จารึกบนตราประทับจากควนลูกปัด 3

จารึก

จารึกบนตราประทับจากควนลูกปัด 3

QR-code edit Share on Facebook print

เวลาที่โพส โพสต์เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2550 13:59:58 ( อัพเดทเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2566 22:10:17 )

ชื่อจารึก

จารึกบนตราประทับจากควนลูกปัด 3

ชื่อจารึกแบบอื่นๆ

ตราประทับแผ่นศิลารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า, Inscription no. 4, Inscribed rectangular green stone seal from Khuan Lukpat

อักษรที่มีในจารึก

ปัลลวะ

ศักราช

พุทธศตวรรษ 10-11

ภาษา

สันสกฤต

ด้าน/บรรทัด

จำนวนด้าน 1 ด้าน มี 1 บรรทัด

วัตถุจารึก

หินสีเขียว

ลักษณะวัตถุ

ตราประทับทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ขนาดวัตถุ

กว้าง 1.5 ซม. ยาว 4 ซม.

บัญชี/ทะเบียนวัตถุ

ในวารสาร SPAFA Digest vol. VII, no. 1 (1986) กำหนดเป็น “Inscription no. 4” และ “Inscribed rectangular green stone seal from Khuan Lukpat”

ปีที่พบจารึก

ไม่ปรากฏหลักฐาน

สถานที่พบ

บ้านควนลูกปัด ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

ผู้พบ

ไม่ปรากฏหลักฐาน

ปัจจุบันอยู่ที่

พิพิธภัณฑสถานวัดคลองท่อม ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

พิมพ์เผยแพร่

1) SPAFA Digest vol. VII no. 1 (1986) : 7-21.
2) วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดกระบี่ (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2542), 168-172.

เนื้อหาโดยสังเขป

เป็นตราประทับเพื่อกิจใดกิจหนึ่ง โดยจารึกไว้ว่า “วิรเพนฺธุตฺรสฺย” แปลว่า “ผู้กล้าหาญเหล่านั้น อาจกระทำต่อได้” หรือ “เป็นของ (บุคคลชื่อ) วิรเพนธุตระ (วิ-ระ-เพน-ธุ-ตระ)” ตราประทับรุ่นแรกๆ ที่พบทางภาคใต้นี้ ศ. ดร. ผาสุข อินทราวุธ ได้อธิบายไว้ว่า การใช้ตราประทับเป็นสื่อกลางการติดต่อสื่อสารในระดับสถาบันต่างๆ ในสมัยทวารวดี ก็เช่นเดียวกับการใช้ระบบเหรียญกษาปณ์ คือ ชาวอินเดียในสมัยอินโด-โรมัน (พุทธศตวรรษที่ 6-9) ได้นำตราประทับของอินเดีย (แบบที่ชาวกรีก-ชาวโรมัน และชาวเปอร์เซียนิยมใช้) มาใช้เป็นสื่อกลางการติดต่อสื่อสารกับประชากร ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อน ดังได้พบตราประทับของอินเดียและของโรมันในบริเวณเมืองท่าโบราณ เช่น คลองท่อม จังหวัดกระบี่ (ภาคใต้ของไทย) เมืองออกแก้ว (เวียดนามตอนใต้) และต่อมาในสมัยคุปตะ (พุทธศตวรรษที่ 9-11) ชาวอินเดียก็ได้นำตราประทับของอินเดียมาใช้ในดินแดนแถบนี้ ดังได้พบตราประทับของอินเดียจำนวนหลายชิ้นในบริเวณเมืองโบราณสมัยทวารวดีหลายแห่ง เช่น เมืองนครโบราณ เมืองอู่ทอง (สุพรรณบุรี) เมืองคูบัว (ราชบุรี) เมืองพรหมทิน เมืองซับจำปา จังหวัดลพบุรี และเมืองจันเสน (นครสวรรค์) และในช่วงต่อมาได้มีการผลิตตราประทับขึ้นใช้เองโดยผู้นำชาวท้องถิ่น อาจสรุปได้ว่าชาวอินเดียได้นำตราประทับที่เคยใช้ในประเทศของตน มาใช้ในการติดต่อสื่อสารกับประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประชากรชาวทวารวดี และต่อมาได้มีการผลิตตราประทับขึ้นใช้โดยผู้นำชาวพื้นเมืองเอง เพื่อใช้ในกิจการด้านการเมือง การศาสนา การค้าและอื่นๆ ดังปรากฏว่าสัญลักษณ์ที่ใช้บนตราประทับนั้นสื่อความหมายหลายด้าน

ผู้สร้าง

ไม่ปรากฏหลักฐาน

การกำหนดอายุ

กำหนดอายุโดยพิจารณาจากลักษณะรูปสัณฐานของเส้นอักษรในจารึกบนตราประทับนี้ ที่เหมือนกับรูปอักษรที่ใช้อยู่ในสมัยพระเจ้าศิวสกันทวรมัน กษัตริย์แห่งราชวงศ์ปัลลวะ ประเทศอินเดีย ประมาณพุทธศตวรรษที่ 10-11

ข้อมูลอ้างอิง

เรียบเรียงข้อมูลโดย : ตรงใจ  หุตางกูร, โครงการฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย, ศมส., 2547, จาก :
1) Kongkaew Veeraprajak, “Inscriptions from South Thailand,” SPAFA Digest VII, 1 (1986) : 7-21.
2) คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดกระบี่ (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2542), 168-172.
3) ผาสุข อินทราวุธ, “3.3.3 การใช้ตราประทับ (Seals) เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสาร,” ใน ทวารวดี การศึกษาเชิงวิเคราะห์จากหลักฐานทางโบราณคดี (กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อักษรสมัย, 2542), 134-137.

ภาพประกอบ

ภาพคัดจำลองอักษรจารึกจาก : SPAFA Digest VII, 1 (1986)