พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียง
พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียงตั้งอยู่ข้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
บ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี แม้พิพิธภัณฑ์ไทยพวนที่อาศัยการปรับปรุงอาคารบริการในตลาดโอทอปของตำบลบ้านเชียงนี้ จะเพิ่งเปิดให้บริการเมื่อ
พ.ศ. 2560
แต่พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียงมีประวัติการก่อนตั้งที่ย้อนไปถึงช่วงปลายทศวรรษ 2540
คุณอังคณา บุญพงษ์ ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลบ้านเชียง
กล่าวถึงความตั้งใจในการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียง
ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ตนเองดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนบ้านเชียง
(ประชาเชียงเชิด)
ในครั้งนั้น
อาจารย์อังคณาได้รับร่วมมือกับสมาชิกสภาวัฒนธรรมตำบลบ้านเชียง สมาชิกในสภาวัฒนธรรม
และชาวชุมชนที่ต้องการพัฒนาสถานที่จัดเก็บ รวบรวม และถ่ายทอดประวัติความเป็นมาของบ้านเชียง
แม้ในระยะเวลาดังกล่าวจะไม่มีงบประมาณสนับสนุน
แต่ได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าอาวาสวัดสระแก้วในการใช้สถานที่เพื่อการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ไทยพวน
อาจารย์ประสิทธิ์ จันทะสี
รองประธานสภาวัฒนธรรมตำบลบ้านเชียง ซึ่งเป็นข้าราชการเกษียณจากตำแหน่งครูให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่า
ในช่วง พ.ศ.2547-2548 นั้น
เมื่อหน่วยงานราชการอย่างกระทรวงวัฒนธรรมได้รับฟังพระราชดำรัสของในหลวง ร.9
ที่กล่าวถึงวัฒนธรรมที่กำลังสูญหาย เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างมาก
จึงได้มีการน้อมนำพระราชดำรัสมาสู่การปฏิบัติและจัดตั้งเป็นสภาวัฒนธรรมในระดับตำบล
ซึ่งในบ้านเชียงมีแหล่งโบราณคดีที่มีความสำคัญในฐานะที่เป็นมรดกโลกอยู่แล้ว
แต่ในท้องถิ่น
ยังมีกลุ่มวัฒนธรรมไทยพวนที่มีการโยกย้ายมาจากเมืองเชียงขวางประเทศลาว
เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน คนไทยพวนตั้งถิ่นฐานในหลายจังหวัด เช่น ลพบุรี นครนายก
และในอุดรธานี ก็เป็นแหล่งที่ตั้งของไทยพวนด้วยเช่นกัน เช่นในบ้านผือ
และบ้านเชียงแห่งนี้
ในระยะแรกในการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ไทยพวนภายในวัดสระแก้ว
อาศัยการรับบริจาคเครื่องมือเครื่องใช้ และสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการอพยพ
ภูมิหลัง นิสัยใจคม จนสามารถพัฒนาเป็นหลักสูตรท้องถิ่นใช้สอนภายในโรงเรียนบ้านเชียง
ในช่วงการเริ่มต้นได้ใช้อาคารเด็กเล็กเที่อยู่มุมหนึ่งของวัด
ต่อมาท่านเจ้าอาวาสได้มอบกุฏิเพื่อให้สามารถเก็บข้างของต่าง ๆ
ได้อย่างมั่นคงมากขึ้น
ใช้งบประมาณล้านกว่าบาทในการปรับปรุงและบูรณะเป็นพิพิธภัณฑ์ไทยพวนในระยะต่อมา
อย่างไรก็ดี ด้วยข้อจำกัดหลายประการ
จึงทำให้พิพิธภัณฑ์ไทยพวนที่ตั้งในวัดสระแก้วไม่เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวนัก
เพราะตั้งห่างจากชุมชนและสถานที่มีความคับแคบมากขึ้น
จึงมีมติในสภาวัฒนธรรมตำบลบ้านเชียงขอใช้อาคารบริการสุขา
ซึ่งตั้งอยู่ข้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง
และอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลบ้านเชียงปรับปรุงในครั้งที่ 3 นี้
ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไทยพวนหลังปัจจุบัน
พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียงเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2560
การจัดแสดงเรื่องราวของท้องถิ่น
แม้อาคารพิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียงหลังปัจจุบันไม่ใช่อาคารใหญ่โต
แต่ภายในบอกเล่าเรื่องราวของความเป็นท้องถิ่นบ้านเชียงในมิติต่าง ๆ
ได้อย่างน่าสนใจ เมื่อผู้ชมเข้าสู่อาคาร
จะพบกับเนื้อหาในส่วนแรกกลางอาคารที่ทำหน้าที่แบ่งพื้นที่เนื้อหาเป็นปีกซ้ายและปีกขวา
รวมทั้งทำหน้าที่เป็นประธานของเรื่องราว เพราะกล่าวถึงภาพประวัติศาสตร์เมื่อครั้งที่ในหลวงรัชกาลที่
9 และสมเด็นพระนางเจ้าสิริกิตติ์ฯ เสด็จทอดพระเนตรหลุมขุดค้นทางโบราณคดีบ้านเชียง
เมื่อ พ.ศ. 2515 ในตอนที่ชื่อว่า
“ย้อนรอยอดีตพระบาทที่ยาตราแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง”
ในส่วนที่ 2
ตั้งอยู่ทางปีกซ้ายของอาคาร บอร์ดนิทรรศหารให้ข้อมูลเกี่ยวกับภูมิประเทศและการตั้งถิ่นฐาน
ประวัติคุ้มต่าง ๆ ซึ่งมีเพียงชื่อคุ้ม 2-3
แห่งเท่านั้นที่คงใช้เรียกกันในปัจจุบัน อาจารย์ประสิทธิ์
ยกตัวอย่างเช่นคุ้มกาเสือ เพราะเจอเสือ
เรียกได้ว่าเป็นการเรียกชื่อคุ้มด้วยการอิงกับธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับห้วย
หนอง คลอง บึง สระและบ่อน้ำ และประวัติต้นไม้
นับได้ว่าเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับพื้นเพของสถานที่อันเป็นที่ตั้งบ้านของคนไทยพวนบ้านเชียง
นอกเหนือจากบอร์ดนิทรรศการ ยังปรากฏวัตถุจัดแสดง อันได้แก่ เครื่องมือ
เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องมือจับสัตว์ เครื่องดนตรีพื้นบ้าน อาทิ แคน ขลุ่ย
ฯลฯ วัสดุพื้นบ้านเหล่านี้นำเสนอแยกไว้ตามประเภทของประโยชน์การใช้สอย
เหนือแท่นแสดงวัตถุมีวีดิโอที่เล่าประวัติบ้านไทยพวนบ้านเชียงขนาดสั้น
เพื่อให้ผู้ชมเห็นภาพรวม
จากนั้น เป็นส่วนการจัดแสดงที่ 3
ซึ่งตั้งอยู่ทางปีกขวาของอาคารประวัติบุคคลสำคัญของชุมชนไทยพวนบ้านเชียง
ในส่วนนี้เน้นบุคคลตัวอย่าง เช่นคนบ้านเชียงที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน
เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นศึกษานิเทศก์ หัวหน้าศึกษาธิการอำเภอ
หรือกำนันที่มีผลงานในการพัฒนาวัดและโรงเรียน เพื่อแสดงให้ลูกหลานเห็นว่า คนที่จะประสบความสำเร็จนั้นต้องเป็นคนที่มีความขยันหมั่นเพียรและเป็นแบบอย่างให้กับอนุชน
จากนั้นเป็นการเล่าประวัติโรงเรียน วัดสำคัญในพื้นที่ เช่น วัดโพธิ์ศรี
ซึ่งภายในวัดยังพบแหล่งโบราณคดีกลางแจ้งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในส่วนของประเพณี
เป็นการนำเสนอเรื่องราวงานบุญสำคัญ เช่น สงกรานต์ไทยพวน บุญเบิกบ้าน ลอยกระทง
เป็นต้น บางส่วนมีความคล้ายคลึงกับในหลายท้องถิ่นของไทย
ในส่วนของความเชื่อ
บอกเล่าให้เห็นความเชื่อเกี่ยวกับคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์นั้นมีความสำคัญในการดำเนินชีวิต
รวมถึงความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติเช่นผีปู่ย่าตายาย
ซึ่งเป็นครรลองสำคัญให้กับผู้คนในชุมชนประพฤติตนเป็นคนดีของสังคม
ส่วนในเรื่องของภาษา อาศัยการถ่ายทอดคำเรียกในภาษาไทย ภาษาอีสาน
และภาษาพวนเปรียบเทียบกัน
ในส่วนที่ 4 จัดแสดงอยู่ภายนอกอาคาร
โดยใช้พื้นที่รอบ ๆ อาคารนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิต เช่น
เกวียนในอดีตใช้บรรทุกข้าว เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ ในวัฒนธรรมการทำนา
กี่หรือหูกทอผ้า พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ และประวัติย้อมผ้าคราม
ครัวพร้อมเครื่องประกอบอาหาร
ครกตำข้าวพร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือในการทำนาเกษตรพอเพียง ทั้งอาจารย์อังคณาและอาจารย์ประสิทธิ์นั้นมีความกังวลอยู่ไม่น้อยกับวัตถุสิ่งของที่ตั้งแสดงภายนอกอาคาร
เพราะมีโอกาสแดดและฝนทำให้ข้าวของนั้นเสียหายได้
ซึ่งอยู่ในโครงการที่ต้องการพัฒนากรอบ หรือตู้การจัดแสดงอย่างเหมาะสมที่จะช่วยปกป้องข้าวของเครื่องใช้เหล่านั้น
เส้นทางในวันข้างหน้า
นอกเหนือจากเรื่องราวความเป็นมาที่ปรากฏในอาคารพิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียง
หน่วยงานอย่างกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งใจทำโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village : CIV)
ซึ่งต้องการเชื่อมต่อมาถึงสังคมเศรษฐกิจในปัจจุบัน เช่น การผลิตสินค้าจักสาน
ผ้าย้อมคราม การทำโฮมสเตย์สร้างรายได้ให้ชุมชน
สามารถทำให้ชุมชนเป็นฐานสำคัญของเศรษฐกิจ
ผู้สนใจยังสามารถเดินทางไปชมบ้านไทยพวนดั้งเดิม
ซึ่งเป็นสมบัติดั้งเดิมของบรรพบุรุษของอาจารย์อังคณา
ได้บริจาคให้กับราชการและในปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร
อาคารดังกล่าวมีความสำคัญเพราะเคยเป็นสถานที่ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จพระราชดำเนิน
จึงได้รับการรักษาไว้เป็นสมบัติให้ผู้สนใจได้รู้จักลักษณะของเรือนพื้นถิ่น
หรือเดินทางไปยังวัดโพธิ์ศรีสำหรับการเยี่ยมชมแหล่งโบราณคดีกลางแจ้ง
ซึ่งเป็นจุดกำเนิดให้บ้านเชียงเป็นที่รู้จักในระดับประเทศและระดับโลก
อย่างไรก็ตาม
แม้พิพิธภัณฑ์ไทยพวนหลังปัจจุบันจะตั้งอยู่ในสถานที่ที่สะดวกในการเดินทางและมีผู้ให้ความสนใจ
ตัวเลขของผู้ชมในปีแรกที่เปิดให้บริการนั้นสูงถึงหลักหมื่น
แต่ทั้งประธานและรองประธานสภาวัฒนธรรมตำบลบ้านเชียง กลับแสดงความกังวลอยู่ไม่น้อย
เพราะในเวลานี้ การทำงานต่าง ๆ คงอยู่ในมือของคนทำงานเพียงไม่กี่คน
แม้จะมีการแต่งตั้งกรรมการในสภาวัฒนธรรมไว้หลายคน
รวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่จะมาสานต่องานวัฒนธรรม หรือการดูแลพิพิธภัณฑ์ยังคงเป็นสิ่งที่ทั้งสองพยายามให้คำตอบเพื่อความอยู่รอดของพิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียงในอนาคต
อ้างอิง
คม ชัด ลึก,
“ท่องเที่ยววัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทพวนบ้านเชียง”, วันที่ 3 มิถุนายน 2560 จากhttp://www.komchadluek.net/news
/edu-health/280521, เข้าถึงเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561.
ประสิทธิ์ จันทะสี, “ความเป็นมาและเนื้อการจัดแสดง
พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียง, ” สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18
กรกฎาคม 2561 ณ พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียง, ตำบลบ้านเชียง
อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี.
อังคณา บุญพงษ์, “ความเป็นมาและเนื้อการจัดแสดง
พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียง,” สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม
2561 ณ พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านเชียง, ตำบลบ้านเชียง อำเภอหน
จ. อุดรธานี