังหวัดในเวลาต่อมา เมื่อพระที่นั่งทรุดโทรมทางการได้รื้อทิ้งเพื่อก่อสร้างศาลากลางหลังใหม่ และได้สร้างพระราชวังรัตนรังสรรค์จำลองขึ้นมาภายหลัง เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเสด็จประทับแรมของพระมหากษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดระนอง ความน่าสนใจของพระราชวังคือ เรื่องราวประวัติศาสตร์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ได้ทรงมาประทับและสร้างบทพระราชนิพนธ์เกี่ยวกับพระราชวังรัตนรังสรรค์ รวมถึงสถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายในที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นของภาคใต้

จ. ระนอง

พิพิธภัณฑ์บ้านดุริยางคศิลปิน มนตรี ตราโมท

ครูมนตรี เป็นผู้ที่มีชีวิต 5 แผ่นดิน ตั้งแต่รัชกาลที่ 6 จนถึงรัชกาลที่ 9 ตลอดชีวิตอุทิศให้กับงานดนตรี เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2538 สิริอายุ 95 ปี ญาณี ตราโมท บุตรชายคนเล็กที่ใกล้ชิดกับพ่อ มีแนวคิดที่ต้องการให้บ้านพ่อเป็นพื้นที่ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ในแบบอย่างวิถีชีวิตที่ดีงามของพ่อ และการดนตรีไทย ในวาระครบ 100 ปี ครูมนตรี ตราโมท ในปี พ.ศ. 2543 จึงใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวปรับปรุงและเปิดบ้านให้สาธารณชนเข้าชมในนาม “พิพิธภัณฑ์บ้านดุริยางศิลปิน มนตรี ตราโมท” หรือที่รู้จักกันในนาม "บ้านโสมส่องแสง" ซึ่งเป็นบ้านของครูมนตรีที่สงบงามและเรียบง่าย แวดล้อมด้วยไม้ผลและไม้ดอกสวยงามสารพัน ภายในยังคงไว้ซึ่งห้องต่างๆ ที่ครูมนตรีใช้ชีวิต และมีส่วนต่อเติมเพื่อนำเสนอนิทรรศการเกี่ยวกับผลงานด้านดนตรีของครูมนตรี บ้านโสมส่องแสงได้รับพระราชทานรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทอาคาร โดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี พ.ศ. 2548

จ. นนทบุรี