รายชื่อพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณสงขลา 238 Inspiration House

พิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคลของปัญญา พูลศิลป์ นักสะสมผ้าโบราณกว่า 1,000 ผืน เขาสะสมผ้าภาคใต้หาชมยาก ส่วนใหญ่เป็นผ้าจากจังหวัดสงขลา และมาจากชาวบ้านชุมชมมุสลิมเป็นหลัก และมีผ้าจากภูมิภาคอื่นๆ และจากต่างประเทศอาทิ อินเดีย มลายู จีน เป็นต้น ผืนที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุไม่น้อยกว่า 140 ปี หรือในสมัยรัชกาลที่ 4 และที่ใหม่สุดมีอายุประมาณ 30-40 ปี นอกจากนั้นยังมีผ้าบางชนิด เช่น “ผ้าปะรางิง”ซึ่งเป็นผ้าที่มาจากประเทศอินเดีย แต่ถูกนำมาปรับใช้เทคนิคในการทำลวดลาย ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาเชื่อว่าผ้าสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการเล่าเรื่อง ประวัติศาสตร์ของเมืองสงขลา ซึ่งจากการรวบรวมผ้ามาตลอด 1 ปี ทำให้ทราบว่าเมืองเก่าสงขลานั้นมีเรื่องราวมากมาย มีการผสมผสานในเรื่องผืนผ้าทั้งจากอินเดีย มาเลเซีย จีน อินโดนีเซีย ผ่านทั้งการค้าขาย ความสัมพันธ์ทางด้านครอบครัว ทำให้มีการถ่ายทอดเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายซึ่งกันและกัน อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นบ้านเก่าในเมืองเก่าสงขลาบนถนนนครใน เป็นบ้านจีนฮกเกี้ยนสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

จ. สงขลา

พิพิธภัณฑ์ของจิ๋วสัญจร

พิพิธภัณฑ์ของจิ๋วสัญจร ก่อตั้งโดยคุณปิยะนุช ศกุนตนาค มีวัตถุประสงค์ในการบันทึกเรื่องราวในอดีตให้คนในปัจจุบันและอนาคตได้เรียนรู้เรื่องของวิถีไทย ผ่านของเล็กๆ แต่เดิมอาจารย์ดรุณีนาถ นาคคง คุณแม่ของคุณปิยะนุช และคุณปิยะนุช มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูศิลปะการประดิษฐ์ของจิ๋ว ซึ่งหมายถึงสิ่งประดิษฐ์ขนาดเล็กที่ทำขึ้นเพื่อเลียนแบบสิ่งของต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และเมื่อทำออกมาเเล้วจะเหมือนของจริงทุกประการ ของจิ๋วมีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายร้อยปี ในสมัยก่อนของจิ๋วที่มีความประณีตสวยงามจะมีขั้นตอนการทำที่ละเอียดและเป็นของสะสมของเหล่าบรรดาผู้มีฐานะ ผลงานในช่วงแรกๆ ของอาจารย์ดรุณีนาถ เป็นงานที่สร้างขึ้นจากความทรงจำในวัยเด็ก เนื่องจากครอบครัวของอาจารย์มีเชื้อสายมอญ จึงไม่อนุญาตให้ลูกหลานเล่นตุ๊กตา เมื่อเติบโตขึ้น อาจารย์ดรุณีนาถจึงได้เริ่มสะสมของจิ๋ว และได้สะสมมาเป็นเวลาถึง 30 ปีแล้ว และยังเป็นผู้ที่คิดค้นสูตรแป้งปั้นของจิ๋วที่เป็นที่นิยมแพร่หลายในเวลาต่อมา เนื่องจากพิพิธภัณฑ์ของจิ๋วเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกและสามารถเคลื่อนที่ได้ การจัดแสดงผลงานขนาดเล็กมีหัวข้อและเรื่องราวแตกต่างกันออกไป เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ร้านขนมปัง เรือนไทย โต๊ะหมู่บูชา ฯลฯ จึงไม่ต้องอาศัยพื้นที่กว้าง การเคลื่อนที่จัดแสดงไปตามสถานที่ต่างๆ อย่างไรก็ตาม คุณปิยนุชได้รับแรงบันดาลใจจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงดำรัสว่า นี่เป็นโครงการดีที่ควรเผยแพร่ ทำให้คุณปิยนุชเกิดแรงใจจัดตั้งโครงการ “พิพิธภัณฑ์ของจิ๋วสัญจร” ขึ้น ห้องจัดแสดงมีประมาณ 30 กว่าห้อง เช่น ห้องพิธีไหว้ครูจิ๋ว ห้องของเล็กที่สุดในโลก ห้องพันธุ์ปลาในท้องทะเลไทยทุกชนิดจิ๋ว วิถีชีวิตไทยจิ๋ว ขนมจิ๋ว งานลอยกระทงจิ๋ว เป็นต้น การเดินทางของพิพิธภัณฑ์ของจิ๋วสัญจรแต่ละครั้ง ยังมีการสอนเด็กๆ ให้เรียนการประดิษฐ์ของเล็กๆ ในเวลาสั้นๆ ประมาณครึ่ง ช.ม. นักเรียนจะนำผลงานที่ปั้นกลับไปชื่นชมที่บ้านได้ด้วย

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์ต้านโกง

พิพิธภัณฑ์ต้านโกง ก่อตั้งโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) เป็นส่วนหนึ่งของงานด้านการให้ความรู้และการศึกษา เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกในชุมชนได้ตระหนักและเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการเกิดการทุจริต โดยมีแนวคิดหลักของนิทรรศการ คือ “การทุจริต เริ่มที่เราและจบที่เราในฐานะพลเมืองที่ตื่นรู้ จากระดับบุคคลผสานความร่วมมือ สร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง ไม่ก้มหัวให้กับการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ สังคมก็จะไม่มีความโปร่งใส และพัฒนาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด” นิทรรศการถาวรแบ่งออกเป็นสิบโซน มีทั้งการตั้งคำถามให้ผู้ชมคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับการทุจริตที่อยู่ในชีวิตประจำวัน การนำเสนอข้อมูลกรณีศึกษาการทุจริตที่มีชื่อเสียงที่ฉาวโฉ่ เช่นโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน รวมถึงบทบาทและขั้นตอนการทำงานของปปช.

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์

พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ตั้งอยู่ภายในพระมหาเจดีย์มหารัชมงคล วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งถอดแบบมาจากเจดีย์ของวัดโลกโมฬี จังหวัดเชียงใหม่ มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ฐาน 9 ชั้น ภายในพระมหาเจดีย์มีอยู่ 5 ชั้น ส่วนที่จัดเป็นพิพิธภัณฑ์มีอยู่ 2 ชั้น คือ ชั้น 1 ห้องมหาชนคุณารมณ์ จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ และชั้น 3 ห้องสังฆคุณารมณ์ ประดิษฐานพระพุทธรูปหลายหลายลักษณะ ซึ่งวัตถุสิ่งของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ทั้ง 2 ส่วน มีทั้งพระพุทธรูป เครื่องอัฐบริขาร พระคัมภีร์ ข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ต่าง ๆ และที่สำคัญคือ ตาลปัตรและพัศยศที่มีมากกว่า 3,000 เล่ม

จ. กรุงเทพมหานคร

หอประวัติหลวงสำรวจพฤกษาลัย (นายสมบูรณ์ ณ ถลาง)

หอประวัติหลวงสำรวจพฤกษาลัย (นายสมบูรณ์ ณ ถลาง) ตั้งอยู่ที่กองการยาง สถาบันวิจัยยาง ภายในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชีวประวัติและสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของหลวงสำรวจพฤกษาลัย หรือนายสมบูรณ์ ณ ถลาง ผู้มีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกและพัฒนาการปลูกยางพาราในประเทศไทย นายสมบูรณ์ ณ ถลาง สำเร็จการศึกษาวิชาการป่าไม้จากมหาวิทยาลัยในประเทศพม่า หลังจบการศึกษาได้เข้ารับราชการกรมป่าไม้ ประจำอยู่สำนักงานป่าไม้หลายจังหวัด และได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองการยาง ด้วยความที่ท่านเป็นผู้สนใจศึกษาเกี่ยวกับการทำสวนยางพาราต่อมาเมื่อกองการยางโอนย้ายมาอยู่กับกรมกสิกรรม (กรมวิชาการเกษตรในปัจจุบัน) จึงได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการกองการยาง และเป็นการสำคัญในการวางรากฐานและพัฒนากิจการยางของไทยมาจนถึงปัจจุบน

จ. กรุงเทพมหานคร

พิพิธภัณฑ์สึนามิระหว่างประเทศ

พิพิธภัณฑ์สึนามิระหว่างประเทศ ก่อตั้งโดยคุณรัชนีกร ทองทิพย์ บริหารจัดการภายใต้สถาบันเพื่อการศึกษาและวัฒนธรรม(องค์กรสาธารณประโยชน์) พิพิธภัณฑ์ก่อตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2547 อยู่ตรงข้ามกับอนุสรณ์สถานสึนามิ เรือ ต.813 ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายเหตุการณ์ ประกอบด้วยแผนที่ ภาพถ่าย ข่าว ข้อความที่เขียนระลึกถึงผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับผลกระทบ และข้อความอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากพิพิธภัณฑ์จะรำลึกถึงเหตุการสึนามิแล้ว ยังเป็นพื้นที่ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติทางทะเลและการรับมือกับภัยพิบัติด้วย

จ. พังงา

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเรือเกยตื้นธรณีพิบัติภัยสึนามิ

หลังเหตุการณ์สึนามิในไทยปี พ.ศ. 2547 พื้นที่ในอำเภอตะกั่วป่ากลายเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของผู้คน เรือประมงสองลำสีส้มกับสีฟ้าที่ถูกคลื่นพัดเข้ามาเกยตื้นบนชายฝั่ง กลายประจักษ์พยานสำคัญที่บอกเล่าเหตุการณ์ภัยพิบัติบนพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า โดยเรือสีฟ้า เป็นเรือที่มีเชือกหลุดห้อยออกมานอกลำเรือ ทำให้ชาวบ้านสามารถยึดเกาะและรอดชีวิตเป็นจำนวนมาก ส่วนเรือสีส้มก็จะหมุนเคว้งทำให้บ้านเรือนพังเสียหายไปหลายหลัง ซึ่งในคราวนั้น กระทรวงวัฒนธรรมได้มีโครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งธรณีพิบัติภัยสึนามิ เรือประมงเกยตื้น (ส้มฟ้า) บ้านน้ำเค็ม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสึนามิรวมถึงวิถีชีวิตวัฒนธรรมท้องถิ่น ภายในพื้นที่จะมีการจัดแสดงเรือประมงสองลำสีส้มและสีฟ้า และสร้างส่วนของอาคารพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ปรับภูมิทัศน์ต่างๆ โดยรอบ อย่างไรก็ดีราวปี 2559 โครงการนี้ยังไม่คืบหน้า และเรือประมงสีส้มฟ้าถูกปล่อยให้ผุผัง ไม่มีการซ่อมบำรุง กลายเป็นข่าวที่ชาวบ้านวอนให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบรีบเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามที่เคยวางเป้าหมายไว้

จ. พังงา

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นพิพิธภัณฑสถานทางธรรมชาติวิทยาแห่งแรกของไทย รวบรวมตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตไว้หลายประเภท ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ ครอบคลุมทั้งสัตว์เลื้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก นก แมลง ปลา และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง มีสัตว์หายาก 141 ชนิด ส่วนหนึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง ปัจจุบันแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 5 ห้องได้แก่ ห้องนิทรรศการหลัก ห้องแสดงตัวอย่างเต่าและตะพาบ ห้องแสดงตัวอย่างแมลงและไร พิพิธภัณฑ์หอยทากของไทย และพิพิธภัณฑ์สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ภายในห้องนิทรรศการหลักจัดแสดงสัตว์สารพัดชนิดในรูปสัตว์สตัฟฟ์ โครงกระดูก และสัตว์ที่ดองอยู่ในภาชนะ ส่วนหนึ่งจัดแสดงหินและแร่ธาตุต่างๆ

จ. กรุงเทพมหานคร

ศูนย์ภูมิปัญญาเวียงเชียงรุ้ง

ศูนย์ภูมิปัญญาเวียงเชียงรุ้ง เปิดดำเนินการ ปีการศึกษา 2549 โดยนายธีรยุทธ ชัยอิ่นคำ ผู้อำนวยการโรงเรียนเวียงเชียงรุ้งวิทยาคม นายมานพ สุขพิงค์ หัวหน้ากลุ่มบริหารงานวิชาการและหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และนายบุญมา พมาลัย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านเหล่า ให้การสนับสนุนในการก่อตั้ง และได้รับเกียรติจากนายสมควร นัยติ๊บ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย มาเป็นประธานเปิดศูนย์ภูมิปัญญาเวียงเชียงรุ้งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2550 ส่วนกรรมการฝ่ายสงฆ์ มีพระปลัดภัทรพงษ์ นิรุตติเมธี (นายภัทรพงษ์ มโนวรรณ) วัดศรีดอยเรือง ตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เป็นองค์ประสานงาน ส่วนนายสมชาย วิริจินดา (นายสมรตน วิริจินดา) เลขานุการศูนย์ภูมิปัญญาเวียงเชียงรุ้ง และนางสังวาลย์ วิริจินดา (นางญาณิน วิริจินดา) ผู้ช่วยเลขานุการศูนย์ภูมิปัญญาเวียงเชียงรุ้ง เป็นผู้ประสานงานทั้งหมด

จ. เชียงราย

พิพิธภัณฑ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พิพิธภัณฑ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์และเฉลิมฉลองในวาระแห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครบ 100 ปี โดยให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ในสถานศึกษาแห่งใหม่ล่าสุดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นแหล่งรวบรวมและนำเสนอสาระเกี่ยวกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในภาพรวม เป็นสถานที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานด้านต่างๆของมหาวิทยาลัย ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้สัมผัสและเรียนรู้ในภาพรวมของมหาวิทยาลัยในฐานะที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีพัฒนาการ มีองค์ความรู้และการบูรณาการด้านต่างๆ ตลอดระยะเวลา 100 ปี ของการก่อตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านสื่อต่างๆ ที่ใช้รูปแบบการนำเสนอในลักษณะ Modern and Narrative Museum อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมและนิทรรศการหมุนเวียนต่างๆ สำหรับนิสิตและบุคลากรของมหาวิทยาลัย ร่วมกับพื้นที่ในบริเวณลานศิลปวัฒนธรรม ให้เกิดขึ้นในบริเวณมหาวิทยาลัย ร่วมกับพื้นที่ในบริเวณลานศิลปวัฒนธรรมและอาคารศิลปวัฒนธรรม ที่ตั้งอยู่บริเวณลานศิลปวัฒนธรรมและอาคารศิลปวัฒนธรรม ที่ตั้งอยู่บริเวณถัดออกไป ตลอดจนเป็นแหล่งรองรับนโยบายการพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต

จ. กรุงเทพมหานคร