โพสต์เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2550 13:59:58 ( อัพเดทเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 15:57:27 )
ชื่อจารึก |
จารึกเยธมฺมาฯ 3 (หน้าศาลเจ้าฯ) |
ชื่อจารึกแบบอื่นๆ |
ศิลาจารึกที่ศาลเจ้า พระปฐมเจดีย์, จารึกบนแผ่นศิลาที่ศาลา ในบริเวณพระปฐมเจดีย์, จารึกเยธมฺมาฯ 3 (หน้าศาลเจ้าฯ), นฐ. 4 |
อักษรที่มีในจารึก |
ปัลลวะ |
ศักราช |
พุทธศตวรรษ 12 |
ภาษา |
บาลี |
ด้าน/บรรทัด |
จำนวนด้าน 1 ด้าน มี 4 บรรทัด |
วัตถุจารึก |
ศิลา |
ลักษณะวัตถุ |
สี่เหลี่ยม |
ขนาดวัตถุ |
กว้าง 40 ซม. สูง 24 ซม. |
บัญชี/ทะเบียนวัตถุ |
1) กองหอสมุดแห่งชาติ กำหนดเป็น “นฐ. 4” |
ปีที่พบจารึก |
ไม่ปรากฏหลักฐาน |
สถานที่พบ |
ศาลเจ้าหน้าพระอุโบสถ ข้างองค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม |
ผู้พบ |
ไม่ปรากฏหลักฐาน |
ปัจจุบันอยู่ที่ |
ศาลเจ้าหน้าพระอุโบสถ ข้างองค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม |
พิมพ์เผยแพร่ |
1) ประชุมศิลาจารึกสยาม ภาคที่ 2 (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2472), 6-8. |
ประวัติ |
สำเนาของจารึกนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 แผ่น เก็บรักษาไว้ที่หอสมุดพระวชิรญาณ ต่อมาเมื่อนำสำเนามาเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ จึงได้มีการอ่านสำเนานี้เพื่อตีพิมพ์ในหนังสือชุด จารึกในประเทศไทย โดยในการนี้ นายชะเอม แก้วคล้าย ได้อ่านและแปลสำเนา และได้ให้ข้อสังเกตว่า สำเนาฉบับนี้ คงจะเป็นสำเนาของจารึกกลุ่มเดียวกับศิลาจารึกที่ศาลเจ้า พระปฐมเจดีย์ ซึ่งเกี่ยวกับศิลาจารึกที่ศาลเจ้านี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยทรงนิพนธ์ไว้แล้วเกี่ยวกับคาถาเยธมฺมาฯ ซึ่งต่อมา ศ. ยอร์ช เซเดส์ ได้นำพระราชนิพนธ์ดังกล่าวมาตีพิมพ์ลงในหนังสือ ประชุมศิลาจารึกสยาม ภาคที่ 2 ในปี พ.ศ. 2472 และ ตีพิมพ์ซ้ำอีกครั้งในปี พ.ศ. 2404 โดยใช้ชื่อว่า ประชุมศิลาจารึก ภาคที่ 2 |
เนื้อหาโดยสังเขป |
คาถา เย ธมฺมาฯ นี้ นับว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เป็นคาถาคัดมาจากพระวินัยปิฎก มหาวรรค มหาขันธกะ ตอนพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะบรรพชา โดยมีเรื่องย่อว่า “สมัยนั้น สัญชัยปริพาชก (ปริพาชก คือ นักบวชที่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา) อาศัยอยู่ ณ กรุงราชคฤห์ พร้อมด้วยบริษัทปริพาชกหมู่ใหญ่ จำนวน 250 คน และสมัยนั้น สารีบุตรและโมคคัลลานะประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักสัญชัยปริพาชก ต่างทำกติกากันว่า ใครได้บรรลุอมตธรรมก่อน จงบอกแก่อีกคนหนึ่ง สารีบุตรปริพาชกได้เห็นพระอัสสชิเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์ เพื่อบิณฑบาต มีความเลื่อมใสในความสงบเสงี่ยมเรียบร้อยของท่าน จึงรอจนได้โอกาสก็เข้าไปถามถึงหลักธรรมในศาสนาที่ท่านบวช ท่านกล่าวหลักธรรมเพียงย่อๆ ให้ฟังว่า ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น สารีบุตรได้ฟังก็ได้ดวงตาเห็นธรรม แล้วนำมาเล่าให้โมคคัลลานะฟัง โมคคัลลานะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม จึงพากันไปลาปริพาชก 250 คน เพื่อจะไปบวชในสำนักพระบรมศาสดา แต่ปริพาชกเหล่านั้นขอไปด้วย จึงพร้อมกันไปลาสัญชัยผู้เป็นอาจารย์ สัญชัยขอให้อยู่กันบริหารหมู่คณะถึง 3 ครั้ง แต่สาริบุตรกับโมคคัลลานะไม่ยอม คงลาไป พร้อมทั้งปริพาชก อีก 250 คน สัญชัยเสียใจ ถึงอาเจียนเป็นโลหิต เมื่อปริพาชกทั้งหลาย ได้ไปเฝ้าทูลขอบวชในพระพุทธศาสนาต่อพระผู้มีพระภาคก็ได้รับพระพุทธานุญาตให้เป็นภิกษุ ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา (พระไตรปิฎกฉบับประชาชน ภาค 4 ความย่อแห่งพระไตรปิฎก เล่ม 4, 2539, หน้า 217)” |
ผู้สร้าง |
ไม่ปรากฏหลักฐาน |
การกำหนดอายุ |
กำหนดอายุตามรูปแบบอักษรปัลลวะ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 |
ข้อมูลอ้างอิง |
เรียบเรียงข้อมูลโดย : ตรงใจ หุตางกูร, วชรพร อังกูรชัชชัย และดอกรัก พยัคศรี, โครงการฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย, ศมส., 2546, จาก : |
ภาพประกอบ |
ภาพสำเนาจารึกจาก : จารึกในประเทศไทย เล่ม 1 (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2529) |