อายุ-จารึก พ.ศ. 2321, อายุ-จารึกพุทธศตวรรษที่ 24, ยุคสมัย-จารึกสมัยธนบุรี, ยุคสมัย-จารึกสมัยธนบุรี-สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, วัตถุ-จารึกบนทองคำ, ลักษณะ-จารึกบนแผ่นรูปสี่เหลี่ยม, ลักษณะ-จารึกบนแผ่นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า, ที่อยู่ปัจจุบัน-จารึกวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช, ศาสนา-จารึกในพระพุทธศาสนา, เรื่อง-การบริจาคและการทำบุญ, เรื่อง-การบริจาคและการทำบุญ-ถวายพลอยหัวแหวน, เรื่อง-การบริจาคและการทำบุญ-ถวายทองคำ, เรื่อง-ความเชื่อทางศาสนา-นิพพาน, เรื่อง-พิธีกรรมทางศาสนา-ปิดทององค์พระธาตุ, บุคคล-สมเด็จเจ้าพระสังฆราชาคณะลังกาชาด, บุคคล-พระเจ้าตากสินมหาราช,
โพสต์เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2550 13:59:58 ( อัพเดทเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2567 01:13:24 )
ชื่อจารึก |
จารึกแผ่นทองหุ้มปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช 14 (จ. 15) |
ชื่อจารึกแบบอื่นๆ |
จารึกแผ่นทองหุ้มปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช, จารึกแผ่นทอง จ. 15 |
อักษรที่มีในจารึก |
ขอมธนบุรี-รัตนโกสินทร์ |
ศักราช |
พุทธศักราช 2321 |
ภาษา |
ไทย |
ด้าน/บรรทัด |
จำนวนด้าน 1 ด้าน มี 11 บรรทัด (จารึกด้านซ้าย มี 6 บรรทัด ด้านขวามี 5 บรรทัด) |
วัตถุจารึก |
ทองคำ |
ลักษณะวัตถุ |
แผ่นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า |
ขนาดวัตถุ |
กว้าง 4.6 ซม. ยาว 17.6 ซม. |
บัญชี/ทะเบียนวัตถุ |
ในวารสาร ศิลปากร ปีที่ 37 ฉบับที่ 3 (กรกฎาคม-สิงหาคม 2537) กำหนดเป็น “จารึกแผ่นทองหุ้มปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช” และ “จารึกแผ่นทอง จ. 15” |
ปีที่พบจารึก |
ไม่ปรากฏหลักฐาน |
สถานที่พบ |
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช |
ผู้พบ |
ไม่ปรากฏหลักฐาน |
ปัจจุบันอยู่ที่ |
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช |
พิมพ์เผยแพร่ |
วารสารศิลปากร ปีที่ 37 ฉบับที่ 4 (กรกฎาคม-สิงหาคม 2537) : 20-118. |
ประวัติ |
จารึกแผ่นทองหุ้มปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช เท่าที่มีการพบและอ่าน-แปลมีทั้งหมด 40 แผ่น น้ำหนักรวม 4,217.6 กรัม มีลักษณะเป็นทองคำแผ่นบางรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ละแผ่นมีขนาดและน้ำหนักไม่เท่ากัน บริเวณขอบจารึกทุกแผ่นมีรอยเย็บต่อไว้ด้วยเส้นด้ายทองคำรวมเป็นผืนใหญ่ ปนอยู่กับแผ่นทองพื้นเรียบ ไม่มีอักษรจารึก และแผ่นทองที่เขียนด้วยเหล็กแหลมเป็นลายเส้นพระพุทธรูปและรูปเจดีย์ทรงต่าง ๆ สภาพโดยทั่วไปชำรุด มีรอยปะเสริมส่วนที่ขาดด้วยแผ่นทองขนาดต่าง ๆ บางตอนมีรอยการเจาะรูเพื่อประดับดอกไม้ ทอง และอัญมณี เป็นต้น นอกจากนี้ในบริเวณแกนปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์ซึ่งเป็นโลหะก็มีจารึกอยู่ช่วงใต้กลีบบัวหงาย ต่ำลงไปประมาณ 1.80 เมตร เป็นการจารึกรอบแกนปลีจำนวน 2 บรรทัด แต่ปัจจุบันถูกหุ้มด้วยแผ่นไฟเบอร์กลาส เพื่อเสริมความมั่นคงให้แก่โครงสร้างยอดเจดีย์ จารึกดังกล่าวจึงถูกปิดทับไปด้วย จึงมีการอ่าน-แปลจารึกในบริเวณดังกล่าวจากภาพถ่าย กลุ่มจารึกแผ่นทองหุ้มปลียอดพระบรมธาตุเจดีย์นี้ มีการจารด้วยอักษรขอมและอักษรไทย ข้อความส่วนใหญ่บอกถึงวันเดือนปีที่ทำการซ่อม, สร้างแผ่นทอง ระบุน้ำหนักทอง และถิ่นที่อยู่ของผู้มีศรัทธาพร้อมทั้งการตั้งความปรารถนาซึ่งนิยมขอให้ตนได้พบพระศรีอารย์ และถึงแก่นิพพาน จากหลักฐานที่ปรากฏในตำนาน ทำให้ทราบว่า วัดพระบรมธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช เดิมชื่อวัดพระบรมธาตุ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารใน พ.ศ. 2458 พื้นที่ใช้สอยในวัดเมื่อสมัยแรกสร้าง จนถึงก่อนการเปลี่ยนแปลงในสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กำหนดให้บริเวณวัดเป็นเขตพุทธาวาส ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และได้ตั้งเขตสังฆาวาสขึ้นรอบองค์พระบรมธาตุทั้ง 4 ทิศ ได้แก่ ทิศเหนือ มีวัดพระเดิม วัดมังคุด และวัดโรงช้าง ทิศใต้ มีวัดหน้าพระลาน วัดโคกธาตุ วัดท้าวโคตร วัดศพ วัดไฟไหม้ และวัดชายน้ำ ทิศตะวันออก มีวัดดิ่งดง วัดธรรมาวดี วัดสิงห์ วัดสระเรียง วัดหน้าพระบรมธาตุ และวัดหน้าราหู ทิศตะวันตก มีวัดพระนคร วัดแม่ชี และวัดชลเฉนียน ในปัจจุบัน วัดต่าง ๆ ที่อยู่รอบองค์พระบรมธาตุทั้ง 4 ทิศ ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือ วัดโรงช้าง วัดดิ่งดง วัดธรรมาวดี วัดสิงห์ และวัดแม่ชี กลายเป็นวัดร้าง ส่วนวัดพระเดิมและวัดมังคุดรวมเป็นวัดเดียวกับวัดพระมหาธาตุฯ วัดศพและวัดไฟไหม้รวมเป็นวัดเดียวกับวัดท้าวโคตร สำหรับวัดราหูได้รวมกับวัดหน้าพระธาตุ ในส่วนของพระสงฆ์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลองค์พระบรมธาตุ มีจำนวน 4 คณะ แต่ละคณะจะรับผิดชอบประจำอยู่ในทิศต่าง ๆ คือ คณะกาเดิมอยู่ทิศเหนือ คณะการามอยู่ทิศใต้ คณะกาแก้วอยู่ทิศตะวันออก คณะกาชาดอยู่ทิศตะวันตก จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 6 ได้โปรดให้ตั้งพระสงฆ์คณะต่าง ๆ มีตำแหน่งเป็นพระครู โดยมีพระครูเหมเจติยานุรักษ์เป็นหัวหน้าคณะ และมีผู้ช่วยอีก 4 รูป คือ พระครูกาเดิม พระครูการาม พระครูกาแก้ว และพระครูกาชาด ตำแหน่งพระครูทั้ง 4 นี้ยังคงจำพรรษาอยู่ในวัดเดิมของตนตามทิศทั้ง 4 มีหน้าที่ดูแลพระบรมธาตุร่วมกัน ใน พ.ศ. 2458 รัชกาลที่ 6 โปรดให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนลพบุรีราเมศวร์ เมื่อครั้งยังทรงดำรงตำแหน่งอุปราชมณฑลปักษ์ใต้ นิมนต์พระสงฆ์จากวัดเพชรจริกซึ่งมีพระครูวินัยธร (นุ่น) เป็นหัวหน้าสงฆ์จำพรรษาดูแลวัด และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จารึกแผ่นทองหุ้มปลียอด เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการนำแผ่นทองขึ้นไปหุ้มเป็นพุทธบูชาหลายครั้ง และมีการปฏิบัติต่อเนื่องสืบมา ศักราชเก่าที่สุดที่ปรากฏในจารึกกลุ่มนี้คือ พ.ศ. 2155 ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเอกาทศรฐ สมัยอยุธยา สังเกตได้ว่าจารึกที่เก่ากว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในตำแหน่งใกล้ยอดพระธาตุมากกว่าจารึกในสมัยหลัง |
เนื้อหาโดยสังเขป |
พ.ศ. 2321 สมเด็จเจ้าพระสังฆราชาคณะลังกาชาด ว่าที่คณะลังการาม วัดประตูขาว พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสิน และเจ้ากรมฝ่ายใน ได้ชักชวนสัปปุรุษทายกเรี่ยไรทองคำได้จำนวน 1 ชั่งเศษ นำมาหุ้มบัวและวงลวดอกไก่บัวของพระเจดีย์ได้อย่างละ 1 รอบ |
ผู้สร้าง |
สมเด็จเจ้าพระสังฆราชาคณะลังกาชาด ว่าที่คณะลังการาม วัดประตูขาว พระเจ้าตากสินมหาราช เจ้ากรมฝ่ายในและสัปปุรุษ |
การกำหนดอายุ |
กำหนดอายุจากศักราชที่ปรากฏในจารึกคือ พ.ศ. 2321 ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ครองราชย์ พ.ศ. 2310-2325) สมัยธนบุรี |
ข้อมูลอ้างอิง |
เรียบเรียงข้อมูลโดย : พันธุ์ทิพย์ ธีระเนตร, โครงการฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย, ศมส., 2548, จาก : |
ภาพประกอบ |
ภาพคัดจำลองอักษรจารึกจาก : วารสารศิลปากร ปีที่ 37 ฉบับที่ 4 (กรกฎาคม-สิงหาคม 2537) |