อุตรดิตถ์ เป็นเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง ชื่อจังหวัดมีความหมายว่า “เมืองท่าฝ่ายเหนือ” เนื่องจากตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน และมีท่าเรือโบราณสำคัญอยู่ 2 แห่ง คือ “ท่าอิฐ” และ “ท่าเสา” ทั้งท่าอิฐและท่าเสาเป็นท่าเรือโบราณและตลาดรวบรวมสินค้าที่มาจากเมืองน่าน เมืองแพร่และเมืองหลวงพระบาง เพื่อจะส่งต่อสินค้าลงไปยังกรุงเทพฯ แต่ทุกวันนี้การคมนาคมได้เปลี่ยนแปลงจากทางน้ำเป็นทางบก การขนส่งสินค้าลงไปยังกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จึงใช้รถไฟและรถบรรทุกเป็นหลัก ความเป็นเมืองท่าของอุตรดิตถ์จึงเหลือไว้เพียงความทรงจำและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ ณ ยุคสมัยของการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สังกัดกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ ภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดอุตรดิตถ์ถูกนำเสนอผ่านแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามอย่างอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีชุมชนดั้งเดิมที่น่าสนใจอย่างชุมชนเมืองลับแล ชุมชนตีเหล็กที่บ้านน้ำพี้ และมีศาสนสถานศูนย์รวมศรัทธาทางพระพุทธศาสนา อย่างพระแท่นศิลาอาสน์ พระบรมธาตุทุ่งยั้ง และพระมหาธาตุเมืองฝาง แต่ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นในจังหวัดอุตรดิตถ์กลับไม่ถูกนำมาประชาสัมพันธ์ทางการท่องเที่ยวอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่ภายในตัวเมืองอุตรดิตถ์มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่น่าสนใจหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ พิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสา ตั้งอยู่ในวัดใหญ่ท่าเสา ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ ท้องถิ่นของเมืองอุตรดิตถ์ แต่นักท่องเที่ยวหรือแม้แต่ชาวอุตรดิตถ์น้อยคนนักที่จะรู้จักและเคยเดินทางมาเยี่ยมชม วัดใหญ่ท่าเสา ตั้งอยู่ในเขตชุมชนท่าเสา ตำบลท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองอุตรดิตถ์ และอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟท่าเสา วัดใหญ่ท่าเสาน่าจะสร้างขึ้นมาพร้อมกับชุมชนท่าเสาเมื่อราวสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเป็นอย่างน้อย ผู้คนในชุมชนท่าเสามีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ เนื่องจากชุมชนท่าเสาเคยเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญในลุ่มน้ำน่าน จึงมีทั้งชาวไทย ชาวจีน ชาวไทยวน (ล้านนา) และชาวลาว เข้ามาตั้งถิ่นฐานและอยู่อาศัยสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ภายในวัดใหญ่ท่าเสามีโบราณสถานที่น่าสนใจ ได้แก่ โบสถ์ เป็นโบสถ์ขนาดเล็กมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยอยุธยาตอนปลาย บานประตูเป็นไม้แกะสลัก 2 บาน หน้าบันด้านหน้าเป็นไม้แกะสลักรูปเทพนมและลายไทย ส่วนหน้าบันด้านหลังเป็นไม้แกะสลัก หอไตร มีลักษณะเป็นไม้ยกพื้น เสาเป็นปูน หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา หน้าบันเป็นไม้แกะสลัก หน้าบันทางด้านทิศตะวันออกเป็นรูปหน้ากาล แวดล้อมไปด้วยลายพันธุ์พฤกษาและรูปเทพยดา เบื้องหลังเป็นลายลายก้านขด ทางด้านบนสุดของหน้าบันเป็นรูปครุฑยุดนาค ส่วนหน้าบันทางด้านทิศตะวันตกเป็นลายกนกก้านขดธรรมดา เชิงชายคาเป็นไม้แกะสลักอย่างงดงาม ส่วนช่อฟ้าและใบระกาทำด้วยปูนปั้น
นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีศาลาการเปรียญขนาดใหญ่ เดิมเป็นศาลาไม้ยกพื้น ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นครึ่งไม้ครึ่งคอนกรีต บนศาลาการเปรียญมีโบราณวัตถุอันเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนถวายเป็นพุทธบูชาและอุทิศให้บรรพบุรุษจำนวนมาก เมื่อมีการปรับปรุงศาลาการเปรียญใหม่และมีโจรผู้ร้ายชุกชุม เจ้าอาวาสวัดใหญ่ท่าเสาจึงนำโบราณวัตถุต่างๆ ไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย ในปี พ.ศ. 2540 จึงนำโบราณวัตถุมาจัดแสดงเพื่อให้พุทธศาสนิกชน นักท่องเที่ยวและนักเรียนนักศึกษาเข้ามาเยี่ยมชมโบราณวัตถุได้ พิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสา ตั้งอยู่บนชั้น 2 ภายในกุฏิเจ้าอาวาสวัดใหญ่เท่าเสา ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตขนาดใหญ่ ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุที่พบในบริเวณวัดใหญ่ท่าเสา ซึ่งมีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ ได้แก่ ยานมาศไม้แกะสลัก สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เสด็จมาวัดใหญ่ท่าเสาเมื่อปี พ.ศ. 2444 ทรงสันนิษฐานว่าเป็นยานมาศสำหรับแห่พระ เป็นยานมาศที่สูงมากหลังคานมีตัวนาค ฐานเป็นสิงห์สองชั้นแล้วเป็นที่นั่ง มีไม้แกะเป็นรูปบัวกระจังลอยตัวอยู่ทั้ง 4 มุม ส่วนด้านหลังพนักพิงเป็นรูปกลีบบัวลอยตัวขึ้นมาซ้อนกัน 2 กลีบ ตามผิวไม้พบร่องรอยการลงรักปิดทอง ยานมาศนี้เชื่อกันว่าเป็นยานมาศที่พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาอุทิศถวายบูชาพระมหาธาตุเมืองฝาง และอาจใช้เป็นยานมาศประจำตัวพระสังฆราชาเมืองสวางคบุรี (เมืองฝาง) ก็เป็นได้ เพราะที่มาของยานมาศนี้สันนิษฐานว่า นำมาจากวัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถในราวสมัยรัชกาลที่ 4 โดยหลวงพ่อเย็ก อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่ท่าเสาซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสวางคบุรี ธรรมาสน์เทศน์ เป็นธรรมาสน์ไม้แกะสลัก ศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น ส่วนบนหรือหลังคาธรรมาสน์เป็นทรงมณฑปยอดปราสาท ส่วนล่างประดับด้วยไม้แกะสลักรูปยักษ์แบก มีบันไดนาคเป็นทางขึ้นธรรมาสน์ ตัวธรรมาสน์แวดล้อมไปด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่าง เช่น ช้างและกวาง เป็นต้น พระแผง ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปขนาดเล็กที่ทำด้วยครั่ง นำมาติดเรียงกันบนแผงหรือแผ่นไม้แกะสลัก ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เก็บรักษาและจัดแสดงพระแผงทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กไว้มากกว่า 10 แผง กรอบพระแผงด้านบนส่วนใหญ่เป็นกรอบหรือซุ้มรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มแผงรูปพญานาค ลายกนก และลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ส่วนฐานหรือด้านล่างกรอบพระแผงมีการแกะสลักเป็นรูปหรือลวดลายที่งดงามมาก ทั้งรูปเทวดาร่ายรำ รูปยักษ์แบก รูปหม้อน้ำและรูปแจกัน ตู้และหีบพระธรรม ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีตู้และหีบพระธรรมกว่า 10 หลัง ซึ่งแต่ละหลังเขียนลายรดน้ำปิดทองและปิดทองล่องชาด ศิลปะอยุธยาตอนปลาย-รัตนโกสินทร์ตอนต้น แสดงเรื่องราวพุทธประวัติ รามเกียรติ์ ป่าหิมพานต์และรูปทวารบาล นอกจากนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีพระพุทธรูปไม้แกะสลักจำนวนมาก เนื่องจากว่าการสร้างพระพุทธไม้หรือพระเจ้าไม้เป็นวัฒนธรรมที่นิยมของชาวล้านนาและล้านช้าง จึงทำให้ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปไม้แกะสลักศิลปะฝีมือช่างท้องถิ่นจำนวนมาก นอกจากนี้มีพระพุทธรูปขนาดเล็กที่ทำด้วยครั่ง ฆ้องและระฆังเก่า ใบเสมาหินชนวน ไม้แกะสลักเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ เครื่องสังคโลก เครื่องถ้วยลายครามและภาชนะทองเหลือง มาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงทราบแล้วว่า วัดใหญ่ท่าเสาและพิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสามีความสำคัญและมีโบราณวัตถุสถานน่าสนใจ ที่เมื่อเดินทางมายังจังหวัดอุตรดิตถ์แล้วไม่ควรพลาดที่จะแวะเยี่ยมชม ในฐานะที่เคยไปเยี่ยมชมโบราณวัตถุสถานวัดใหญ่ท่าเสามาแล้ว ผู้เขียนจึงขอใช้พื้นที่ในบทความนี้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางผ่านไปทางจังหวัดอุตรดิตถ์ อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสา แล้วท่านจะเข้าใจประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเมืองอุตรดิตถ์ และรู้ซึ้งในคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมของชุมชนท่าเสาแห่งนี้อย่างแน่นอน
ที่มา: ธีระวัฒน์ แสนคำ "ไปเที่ยวอุตรดิตถ์อย่าลืมแวะ พิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสา" จุลสารก้าวไปด้วยกัน ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 (ตุลาคม 2554 - มกราคม 2555) หน้า 26 - 31.
จ. อุตรดิตถ์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
รีวิวของพิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสา
อุตรดิตถ์ เป็นเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง ชื่อจังหวัดมีความหมายว่า “เมืองท่าฝ่ายเหนือ” เนื่องจากตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน และมีท่าเรือโบราณสำคัญอยู่ 2 แห่ง คือ “ท่าอิฐ” และ “ท่าเสา” ทั้งท่าอิฐและท่าเสาเป็นท่าเรือโบราณและตลาดรวบรวมสินค้าที่มาจากเมืองน่าน เมืองแพร่และเมืองหลวงพระบาง เพื่อจะส่งต่อสินค้าลงไปยังกรุงเทพฯ แต่ทุกวันนี้การคมนาคมได้เปลี่ยนแปลงจากทางน้ำเป็นทางบก การขนส่งสินค้าลงไปยังกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จึงใช้รถไฟและรถบรรทุกเป็นหลัก ความเป็นเมืองท่าของอุตรดิตถ์จึงเหลือไว้เพียงความทรงจำและร่องรอยทางประวัติศาสตร์
ณ ยุคสมัยของการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สังกัดกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ ภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของจังหวัดอุตรดิตถ์ถูกนำเสนอผ่านแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามอย่างอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีชุมชนดั้งเดิมที่น่าสนใจอย่างชุมชนเมืองลับแล ชุมชนตีเหล็กที่บ้านน้ำพี้ และมีศาสนสถานศูนย์รวมศรัทธาทางพระพุทธศาสนา อย่างพระแท่นศิลาอาสน์ พระบรมธาตุทุ่งยั้ง และพระมหาธาตุเมืองฝาง แต่ข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นในจังหวัดอุตรดิตถ์กลับไม่ถูกนำมาประชาสัมพันธ์ทางการท่องเที่ยวอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่ภายในตัวเมืองอุตรดิตถ์มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่น่าสนใจหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ พิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสา ตั้งอยู่ในวัดใหญ่ท่าเสา ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ ท้องถิ่นของเมืองอุตรดิตถ์ แต่นักท่องเที่ยวหรือแม้แต่ชาวอุตรดิตถ์น้อยคนนักที่จะรู้จักและเคยเดินทางมาเยี่ยมชม
วัดใหญ่ท่าเสา ตั้งอยู่ในเขตชุมชนท่าเสา ตำบลท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองอุตรดิตถ์ และอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟท่าเสา วัดใหญ่ท่าเสาน่าจะสร้างขึ้นมาพร้อมกับชุมชนท่าเสาเมื่อราวสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเป็นอย่างน้อย ผู้คนในชุมชนท่าเสามีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ เนื่องจากชุมชนท่าเสาเคยเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญในลุ่มน้ำน่าน จึงมีทั้งชาวไทย ชาวจีน ชาวไทยวน (ล้านนา) และชาวลาว เข้ามาตั้งถิ่นฐานและอยู่อาศัยสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ภายในวัดใหญ่ท่าเสามีโบราณสถานที่น่าสนใจ ได้แก่
โบสถ์ เป็นโบสถ์ขนาดเล็กมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยอยุธยาตอนปลาย บานประตูเป็นไม้แกะสลัก 2 บาน หน้าบันด้านหน้าเป็นไม้แกะสลักรูปเทพนมและลายไทย ส่วนหน้าบันด้านหลังเป็นไม้แกะสลัก
หอไตร มีลักษณะเป็นไม้ยกพื้น เสาเป็นปูน หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา หน้าบันเป็นไม้แกะสลัก หน้าบันทางด้านทิศตะวันออกเป็นรูปหน้ากาล แวดล้อมไปด้วยลายพันธุ์พฤกษาและรูปเทพยดา เบื้องหลังเป็นลายลายก้านขด ทางด้านบนสุดของหน้าบันเป็นรูปครุฑยุดนาค ส่วนหน้าบันทางด้านทิศตะวันตกเป็นลายกนกก้านขดธรรมดา เชิงชายคาเป็นไม้แกะสลักอย่างงดงาม ส่วนช่อฟ้าและใบระกาทำด้วยปูนปั้น
นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีศาลาการเปรียญขนาดใหญ่ เดิมเป็นศาลาไม้ยกพื้น ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นครึ่งไม้ครึ่งคอนกรีต บนศาลาการเปรียญมีโบราณวัตถุอันเป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนถวายเป็นพุทธบูชาและอุทิศให้บรรพบุรุษจำนวนมาก เมื่อมีการปรับปรุงศาลาการเปรียญใหม่และมีโจรผู้ร้ายชุกชุม เจ้าอาวาสวัดใหญ่ท่าเสาจึงนำโบราณวัตถุต่างๆ ไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย ในปี พ.ศ. 2540 จึงนำโบราณวัตถุมาจัดแสดงเพื่อให้พุทธศาสนิกชน นักท่องเที่ยวและนักเรียนนักศึกษาเข้ามาเยี่ยมชมโบราณวัตถุได้
พิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสา ตั้งอยู่บนชั้น 2 ภายในกุฏิเจ้าอาวาสวัดใหญ่เท่าเสา ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตขนาดใหญ่ ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุที่พบในบริเวณวัดใหญ่ท่าเสา ซึ่งมีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ ได้แก่
ยานมาศไม้แกะสลัก สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เสด็จมาวัดใหญ่ท่าเสาเมื่อปี พ.ศ. 2444 ทรงสันนิษฐานว่าเป็นยานมาศสำหรับแห่พระ เป็นยานมาศที่สูงมากหลังคานมีตัวนาค ฐานเป็นสิงห์สองชั้นแล้วเป็นที่นั่ง มีไม้แกะเป็นรูปบัวกระจังลอยตัวอยู่ทั้ง 4 มุม ส่วนด้านหลังพนักพิงเป็นรูปกลีบบัวลอยตัวขึ้นมาซ้อนกัน 2 กลีบ ตามผิวไม้พบร่องรอยการลงรักปิดทอง ยานมาศนี้เชื่อกันว่าเป็นยานมาศที่พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาอุทิศถวายบูชาพระมหาธาตุเมืองฝาง และอาจใช้เป็นยานมาศประจำตัวพระสังฆราชาเมืองสวางคบุรี (เมืองฝาง) ก็เป็นได้ เพราะที่มาของยานมาศนี้สันนิษฐานว่า นำมาจากวัดพระฝางสวางคบุรีมุนีนาถในราวสมัยรัชกาลที่ 4 โดยหลวงพ่อเย็ก อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่ท่าเสาซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสวางคบุรี
ธรรมาสน์เทศน์ เป็นธรรมาสน์ไม้แกะสลัก ศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น ส่วนบนหรือหลังคาธรรมาสน์เป็นทรงมณฑปยอดปราสาท ส่วนล่างประดับด้วยไม้แกะสลักรูปยักษ์แบก มีบันไดนาคเป็นทางขึ้นธรรมาสน์ ตัวธรรมาสน์แวดล้อมไปด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่าง เช่น ช้างและกวาง เป็นต้น
พระแผง ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปขนาดเล็กที่ทำด้วยครั่ง นำมาติดเรียงกันบนแผงหรือแผ่นไม้แกะสลัก ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เก็บรักษาและจัดแสดงพระแผงทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กไว้มากกว่า 10 แผง กรอบพระแผงด้านบนส่วนใหญ่เป็นกรอบหรือซุ้มรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มแผงรูปพญานาค ลายกนก และลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ส่วนฐานหรือด้านล่างกรอบพระแผงมีการแกะสลักเป็นรูปหรือลวดลายที่งดงามมาก ทั้งรูปเทวดาร่ายรำ รูปยักษ์แบก รูปหม้อน้ำและรูปแจกัน
ตู้และหีบพระธรรม ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีตู้และหีบพระธรรมกว่า 10 หลัง ซึ่งแต่ละหลังเขียนลายรดน้ำปิดทองและปิดทองล่องชาด ศิลปะอยุธยาตอนปลาย-รัตนโกสินทร์ตอนต้น แสดงเรื่องราวพุทธประวัติ รามเกียรติ์ ป่าหิมพานต์และรูปทวารบาล
นอกจากนี้ ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีพระพุทธรูปไม้แกะสลักจำนวนมาก เนื่องจากว่าการสร้างพระพุทธไม้หรือพระเจ้าไม้เป็นวัฒนธรรมที่นิยมของชาวล้านนาและล้านช้าง จึงทำให้ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปไม้แกะสลักศิลปะฝีมือช่างท้องถิ่นจำนวนมาก นอกจากนี้มีพระพุทธรูปขนาดเล็กที่ทำด้วยครั่ง ฆ้องและระฆังเก่า ใบเสมาหินชนวน ไม้แกะสลักเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ เครื่องสังคโลก เครื่องถ้วยลายครามและภาชนะทองเหลือง
มาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงทราบแล้วว่า วัดใหญ่ท่าเสาและพิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสามีความสำคัญและมีโบราณวัตถุสถานน่าสนใจ ที่เมื่อเดินทางมายังจังหวัดอุตรดิตถ์แล้วไม่ควรพลาดที่จะแวะเยี่ยมชม ในฐานะที่เคยไปเยี่ยมชมโบราณวัตถุสถานวัดใหญ่ท่าเสามาแล้ว ผู้เขียนจึงขอใช้พื้นที่ในบทความนี้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางผ่านไปทางจังหวัดอุตรดิตถ์ อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสา แล้วท่านจะเข้าใจประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเมืองอุตรดิตถ์ และรู้ซึ้งในคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมของชุมชนท่าเสาแห่งนี้อย่างแน่นอน
ที่มา: ธีระวัฒน์ แสนคำ "ไปเที่ยวอุตรดิตถ์อย่าลืมแวะ พิพิธภัณฑ์วัดใหญ่ท่าเสา" จุลสารก้าวไปด้วยกัน ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 (ตุลาคม 2554 - มกราคม 2555) หน้า 26 - 31.
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
วัด วัดใหญ่ท่าเสา
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองลับแล วัดพระแท่นศิลาอาสน์
จ. อุตรดิตถ์
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นพญาปาด
จ. อุตรดิตถ์
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา
จ. อุตรดิตถ์