อายุ-จารึกพุทธศตวรรษที่ 12, ยุคสมัย-จารึกอาณาจักรเจนละ, ยุคสมัย-จารึกอาณาจักรเจนละ-พระเจ้าอิศานวรมันที่ 1, วัตถุ-จารึกบนหิน, ที่อยู่ปัจจุบัน-พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก ปทุมธานี, ศาสนา-จารึกในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู, ศาสนา-จารึกในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิไศวนิกาย, เรื่อง-พิธีกรรมทางศาสนา-กัลปนา, เรื่อง-การบริจาคและการทำบุญ, เรื่อง-การบริจาคและการทำบุญ-ถวายข้าพระ, เรื่อง-ความเป็นอยู่และประเพณี, เรื่อง-ความเป็นอยู่และประเพณี-สร้างศิลาจารึก, เรื่อง-ความเป็นอยู่และประเพณี-ประดิษฐานศิลาจารึก, บุคคล-กษัตริย์และผู้ครองอาณาจักรเจนละ, บุคคล-กษัตริย์และผู้ครองอาณาจักรเจนละ-พระเจ้าอิศานวรมันที่ 1,
โพสต์เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2550 13:59:58 ( อัพเดทเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2568 16:49:37 )
ชื่อจารึก |
จารึกจันทบูร |
ชื่อจารึกแบบอื่นๆ |
จบ. 3, จบ. 4, K. 502, จารึกวัดทองทั่ว-ไชยชุมพล, Nouvelles Inscriptions de Chantaboun, Inscription de Văt Thong Thuâ, Inscription du Văt Săbāb, No. 23 Vat Sabab Inscription of Īśānavarma, เลขทะเบียนโบราณวัตถุที่ 99/275/2550, จารึกวัดทองทั่ว, จารึกวัดไชยชุมพล |
อักษรที่มีในจารึก |
ปัลลวะ |
ศักราช |
พุทธศตวรรษ 12 |
ภาษา |
สันสกฤต, เขมร |
ด้าน/บรรทัด |
จำนวนด้าน 1 ด้าน มี 24 บรรทัด ชำรุดแตกหัก เหลืออยู่ 2 ชิ้น ชิ้นแรกมี 8 บรรทัด ชิ้นที่ 2 มี 16 บรรทัด |
วัตถุจารึก |
ศิลา |
ลักษณะวัตถุ |
เป็นชิ้นส่วนที่แตกหัก |
ขนาดวัตถุ |
ชิ้นที่ 1 กว้าง 66 ซม. สูง 100 ซม. หนา 12 ซม. ชิ้นที่ 2 กว้าง 13 ซม. สูง 40 ซม. หนา 13 ซม. |
บัญชี/ทะเบียนวัตถุ |
1) กองหอสมุดแห่งชาติ กำหนดเป็น “จบ. 3” และ “จบ. 4” |
ปีที่พบจารึก |
พุทธศักราช 2462 |
สถานที่พบ |
วัดทองทั่ว และ วัดไชยชุมพล ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี |
ผู้พบ |
le Frère Hilaire เป็นผู้พบจารึกวัดทองทั่ว และ พระวิภาชวิทยาสิทธิเป็นผู้พบจารึกวัดสระบาป |
ปัจจุบันอยู่ที่ |
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กาญจนาภิเษก ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (สำรวจข้อมูล พฤษภาคม 2565) |
พิมพ์เผยแพร่ |
1) Bulletin de l'École Française d’Éxtrême-Orient XXIV (1924) : 352-355. |
ประวัติ |
จารึกหลักนี้ ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในวารสารสำนักฝรั่งเศสปลายบูรพาทิศ (Bulletin de l’École Française d’Éxtrême-Orient) ฉบับที่ 24 ปี พ.ศ. 2467 โดย ศ. ยอร์ช เซเดส์ ได้รายงานเกี่ยวกับจารึกใหม่ 3 ชิ้น ที่พบในมณฑลจันทบูร คือ จารึกขลุง จารึกวัดทองทั่ว และ จารึกวัดสระบาป ไว้ในบทความชื่อ กัมพูชาศึกษา (Etudes Cambodgiennes) หัวข้อที่ 18 เรื่อง “การขยายตัวของอาณาจักรกัมพูชาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ในคริสตศตวรรษที่ 7 (ราวพุทธศตวรรษที่ 13) (จารึกหลักใหม่พบที่จันทบูร)” โดยท่านได้กำหนดรหัสให้จารึกทั้ง 3 ใช้รหัสเดียวกันคือ “K. 502” จารึกจันทบูร (K. 502) นี้ ประกอบด้วยชิ้นส่วนจารึก 2 ชิ้น ซึ่งพบอยู่กันคนละแห่ง คือชิ้นหนึ่งพบที่วัดทองทั่ว ส่วนอีกชิ้นหนึ่งพบที่วัดสระบาป แต่เมื่อศึกษาถึงรูปอักษรและเนื้อความแล้ว ศ. ยอร์ช เซเดส์ สรุปว่าชิ้นส่วนจารึกทั้ง 2 ชิ้นนี้มาจากจารึกหลักเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการกล่าวถึงจารึกที่พบที่วัดทองทั่วก็เรียกกันว่า “จารึกวัดทองทั่ว” เมื่อกล่าวถึงจารึกที่พบที่วัดสระบาป ก็เรียก “จารึกวัดสระบาป” นอกจากนี้ ในบทความของ ศ. ยอร์ช เซเดส์ เมื่อกล่าวถึงจารึกทั้ง 2 ชิ้น นี้ในฐานะที่เป็นจารึกหลักเดียว ก็จะเรียกว่า “จารึกจันทบูร” ดังนั้น ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทยจึงขอใช้ชื่อที่ ศ. ยอร์ช เซเดส์ เรียกมาแต่เดิมว่า “จารึกจันทบูร” สำหรับคำอ่านและคำแปลที่หอสมุดแห่งชาติได้พิมพ์เผยแพร่นั้น ได้ใช้ชื่อว่า “จารึกวัดทองทั่ว-ไชยชุมพล” คือเรียกรวมทั้งจารึกวัดทองทั่ว และ จารึกวัดสระบาป รวมไปด้วยกัน แต่เหตุที่ใช้ชื่อ “ไชยชุมพล” นั้น เนื่องมาจากว่า วัดสระบาป ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดชัยชมภูพล” หรือ “ไชยชุมพล” เมื่อปี พ.ศ. 2485 เข้าใจว่าหอสมุดแห่งชาติคงเรียกชื่อจารึกตามชื่อใหม่นี้นั่นเอง จารึกจันทบูร ชิ้นส่วนที่ได้มาจากวัดทองทั่วนั้น เป็นชิ้นส่วนจารึกชิ้นเล็กที่แตกออกมาจากจารึกชิ้นใหญ่ ประกอบด้วยตัวอักษรปัลลวะ 8 บรรทัด ศ. ยอร์ช เซเดส์ วิเคราะห์ว่าเป็นคำเขมร และอ่านไว้เพียงบางคำคือ จมฺเรง ตฺมุรฺ เสฺร โกนฺ โวฺระ เป็นต้น จากประวัติเล่าว่าจารึกชิ้นนี้ พบที่วัดทองทั่วโดยหลวงพี่อิลาอีร์ อาจารย์วิทยาลัยอัสสัมชัญ (กรุงเทพฯ) เมื่อราวเดือนมกราคม พ.ศ. 2462 สำหรับ จารึกจันทบูร ชิ้นส่วนที่ได้มาจากวัดสระบาป เป็นชิ้นส่วนจารึกชิ้นใหญ่มีอยู่ด้วยกัน 16 บรรทัด ศ. ยอร์ช เซเดส์ วิเคราะห์ว่ามีทั้งส่วนที่เขียนด้วยภาษาสันสกฤตและภาษาเขมร จากประวัติเล่าว่า ไม่ทราบถึงที่มาที่แน่นอนของจารึกหลักนี้ แต่ทราบว่า พระวิภาชวิทยาสิทธิ ผู้ตรวจราชการ พบที่วัดสระบาป จากนั้น ผู้ว่าราชการมณฑลจันทบูรจึงได้ส่งจารึกหลักนี้พร้อมกับจารึกขลุง มาเก็บรักษาไว้ยังหอพระสมุดวชิรญาณ นอกจากบทความของ ศ. ยอร์ช เซเดส์ ดังกล่าวแล้ว ต่อมาปี พ.ศ. 2485 ศ. ยอร์ช เซเดส์ ได้เขียนถึง “จารึกวัดจองแอก (K. 426)” ลงในหนังสือ “Inscriptions du Cambodge” เล่ม 2 และได้กล่าวอ้างถึงจารึกวัดสระบาปด้วยเช่นกัน โดยเรียกรวมไปว่า “จารึกจันทบูร (K. 502)” เนื้อหาของบทความนี้ที่เกี่ยวข้องกับจารึกจันทบูรคือ จารึกวัดจองแอกได้กล่าวถึงชื่อ “สิทธายตน” ซึ่งชื่อนี้นอกจากจะมีปรากฏอยู่ในจารึกวัดจองแอก (K. 426) แล้ว ก็ยังมีปรากฏในจารึกจันทบูร (K. 502) และ จารึกสด๊กก๊อกธม 2 (K. 235) ด้วยเช่นกัน ต่อมา ปี พ.ศ. 2496 ศ. มาจุมดาร์ ได้นำคำอ่านและแปลของ ศ. ยอร์ช เซเดส์ มาตีพิมพ์ในหนังสือ “Inscriptions of Kambuja” โดยท่านได้เรียกจารึกหลักนี้ว่า “จารึกวัดสระบาปของพระเจ้าอีศานวรมัน” และในปี พ.ศ. 2509 ศ. ยอร์ช เซเดส์ ได้ตีพิมพ์หนังสือ “Inscriptions du Cambodge” เล่มที่ 8 ซึ่งเป็นฉบับดัชนีค้นหาขึ้น โดยรวมเอาจารึกหลักนี้เข้าไว้ในบัญชีค้นหาด้วย โดยกำหนดให้จารึกหลักนี้มีรหัสว่า “K. 502” พบที่วัดสระบาป-วัดทองทั่ว (มีหลายชิ้น) จังหวัดปราจีนบุรี (ขณะนั้น) เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ต่อมา อ. ชะเอม แก้วคล้าย ได้อ่านและแปลจารึกหลักนี้ใหม่อีกครั้ง โดยใช้ชื่อว่า “จารึกวัดทองทั่ว-ไชยชุมพล” เพื่อตีพิมพ์ในวารสารศิลปากร ฉบับปี พ.ศ. 2541 แต่เนื่องจาก ช่วงระยะเวลาเกือบ 80 ปี ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติจารึกที่หอสมุดแห่งชาตินั้นไม่สามารถสืบค้นได้ จึงมิได้ลงประวัติความเป็นมาของจารึกทั้ง 2 ชิ้นนี้ไว้ จากที่อยู่ซึ่งกระจัดกระจายนี้ อาจสันนิษฐานได้ว่า จารึกจันทบูรนั้น เดิมอาจเป็นส่วนประกอบอาคารของเทวสถานที่เมืองเพนียด เนื่องจากในเขตตำบลเดียวกันกับวัดทั้ง 2 ต่อมา เทวสถานอาจถูกทำลายลง ทำให้จารึกถูกทำลายแตกหักไปด้วย นานวันเข้าก็อาจจะมีราษฎรหรือพระภิกษุสงฆ์ไปเก็บชิ้นส่วนเหล่านั้นมาจากเมืองเพนียด มารักษาไว้ที่วัดทองทั่ว และวัดสระบาป |
เนื้อหาโดยสังเขป |
จารึกหลักนี้ น่าจะสั่งให้ทำโดยพระเจ้าศรีอีศานวรมันที่ 1 (พ.ศ. 1158-1178) และทรงรับสั่งให้นำมาประดิษฐาน ณ เทวสถานใดเทวสถานหนึ่งในเขตอำเภอเมืองฯ จังหวัดจันทบุรี เนื่องจากปรากฏข้อความที่กล่าวว่า “ศิลาที่สกัดด้วยเหล็ก ที่พระเจ้าศรีอีศานวรมันได้พระราชทานไว้” เนื้อความโดยส่วนใหญ่ เป็นรายชื่อของทาสจำนวนมาก และ โค-กระบือ ที่พระองค์ทรงอุทิศถวายไว้ให้แก่เทวสถานนั้น |
ผู้สร้าง |
พระเจ้าอิศานวรมันที่ 1 |
การกำหนดอายุ |
กำหนดอายุจากรูปอักษรปัลลวะ ได้อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 และมีการกล่าวอ้างถึงพระเจ้าศรีอีศานวรมันที่ 1 จึงทำให้ทราบว่าจารึกหลักนี้มีอายุในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 12 อันเป็นระยะเวลาที่พระเจ้าศรีอีศานวรมันครองราชย์ |
ข้อมูลอ้างอิง |
เรียบเรียงข้อมูลโดย : ตรงใจ หุตางกูร, โครงการฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย, ศมส., 2547, จาก : |
ภาพประกอบ |
1) ภาพสำเนาจารึกจาก : ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2545 (เลขทะเบียน CD; INS-TH-21, ไฟล์; CB_001) |