ที่อยู่:
วัดราชาธิวาสวิหาร เลขที่ 3 ถนนสามเสน 9 แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300
โทรศัพท์:
02-241-4679, 02-241-4679, 02-668-7988, 081-251-7165 (พระครูปลัด กวีวัฒน์)
วันและเวลาทำการ:
เปิดทุกวัน 8.00- 16.00 (แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
ค่าเข้าชม:
ไม่เก็บค่าเข้าชม
ของเด่น:
เครื่องใช้พระภิกษุสมัยก่อน
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
รีวิวของพิพิธภัณฑ์มหาราชานุสรณ์ ร.4
อาคารพิพิธภัณฑ์มหาราชานุสรณ์ ร.4 คือพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระองค์เคยเสด็จมาประทับที่วัดนี้ในครั้งที่ทรงผนวชเป็นเวลาถึง 10 ปี แต่เดิมวัดแห่งนี้ชื่อวัดสมอราย ต่อมาหลังจากเสด็จมาประทับจึงเปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดราชาธิวาส วัดนี้สันนิษฐานว่าสร้างสมัยกรุงละโว้ หรือก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ประมาณปี พ.ศ.1820สิ่งของจัดแสดงอยู่ชั้น 2 เป็นสิ่งของเครื่องใช้ของพระสงฆ์ ส่วนใหญ่ท่านเจ้าอาวาสได้รับพระราชทานมา ห้องจัดแสดงมี 5 ห้อง ได้แก่ ห้องผ้า ห้องเครื่องเจียระไน เครื่องเคลือบ ปั้นชา ห้องเครื่องมุก เครื่องถมปัด ห้องเครื่องทองเหลือง ห้องคัมภีร์ใบลาน คำบรรยายจะมีเป็นโปสเตอร์ติดบริเวณผนัง ส่วนชั้นล่างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม สำหรับสถานศึกษาต่างๆที่ติดต่อพานักเรียนนักศึกษามาปฏิบัติธรรม ทางวัดจะจัดที่พักและหาอาจารย์มาช่วยสอน
ท่านพระครูปลัด กวีวัฒน์คือผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์และเป็นผู้นำชม ท่านบอกว่าการจัดแสดงเริ่มในปี 2550 ผู้เข้าชมส่วนใหญ่มากับทัวร์ 9 วัด มีทั้งทัวร์ไทยและต่างชาติจากจีน เกาหลี กลุ่มใหญ่มาครั้งหนึ่งจะประมาณ 40-50 คน มักจะขอให้เปิดเข้าชมในวันเสาร์-อาทิตย์
หน่วยงานที่เข้ามาช่วยจัดทำพิพิธภัณฑ์มีกรมศิลปากร ช่วยทำทะเบียนสิ่งของ ของใช้ต่างๆมีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 จนถึงรัชกาลที่ 6 แต่ที่มีเป็นจำนวนมากเป็นสมัยรัชกาลที่ 5 ในการสร้างอาคารมีตระกูลของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็นผู้อุปถัมภ์ เนื่องจากเคยมาเป็นศิษย์วัดที่นี่ และได้ปวารณาตัวไว้ว่าจะอุปถัมภ์วัด
ห้องแรกคือห้องผ้า ผู้เข้าชมจะพบกับผ้าโบราณผืนงามลวดลายวิจิตรจัดแสดงในตู้กระจก มีผ้าทรงพระพุทธรูป เป็นผ้าที่พุทธศาสนิกชนนิยมถวายเป็นการกุศลแด่พระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถและพระวิหาร ส่วนผ้ากราบ เป็นผ้าที่พระสงฆ์ใช้รองรับในท่ากราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ คือเข่าสองข้าง มือทั้งสองกับหน้าผากจรดลงกับพื้น เวลากราบพระพุทธรูปหรือกราบพระเถระผู้ใหญ่ และใช้เวลารับประเคนของจากสตรี ผ้ากราบที่มีผู้มีจิตศรัทธาทำถวายเนื่องในโอกาสต่างๆ มักปักด้วยไหม ดิ้น หรือพิมพ์ชื่อ ลวดลายหรือรูป สัญลักษณ์ของผู้ถวายหรือผู้ที่ต้องการอุทิศส่วนกุศลให้
ที่เห็นเป็นย่ามที่มีลวดลายสวยงาม กล่าวว่า ย่ามเป็นถุงใส่ของ ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ภิกษุสาวกใช้ถุงหรือย่ามเพื่อใส่ยา สนับมือและรองเท้า ปัจจุบันพระสงฆ์ใช้ย่ามใส่สิ่งของ เครื่องใช้ส่วนตัว เช่น ผ้ากราบ ผ้าเช็ดหน้า ช้อนส้อม เครื่องเขียน สมุด หนังสือ ฯลฯ
ผ้าอีกแบบคือ ถลกบาตร ประกอบด้วย สายโยค(สายโยก) เป็นสายคล้องบ่าและตะเครียว(ตะเคียว) คือถุงตาข่ายถักด้วยด้ายหรือไหมเป็นตาโปร่งมีหูรูด สำหรับหุ้มถลกบาตรอีกชั้นหนึ่ง ของใช้อื่นๆได้แก่ ไม้เท้า จัดเป็นบริขารเครื่องใช้สอยอย่างหนึ่งของพระภิกษุสงฆ์ในเวลาเดินธุดงค์ หรือสำหรับพระสงฆ์ผู้ใหญ่ถือพยุงกาย เมื่ออยู่ในพระอารามหรือเวลาเดินทาง
ห้องที่สองต่อมา ผู้เข้าชมจะได้เห็นปั้นชาและที่ชาเป็นชุดอย่างสวยงาม ทุกชิ้นอยู่ในสภาพดีสมบูรณ์ ปั้นชาหรือกาชงชาจีน นิยมสะสมกันมากในสมันรัชกาลที่ 5 นิยมผลิต 3 สีคือ สีตับหมูหรือสีดำ สีแดงอ่อนและสีแดงเข้ม ส่วนที่ชาคืออุปกรณ์สำหรับเก็บและชงชา ประกอบด้วย ถาด ปั้นชา และถ้วยชา ส่วนภาชนะที่มีลวดลายสวยงามอื่นๆ คือเครื่องบูชาอย่างโต๊ะจีน มีลักษณะผสมผสานระหว่างจีนกับไทย นิยมจัดให้มีสีและลวดลายอย่างเดียวกัน เช่น ชุดเครื่องกระเบื้องสีขาว เครื่องลายครามลายมังกรดั้นเมฆ ลายสิงโต ลายทิวทัศน์
ห้องที่สามมีเครื่องมุก เครื่องถมปัด เครื่องเบญจรงค์และลายน้ำทอง เครื่องถ้วยลายกุหลาบน้ำทอง ของชำร่วยของที่ระลึก สำรับยาสมุนไพร เครื่องมุกเป็นงานที่มีความละเอียดอ่อน ทำจากเปลือกหอยมุกทะเลและมุกน้ำจืดที่สามารถสะท้อนแสงเป็นสีรุ้งแวววาว ถือเป็นของสูง สำหรับสร้างเครื่องราชูปโภค หรือสร้างถวายพระศาสนา ถ้าเป็นเครื่องใช้พระสงฆ์จะทำเป็นฝาและเชิงบาตร ประกับคัมภีร์ พาน ตะลุ่ม หีบ กล่อง และตู้พระธรรม
เครื่องถมปัดคือเครื่องทองแดงเคลือบน้ำยาสีเป็นลวดลายต่างๆ กรรมทำวิธีคล้ายเครื่องถม ใช้ลูกปัดป่นละเอียดเข้ากับปรอท ทาลงบนโละตามลวดลาย แล้วใช้ความร้อนไล่ปรอทให้ระเหยไป เหลือแต่สีแก้วติดกับโลหะ จึงเรียกว่า ถมปัด ในห้องนี้ยังมีภาชนะที่สวยงามเป็นเครื่องเบญจรงค์และลายน้ำทอง เป็นเครื่องถ้วยสั่งทำจากประเทศจีน แต่ลวดลายสีสันเป็นไทย ใช้สี 3-8 สี สีที่สำคัญได้แก่ แดง เขียว ดำ เหลือง ในระยะหลังมีการใช้สีชมพู ม่วง น้ำเงิน ส้ม เครื่องถ้วยลายกุหลาบน้ำทอง เป็นเครื่องกระเบื้องทำเป็นแจกัน กา ชามฝา อ่างและจาน เขียนลายทั้งด้านในและด้านนอก เป็นลายรูปบุคคล เล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์หรือเทพนิยาย สลับกับลายดอกไม้และนกในช่องกระจก
ในห้องนี้กลางห้องยังมีโกศที่มีอัฐิของท่านเจ้าอาวาสในอดีตตั้งไว้ ท่านพระครูปลัด กวีวัฒน์บอกว่า เมื่อก่อนใช้วางพระพุทธรูป แต่ได้ถูกโจรกรรมเมื่อนานมาแล้วในครั้งที่ยังอยู่ในศาลาการเปรียญ ตรงมุมด้านหนึ่งยังมีขวดแก้วยาสมุนไพรแบบต่างๆ และบรรดาของชำร่วยและของที่ระลึก สิ่งของเหล่านี้เจ้าภาพผู้จัดงานพิธีและบำเพ็ญกุศลในวาระสำคัญต่างๆ จัดทำแจกเป็นที่ระลึกแก่ญาติมิตรผู้มาช่วยงาน และถวายเป็นไทยทานแก่พระภิกษุสงฆ์ที่มาสวดในพิธี เช่น เครื่องเขียน กล่องแว่นตา กล่องบุหรี่ กล่องหมาก กล่องไม้ขีด กล่องนามบัตร นาฬิกาพก กล้องสูบยา กระเป๋าหนัง พวงกุญแจ สิ่งของต่างๆ มักจะบอกวาระในการสร้างเพื่อให้เป็นที่ระลึกสำหรับผู้รับ นอกจากนี้ยังมีภาพพัดยศ ตาลปัตรแบบต่างๆ มีสมุดภาพที่ท่านเจ้าอาวาสสมัยก่อนรวบรวมไว้ เป็นภาพบรรยากาศบ้านเมืองในอดีต
ห้องที่สี่เป็นเครื่องทองเหลือง เครื่องเขิน เครื่องทองเหลืองทำมาจากโลหะผสมระหว่างทองแดงกับสังกะสี มีสีเหลืองคล้ายทองคำ นิยมทำเป็นเครื่องใช้สอยเช่น โตก พาน แจกัน ขัน ทัพพี ช้อนส้อม ถาดและเครื่องบูชา ส่วนเครื่องเขินทำมาจากไม้ ไม้ไผ่ หวายกลึงหรือสาน ตกแต่งผิวเรียบด้วยยางรักผสมสีชาด อาจจะลงรักทับหรือทำลวดลายด้วยสี นิยมทำเป็นเครื่องใช้ เช่น โตก พาน กล่องยาสูบ ขัน การทำขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาหรือเครื่องใช้สำหรับพระสงฆ์ มักตกแต่งลวดลายด้วยเงินและทองอย่างงดงาม เช่น ตะลุ่ม ถาด พาน พานแว่นฟ้า เป็นต้น
ห้องที่ห้าห้องสุดท้ายจัดแสดงคัมภีร์ใบลาน คัมภีร์โบราณเหล่านี้หอสมุดแห่งชาติมาช่วยดูแล จัดเก็บทำความสะอาด ผ้าห่อคัมภีร์ที่เห็นเป็นของใหม่ ของเก่านั้นเก็บไว้อีกที่หนึ่ง เนื้อหาในคัมภีร์ใบลานเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระไตรปิฎก พระสูตรต่างๆ ตำรายาสมุนไพรโบราณ ในห้องนี้มีตู้เก็บพระไตรปิฎกสมัยรัชกาลที่ 5 ชุดนี้ครบถ้วนถือว่าหายาก
จากนั้นท่านพระครูได้พาไปที่ชั้นสาม มีอีกห้องหนึ่งที่เป็นเรื่องราวของร.6 มีรูปปั้นเสมือนองค์จริงนุ่งห่มขาว วัสดุปั้นทำจากไฟเบอร์ เครื่องใช้ต่างๆบางส่วนเป็นของท่านเช่น บาตร ส่วนจีวรเป็นของจำลองขึ้นมา
สิ่งที่ท่านพระครูอยากจัดทำเพิ่มเติม คือคำอธิบายในรายละเอียดยุคสมัยของวัตถุจัดแสดงชิ้นสำคัญ ซึ่งยังต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยจัดทำ จะได้เป็นการให้ความรู้กับผู้เข้าชมมากขึ้น หลังจากเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ วัดราชาธิวาสวิหารยังมีสถานที่สำคัญอีกมากมาย อาทิเช่น พระอุโบสถที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ที่เพิ่งบูรณะเสร็จคือพระตำหนักสี่ฤดู พระตำหนักพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ พระตำหนักสมเด็จพระพันปีหลวง(พระตำหนักพญาไท) หอรูปพระธรรมวโรดม (เซ่ง อุตตมเถระ) เป็นต้น
----------------------------------------------------
สาวิตรี ตลับแป้น /ผู้เขียน /ถ่ายภาพ
ข้อมูลจาก : สำรวจภาคสนามเมื่อวันที่ 5 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2555
----------------------------------------------------
การเดินทาง : พิพิธภัณฑ์มหาราชานุสรณ์ ร.4 อยู่ที่ถนนสามเสน 9 ก่อนถึงวัดจะผ่านชุมชนวัดราชา
-----------------------------------------------
อ้างอิง : ข้อมูลการสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 5 เดือนมีนาคม พ.ศ.2555
พระราชกวี.นำเที่ยววัดราชาธิวาสวิหาร. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล เจี้ยฮั้ว2554.
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
ผ้า คัมภีร์ใบลาน เครื่องทองเหลือง เครื่องเขิน ผ้าโบราณ
พิพิธภัณฑ์ธนาคารกสิกรไทย
จ. กรุงเทพมหานคร
บ้านจักรยาน
จ. กรุงเทพมหานคร
หอประวัติหลวงสำรวจพฤกษาลัย (นายสมบูรณ์ ณ ถลาง)
จ. กรุงเทพมหานคร