รายชื่อพิพิธภัณฑ์

แหล่งเรียนรู้ปล่องเหลี่ยม

โบราณสถานปล่องเหลี่ยมตั้งอยู่ภายในโรงเรียนบ้านปล่องเหลี่ยม ริมแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำนครชัยศรี จ.สมุทรสาคร ปล่องเหลี่ยม เดิมเป็นปล่องไฟของโรงงานน้ำตาล ซึ่งในอดีตเรียกกันว่า “โรงหีบนครชัยศรี” (Nakon-chei-See Factory) ของบริษัทน้ำตาลอินโดจีน (IndoChinese sugar company limited) ประเทศอังกฤษ สร้างเมื่อ พ.ศ.2413 รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โรงงานน้ำตาลอินโดจีนแห่งนี้นับว่าเป็นโรงงานเครื่องจักรไอน้ำขนาดใหญ่แห่งแรกในสยาม เป็นโรงงานที่ทัยสมัยและนำเข้าเครื่องจักรจากอังกฤษเข้ามาใช้ในโรงงาน ในระยะต่อมาความต้องการน้ำตาลในประเทศลดลง ประกอบกับน้ำตาลจากต่างประเทศมีคุณภาพดีกว่า ทำให้โรงงานน้ำตาลอินโดจีนเลิกกิจการในราว พ.ศ.2418 หลังจากนั้น พ.ศ.2482 เจ้าของที่ดินโรงงานเดิมแห่งนี้ ได้ยกที่ดินให้ปลูกสร้างโรงเรียนบ้านปล่องเหลี่ยม โดยคงเหลือเพียงปล่องไฟตั้งเด่นตระหง่านอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนคู่กับโรงเรียนจนถึงทุกวันนี้ ภายในพื้นที่โบราณสถานมีป้ายให้ข้อมูลสำหรับผู้สนใจ ทั้งประวัติพื้นที่ ประวัติการก่อสร้าง และลักษณะทางสถาปัตยกรรม นอกจากนั้นยังมีป้ายบอกทางเข้ามายังแหล่งตั้งแต่ถนนใหญ่เป็นระยะ ทำให้เดินทางได้สะดวก

จ. สมุทรสาคร

ศูนย์การเรียนรู้หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี

ที่มาของการทำเครื่องถ้วยเบญจรงค์ใจสมาชิกกลุ่มหมู่บ้านเบญจรงค์ หมู่ที่ 1 ตำบลดอนไก่ดี คือแต่เดิมผู้หญิงในชุมนเคยทำงานเป็นลูกจ้างใน “โรงงานเสถียรภาพ” ซึ่งเป็นโรงงานผลิตถ้วยชามเซรามิค (ถ้วยชามตราไก่) ที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น ตั้งอยู่ที่ตำบล อ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน มีหลายคนได้รับการถ่ายทอดเอาความรู้และภูมิปัญญาจากวิทยากรทั้งคนไทยและคนจีนที่ทางโรงงานเสถียรภาพเชิญมาสอนและแนะนำ การเขียนลวดลายต่างๆ ลงบนถ้วยชาม ต่อมาในราวปี พ.ศ. 2532 โรงงานเสถียรภาพประสบปัญหาภาวะขาดทุน และได้ปิดกิจการลง หลังจากนั้นได้มีลูกจ้างคนงานของดอนไก่ดีได้รวมกันนำภูมิปัญญาที่ได้รับมาลงทุนทำผลิตภัณฑ์เครื่องเบญจรงค์ เป็นอุตสาหกรรมครัวเรือนในหมู่บ้านและได้มีการประยุกต์คิดค้นแบบลวดลาย รวมทั้งประโยชน์ใช้สอยและความต้องการของตลาดทำให้เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีการเปิดโฮมสเตย์เป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวที่สนใจงานเบญจรงค์เข้าไปศึกษาวิถีชีวิตและเรียนรู้กระบวนการผลิตของหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี

จ. สมุทรสาคร

ศูนย์ข้อมูลท้องถิ่น ชุมชนตลาดล่าง

ศูนย์ข้อมูลท้องถิ่น “ชุมชนตลาดล่าง”แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของบ้านเลขที่ 173-175 ถนนวานิชบำรุง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ส่วนหนึ่งของย่านที่อยู่อาศัยและศูนย์กลางเศรษฐกิจดั้งเดิมของ อ.สวี หลังจากที่การสัญจรทางน้ำในแม่น้ำสวีลดความสำคัญลงเนื่องจากมีการตัดถนน ทำให้ตลาดล่างซบเซา ต่อมาปี 2553 ชาวตลาดล่างรวมกลุ่มกันเพื่อรื้อฟื้นตลาดล่างที่กลับมาคึกคักอีกครั้งในฐานะย่านเก่าที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอำเภอ โดยมีอาจารย์จากสาขาวิชาสถาปัตยกรรมและการวางแผน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาราดกระบัง เข้ามาสนับสนุนและร่วมกันก่อตั้งศูนย์ข้อมูลท้องถิ่นชุมชนตลาดล่าง เพื่อจัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน อาทิ ประวัติศาสตร์ชุมชนตลาดล่าง. วัตถุจัดแสดงอย่างของเครื่องใช้ในอดีต ส่วนโต๊ะหมู่บูชาของตระกูลนายมุตัน แซ่ฮุน และจัดแสดงภาพวาดอาคารในย่านตลาดล่าง เป็นต้น

จ. ชุมพร

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เป็นพระราชฐานที่ประทับฤดูร้อน ณ ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี การสร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวันเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรับเสด็จในการแปรพระราชฐานในฤดูร้อน เมื่อปี 2467 เมื่อการก่อสร้างพระราชนิเวศน์เสร็จสิ้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามพระราชนิเวศน์แห่งนี้ว่า "มฤคทายวัน" พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแปรพระราชฐานประทับเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2467 (วันที่ 22 เมษายน-13 กรกฎาคม) และเสด็จประทับพักผ่อนพระราชอิริยาบถช่วงฤดูร้อน เป็นครั้งที่ 2 เมื่อปี 2468 (วันที่ 12 เมษายน-20 มิถุนายน) พระราชนิเวศน์มฤคทายวันถูกทิ้งร้างประมาณ 40 ปีเศษ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนใช้เป็นที่ตั้งศูนย์ฝึกการต่อต้านปราบปรามการก่อความไม่สงบ ได้แก่ กองกำกับการที่ 1 กองบังคับฝึกพิเศษกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ในปี 2523 หน่วยราชการนี้ได้นามพระราชทานว่า "ค่ายพระรามหก" เมื่อ 2524 พระราชนิเวศน์มฤคทายวันขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ตามประกาศกรมศิลปากร เรื่องขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน 2524 และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 98 ตอนที่ 177 หน้าที่ 3672 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2524 มีพื้นที่ประมาณ 31 ไร่ 1 งาน 63.5 ตารางวา

จ. เพชรบุรี