อายุ-จารึกพุทธศตวรรษที่ 12, ยุคสมัย-จารึกสมัยทวารวดี, วัตถุ-จารึกบนหิน, ลักษณะ-จารึกบนแผ่นรูปสี่เหลี่ยม, ลักษณะ-จารึกบนแผ่นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า, ที่อยู่ปัจจุบัน-จารึกบ้านพรหมทินใต้ ลพบุรี, ศาสนา-จารึกในพระพุทธศาสนา, เรื่อง-เวทมนตร์คาถาในพระพุทธศาสนา, เรื่อง-เวทมนตร์คาถาในพระพุทธศาสนา-เยธมฺมาฯ,
โพสต์เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2550 13:59:58 ( อัพเดทเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2563 16:27:09 )
ชื่อจารึก |
จารึกเมืองพรหมทิน 1 |
อักษรที่มีในจารึก |
ปัลลวะ |
ศักราช |
พุทธศตวรรษ 12 |
ภาษา |
บาลี |
ด้าน/บรรทัด |
จำนวนด้าน 1 ด้าน มี 4 บรรทัด |
วัตถุจารึก |
ศิลา |
ลักษณะวัตถุ |
สี่เหลี่ยมผืนผ้า |
ขนาดวัตถุ |
กว้าง 7.4 ซม. ยาว 18 ซม. |
บัญชี/ทะเบียนวัตถุ |
1) กองหอสมุดแห่งชาติ กำหนดเป็น “ลบ. 16” |
ปีที่พบจารึก |
พุทธศักราช 2522 |
สถานที่พบ |
บ้านพรหมทินใต้ ตำบลหลุมข้าว อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี |
ผู้พบ |
นายบุญธรรม ชินดง |
ปัจจุบันอยู่ที่ |
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี (สำรวจเมื่อ 17-20 มีนาคม 2560) |
พิมพ์เผยแพร่ |
1) จารึกโบราณรุ่นแรกพบที่ลพบุรีและใกล้เคียง (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2524), 11-13. |
ประวัติ |
จารึกหลักนี้ นายบุญธรรม ชินดง ราษฎรบ้านพรหมทิน ตำบลหลุมข้าว อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ได้พบในคราวไถนาเมื่อราว 30 ปีมาแล้ว การพบจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาบาลี โดยมีคาถาเยธมฺมาฯ จารอยู่นี้ เป็นสิ่งที่พบได้ในวัฒนธรรมทวารวดีที่จังหวัดนครปฐมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้หลักฐานทางโบราณคดีที่พบที่ชุมชนโบราณที่เมืองพรหมทิน ประกอบด้วยหลักฐานทางโบราณคดีประเภทเศษภาชนะดินเผา หินบด ลูกปัด ฐานของสถูปก่อด้วยอิฐที่เผาด้วยอุณหภูมิต่ำ ซึ่งล้วนเป็นหลักฐานทางโบราณคดีที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมทวารวดีอื่นๆ ในภาคกลางของประเทศไทย หากเปรียบเทียบโบราณวัตถุดังกล่าวกับโบราณวัตถุที่พบในเมืองโบราณอื่นๆ แล้ว ก็อาจกำหนดอายุของชุมชนโบราณที่เมืองพรหมทินได้ราวพุทธศตวรรษที่ 11 หรือ 12 ซึ่งเป็นสมัยที่วัฒนธรรมทวารวดีรุ่งเรืองเป็นอย่างมากในภาคกลางของประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม ชุมชนโบราณแห่งนี้ ไม่มีร่องรอยของคูน้ำคันดิน ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของชุมชนโบราณที่ได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมทวารวดี ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าชุมชนโบราณแห่งนี้เป็นชุมชนที่ไม่ใหญ่นัก หรือ อาจถูกไถปรับหน้าดิน ซึ่งทำให้ร่องรอยของคูน้ำคันดินถูกปรับเป็นพื้นเรียบไปในสมัยต่อมา เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2522 เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ได้ออกสำรวจหาข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนแห่งนี้ จึงได้ทราบว่า มีราษฎรพบจารึกชิ้นหนึ่ง จึงได้ขอคัดลอกและนำสำเนาส่งให้เจ้าหน้าที่จารึกกองหอสมุดแห่งชาติ |
เนื้อหาโดยสังเขป |
คาถา เย ธมฺมาฯ นี้ นับว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เป็นคาถาคัดมาจากพระวินัยปิฎก มหาวรรค มหาขันธกะ ตอนพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะบรรพชา โดยมีเรื่องย่อว่า “สมัยนั้น สัญชัยปริพาชก (ปริพาชก คือ นักบวชที่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา) อาศัยอยู่ ณ กรุงราชคฤห์ พร้อมด้วยบริษัทปริพาชกหมู่ใหญ่ จำนวน 250 คน และสมัยนั้น สารีบุตรและโมคคัลลานะประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักสัญชัยปริพาชก ต่างทำกติกากันว่า ใครได้บรรลุอมตธรรมก่อน จงบอกแก่อีกคนหนึ่ง สารีบุตรปริพาชกได้เห็นพระอัสสชิเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์ เพื่อบิณฑบาต มีความเลื่อมใสในความสงบเสงี่ยมเรียบร้อยของท่าน จึงรอจนได้โอกาสก็เข้าไปถามถึงหลักธรรมในศาสนาที่ท่านบวช ท่านกล่าวหลักธรรมเพียงย่อๆ ให้ฟังว่า ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น สารีบุตรได้ฟังก็ได้ดวงตาเห็นธรรม แล้วนำมาเล่าให้โมคคัลลานะฟัง โมคคัลลานะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม จึงพากันไปลาปริพาชก 250 คน เพื่อจะไปบวชในสำนักพระบรมศาสดา แต่ปริพาชกเหล่านั้นขอไปด้วย จึงพร้อมกันไปลาสัญชัยผู้เป็นอาจารย์ สัญชัยขอให้อยู่กันบริหารหมู่คณะถึง 3 ครั้ง แต่สาริบุตรกับโมคคัลลานะไม่ยอม คงลาไป พร้อมทั้งปริพาชก อีก 250 คน สัญชัยเสียใจ ถึงอาเจียนเป็นโลหิต เมื่อปริพาชกทั้งหลาย ได้ไปเฝ้าทูลขอบวชในพระพุทธศาสนาต่อพระผู้มีพระภาคก็ได้รับพระพุทธานุญาตให้เป็นภิกษุ ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา (พระไตรปิฎกฉบับประชาชน ภาค 4 ความย่อแห่งพระไตรปิฎก เล่ม 4, 2539, หน้า 217)” |
ผู้สร้าง |
ไม่ปรากฏหลักฐาน |
การกำหนดอายุ |
กำหนดอายุตามรูปแบบอักษรปัลลวะ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 นอกจากนี้ นายเทิม มีเต็ม ยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับการกำหนดอายุไว้ดังนี้คือ |
ข้อมูลอ้างอิง |
เรียบเรียงข้อมูลโดย : ตรงใจ หุตางกูร, วชรพร อังกูรชัชชัย และดอกรัก พยัคศรี, โครงการฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย, ศมส., 2547, จาก : |
ภาพประกอบ |
ภาพถ่ายจารึกจาก : โครงการพัฒนาฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน), สำรวจเมื่อ 26 สิงหาคม 2547 |