ที่อยู่:
โรงเรียนบ้านถนนชัย หมู่ที่ 2 บ้านหินโคน ตำบลโคกตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ 32210
โทรศัพท์:
09 2815 0511 นางสาวสุภาพร พิมพ์จันทร์ ตำแหน่งครู ผู้ปฏิบัติหน้าที่ธุรการโรงเรียน
วันและเวลาทำการ:
จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.00 น. หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ค่าเข้าชม:
ไม่เก็บค่าเข้าชม
ของเด่น:
จัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตท้องถิ่นและภูมิปัญญาท้องถิ่นชาวนาไทย เกวียนและเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของอีสานในอดีต
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
รีวิวของพิพิธภัณฑ์ชาวนา โรงเรียนบ้านถนนชัย
ในการให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์วัฒนธรรม ทางโรงเรียนบ้านถนนชัยได้จัดให้มีการทำพิธีกรรมสู่ขวัญข้าว โดยใช้สถานที่คือสนามของโรงเรียน พิธีนี้จัดเป็นประจำทุกปี โดยชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกมาบริจาคกองรวมกัน มีผู้เฒ่าผู้แก่มาทำพิธี แล้วนักเรียนจะได้ร่วมอยู่ในพิธีด้วย ในการสังเกตของอาจารย์สรวงสุดา เวลาที่เด็กนักเรียนเข้ามาในห้องนี้ บางคนเห็นเครื่องใช้พื้นบ้านบางชิ้นแล้วไม่รู้ว่าเป็นอะไร ผู้ใหญ่บ้านก็เห็นด้วย อย่างพวกคราด ไถ เดี๋ยวนี้เด็กไม่รู้จักกันแล้ว
ในฐานะที่เป็นชาวนาไทยคนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำนาอยู่ ผู้ใหญ่บ้านได้บอกเล่าประสบการณ์ที่ได้พบมาด้วยตนเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพรวมวิถีชีวิตชาวนาไทยที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างดียิ่ง
“คนทุกวันนี้เขานิยมความรวดเร็ว ถ้าหากว่าใช้ควายนี่มันจะประหยัดกว่ากันมากครับ ใช้รถไถนานี่มันเร็ว แต่ว่ามันเปลือง เปลืองมาก เหมือนนาแปลงหนึ่ง ลูกชายผมนี่ นาประมาณ 30 ไร่ ซื้อน้ำมันหมดไปประมาณ 2,000 กว่าบาท น้ำมันไถ 2,000 กว่าบาท ทีนี้รถเสียก็ซ่อม พันกว่าบาทสองพัน รวมกันก็เกือบเป็นหมื่นเหมือนกันครับ แต่ถึงจะยังไงเขาก็ต้องรู้ เพราะว่าเปลี่ยนไปทางนี้แล้ว จะให้มาไถควาย ควายก็ไถเป็นเยอะเหมือนกัน แต่เขาไม่อยากจะไถ เพราะว่าไถควายตัวหนึ่งได้ประมาณไร่หนึ่งนะครับ ไถดะไถอะไรได้อยู่ แต่ถ้าเป็นรถ เขาไปลงแป็บเดียว 9 ไร่ 10 ไร่ จะเอายังไงก็ไม่รู้คนเราทุกวันนี้ อายกัน หรือยังไงกันก็ไม่รู้ ชอบความเร็วกันก็ไม่รู้ ก็เลยแข่ง ไม่นิยมใช้ควาย ใช้รถไถกัน เขาใช้กันอย่างนี้
ทำนานี่ส่วนมากหมดไปทุกอย่าง ทุกวันครับ หนึ่งเริ่มไถ คนทุกวันนี้ไม่มีควาย ไม่มีเกวียน แต่เอาข้าวขึ้นมาอยู่บ้านได้ เพราะอะไร คนไม่มี คนมีนาไม่มีควายก็จ้างรถเขาไถ ก็หมดไปแล้ว ไร่หนึ่งก็ 260 บาทนะครับ ไถหว่านเลย ถ้าเป็น 10 ไร่ล่ะ 20 ไร่ หมดไปเท่าไหร่ อันนี้แค่ไถนะ 10 ไร่ก็หมดไปเท่าไหร่ สองพันกว่าบาท สองพันหกแล้วนะครับ ไหนจ้างคนไปขุด ขุดตอไม้อะไรอย่างนี้ วันนึงก็ประมาณ 200 บาทอย่างนี้ ถ้าสามคนก็ไหนเหล้าไหนอาหารเลี้ยงเขา ทั้งหมดค่ารถไถนี่ 10 ไร่ ก็ 2600 นะครับ จ้างคนไปขุดไปช่วยนี่ประมาณ 4000 ต่อไร่เบ็ดเสร็จไป อันนี้แค่ไถนานะ แค่ไถหว่าน ทีนี้พอหว่านเสร็จ เอาข้าวขึ้นมา ถ้าข้าวนั้นมามันดี ก็เอาปุ๋ยลง ปุ๋ยก็อย่างน้อย 10 ไร่นี่ 10 ไร่มัน มันปาไปแล้วประมาณ 10 กว่ากระสอบนะครับ ถ้าปุ๋ยแพง ตอนนั้นถุงละพันกว่าบาท ทุกวันถุงละเจ็ดร้อยกว่าบาท ค่อยยังชั่วหน่อย 10 กระสอบมันก็ไม่เท่าไหร่ เจ็ดพันกว่าไปแล้ว คือมันลงทุนหมดล่ะครับ
พอเอาปุ๋ยลงถ้าไม่พอ ถ้าข้าวมีวัชพืชขึ้นมา เอาอะไรอีก เอายาฆ่า ฆ่าวัชพืชอีก เป็นยาบางคนนะ ส่วนมากก็ แต่ทุกวันนี้เขาไม่ค่อยเล่น เล่นเป็นบางคน บางคนเขากลัวฉี่หนู แต่บางคนก็ไม่กลัวฉี่หนูนะ เขาก็เล่นบ้าง ยาฆ่าหญ้าพวกนี้ อ้าว...พอเสร็จข้าวแตกรวงออกมา ข้าวสุก เอารถเกี่ยวข้าว แต่ก่อนลงแขกเกี่ยวข้าวก็ไม่ค่อยหมดเท่าไหร่ สูงสุดนี่ค่าประมาณสัก 20-30 ไร่นี่ลงกันประมาณสามสิบสี่สิบคนนี่ เสร็จนะ ลงทุนไม่ค่อยเยอะด้วย กะประมาณพันกว่าบาท ทำกินพวกอะไร แกง ฆ่าไก่ 4-5 ตัวก็เสร็จไป แล้วก็พวกสาโททำเอง แต่ก่อนเขาทำอย่างนั้นช่วยกัน แต่ทุกวันถ้าลงแขกนี่ หมดมากกว่าจ้างรถเขาอีกนะครับ ผมลองดูแล้วคนหนึ่งเหล้าสี่สิบนี่ ขวดใหญ่ไม่อยู่นะ
ผมก็เป็นผู้ใหญ่บ้าน ผมก็บอกว่า พยายามอย่าให้ติดหนี้ติดสินเขามาก ทำด้วยกำลังตัวเองมาก ผมก็บอกเขา แต่บางคนเขาก็ทำไม่ได้ เขาเอาชอบเร็วอย่างเดียว บางคนนี่ เหมือนกับผมว่ามีนาไม่มีควาย มีนาไม่มีรถก็ทำนาได้ ทำข้าวได้ ข้าว ไม่ใช่จ้างเขาอย่างเดียว ทุกวันนี้รถเกี่ยวแล้ว คนเกี่ยวไม่ค่อยมีนะครับ แต่ผมมีรถเกี่ยว แต่ผมไม่เคยเกี่ยวหรอกรถ เกี่ยวรถดูแล้วมันทิ้งมากกว่าได้ ครึ่งหนึ่ง เกือบครึ่ง...”
ปัจจุบันในหมู่บ้านนี้ยังมีชาวนาที่ใช้ควายอยู่เพียง 2-3 คน ในการทำนาที่ชาวนาใช้ควายไถนาก็เนื่องมาจากความมีความคุ้นเคยกับการเดินในดินโคลน สำหรับวัวจะใช้กับเกวียน เพราะวัวจะเดินได้ดีกับดินแข็งๆ ถ้าเอาวัวไปเดินในโคลน วัวจะดิ้น ผู้ใหญ่ทองใบย้อนความทรงจำเกี่ยวกับเกวียนว่า สมัยก่อนชาวบ้านเขาใช้เกวียนเหมือนกับที่คนใช้รถอย่างทุกวันนี้ เกวียนใช้บรรทุกข้าวเปลือก บรรทุกไม้ เป็นพาหนะในการพาลูกหลานไปเยี่ยมปู่ย่าตายาย เกวียนที่มีหลังคา มักจะเอามัดใบตาลมาแนบเย็บกับไม้ไผ่
ในการทำพิพิธภัณฑ์ชาวนา ทั้งผู้ใหญ่บ้านและอาจารย์สรวงสุดา ต่างมีความตั้งใจและเห็นพ้องในการที่จะสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กับเด็กรุ่นใหม่ โดยคาดหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ในท้องถิ่น ในการทำพิพิธภัณฑ์ ผู้ใหญ่บ้านทองใบได้ทิ้งท้ายไว้ว่า การทำพิพิธภัณฑ์ก็เหมือนกับการทำนาและการทอผ้า จะต้องมีขั้นตอนในการดำเนินการจึงจะครบเครื่อง
สาวิตรี ตลับแป้น /ผู้เขียน /ถ่ายภาพ
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
วิถีชีวิตท้องถิ่นและภูมิปัญญา ชาวนา เครื่องใช้ในการทำนา
ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านจังหวัดสุรินทร์ กลุ่มชาติพันธุ์เขมร
จ. สุรินทร์
พิพิธภัณฑ์ผ้าไหม
จ. สุรินทร์
ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านจังหวัดสุรินทร์ กลุ่มชาติพันธุ์ไทยเชื้อสายกูย
จ. สุรินทร์