ที่อยู่:
เลขที่ 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน ตำบลพญาไท อำเภอพญาไท จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10400
โทรศัพท์:
0 2617 3704, 0 2617 3320
วันและเวลาทำการ:
จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. หยุดวันหยุดราชการ
ค่าเข้าชม:
ไม่เก็บค่าเข้าชม
ของเด่น:
กำปั่นเหล็ก เซฟหีบเหล็กขนาดเล็ก เครื่องอัดสำเนาแบบกระเป๋าหิ้ว และอากรมหรสพ รุ่นแรกพิมพ์จากประเทศอังกฤษ เดิมเรียกว่า อากรมหรสพ เริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2445 ร.ศ. 121 เป็นผลประโยชน์แผนกมหาดไทยสรรพากร เลิกใช้เมื่อ พ.ศ. 2528 ได้มาจากกองอากรและพัสดุ
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
พิพิธภัณฑ์กรมสรรพากร
การจัดเก็บภาษีอากรมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่การจัดระเบียบจนมาเป็นกรมสรรพากรอย่างในปัจจุบันเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มมาจากทรงวางแผนปฏิรูปการปกครอง มีการวางระเบียบกิจการคลังใหม่โดยพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ขึ้นในปี พ.ศ.2416 เพื่อเก็บรายได้ภาษีอากรของแผ่นดินมารวมไว้ ณ ที่แห่งเดียว ต่อมาจึงยกเป็นกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ มีเสนาบดีประจำ ในปีพ.ศ.2435 การภาษีอากรได้ปรับปรุงใหม่ โดยแต่งตั้งข้าหลวงคลังไปประจำทุกจังหวัดและทุกมณฑลเพื่อทำหน้าที่เก็บภาษีอากรจากราษฎรโดยตรงแล้วรวบรวมรายได้ทั้งหมดส่งมารวมไว้ ณ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ราษฎรไม่ต้องเสียภาษีอากรมากน้อยลักลั่นกันเหมือนแต่ก่อน ส่งผลให้รายได้ของแผ่นดินเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมากครั้นเมื่อกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย เสด็จมาเป็นเสนาบดีกระทรวงพระคลัง ท่านได้ให้ฝรั่งผู้ชำนาญการมาเป็นเจ้ากรมสรรพากร โดยมิสเตอร์เกรแฮม มาเป็นเจ้ากรมสรรพากรใน ขึ้นอยู่กับกระทรวงนครบาล ส่วนมิสเตอร์ไยส์ (ภายหลังได้เป็นพระยาอินทรมนตรี ศรีจันทรกุมาร) มาเป็นเจ้ากรมสรรพากรนอก อยู่ในกระทรวงมหาดไทย
พิพิธภัณฑ์กรมสรรพากรมีอยู่ที่ตึกสรรพากร สำนักงานใหญ่ ส่วนจัดแสดงมี 2 แห่ง คือบริเวณห้องโถงชั้น 2 บริเวณหน้าห้องประชุมสัมมนา และอีกแห่งคือในห้องบริเวณชั้นสองของตึกเก็บเอกสาร
ผู้นำชมพิพิธภัณฑ์มี 3 ท่านคือ คุณไพบูลย์ โลหะประภากุล นักวิชาการสรรพากรชำนาญการ คุณพบพิมพ์ สิงหเดชา นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการ คุณเพ็ญพร เลิศจรัสยิ่ง นักวิชาการเงินและบัญชีชำนาญการ
การจัดแสดงบริเวณห้องโถงชั้น 2 มีภาพของเจ้ากรมสรรพากรตั้งแต่ยุคแรกๆ เรื่อยมา ส่วนสิ่งของจัดแสดงส่วนใหญ่มีขนาดเล็กใส่ตู้กระจกไว้พร้อมคำอธิบาย อย่างเช่น เซฟหีบเหล็กขนาดเล็ก ใช้เก็บเงินและเอกสาร เริ่มนำมาใช้ในปีพ.ศ. 2500 ลูกคิดเป็นอุปกรณ์ใช้คำนวณเลขในระยะแรกๆ เริ่มนำมาใช้เมื่อปี พ.ศ.2485 อากรแสตมป์ รุ่นแรกจัดพิมพ์จากบริษัท โทมัสเดอลารู จำกัด ประเทศอังกฤษ ลงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2482 เลิกใช้เมื่อปี พ.ศ. 2527 หนังสือที่เป็นเล่มเก่าแก่คือ ประมวลรัษฎากร ซึ่งได้มีการตราพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2481 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2482 ประมวลรัษฎากรฉบับนี้เป็นการรวบรวมพระราชบัญญัติภาษีต่างๆเข้าไว้เป็นประมวลเล่มเดียว และได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมมาหลายครั้งจนกระทั่งปัจจุบัน นอกจากนี้ก็มีใบเสร็จรุ่นแรก เอกสารภาษี เครื่องคิดเลขชนิดมือหมุน เครื่องพิมพ์ดีด เป็นต้น
ในการจัดแสดงอีกส่วนหนึ่งมีสิ่งของมากมาย อยู่ในห้องชั้นสองของอาคารเก็บเอกสาร ส่วนนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แม้แต่คนที่ทำงานที่นี่ เนื่องมาจากทำเลที่ตั้งของห้องไม่โดดเด่น และยังไม่ได้มอบหมายความผิดชอบในการนำชมหรือดูแลจัดการพิพิธภัณฑ์ให้กับฝ่ายใดอย่างชัดเจน ที่นี่ได้เก็บรวมรวมเครื่องใช้สำนักงานมาจากสรรพากรในต่างจังหวัดที่ได้ใช้จริงในอดีต มีตู้ไม้ โต๊ะทำงาน อุปกรณ์สำนักงาน การจัดแสดงบางส่วนอยู่ในตู้ไม้ปิดกระจก บางส่วนวางเรียงกันบนโต๊ะขนาดใหญ่ อันที่ดูโบราณคลาสสิกน่าจะเป็นกำปั่นเหล็ก มีหลากหลายรูปแบบวางเรียงกันอยู่ที่พื้น กำปั่นเหล็กพวกนี้ใช้เก็บรักษาเงิน อากรแสตมป์ ใบเสร็จรับเงินและเอกสารตัวแทนเงิน อันที่มาจากอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ได้ใช้มาในปี พ.ศ.2460 ส่วนที่มาจากสำนักงานสรรพากรจังหวัดสระบุรี ได้ใช้ในปี พ.ศ. 2476
อันที่ดูแปลกตาลักษณะเป็นท่อนเหล็กยาวเป็นข้อๆ อันนี้เรียกว่าเส้นกระแส ใช้สำหรับวัดขนาดของที่ดินเพื่อการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ มีความยาว 20 เมตร เส้นกระแสถูกนำมาใช้ในปี พ.ศ. 2505 เลิกใช้งานในปี พ.ศ. 2508 เนื่องจากมีการโอนการจัดเก็บภาษีดังกล่าวไปให้กรมการปกครอง
ที่รู้จักกันค่อนข้างดีได้แก่ลูกคิด ใช้ในการคำนวณเลขในระยะแรกๆของการจัดเก็บภาษี ลูกคิดที่จัดแสดงอันหนึ่ง ตัวลูกคิดและรางทำด้วยไม้ ส่วนก้านทำด้วยเขาสัตว์ นำมาใช้เมื่อปี พ.ศ.2485 ได้มาจากสำนักงานสรรพากรจังหวัดชัยนาท และเลิกการใช้งานไปภายหลังจากที่ได้มีการนำเครื่องคำนวณชนิดมือโยกมาใช้แทน
ส่วนที่วางจัดแสดงบนโต๊ะส่วนใหญ่เป็นเครื่องพิมพ์ดีด เครื่องจำหน่ายตั๋ว เครื่องคิดเลขและเครื่องคำนวณแบบสมัยก่อน อย่างเครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทย ยี่ห้อเรมินตัน มีขนาดเล็กพร้อมกระเป๋าหิ้ว ใช้พิมพ์หนังสือราชการ นำมาใช้เมื่อปี พ.ศ.2499 ได้มาจากสำนักงานสรรพากรจังหวัดอุทัยธานี เลิกใช้งานเมื่อปี พ.ศ.2532 เครื่องจำหน่ายตั๋ว เป็นเครื่องจำหน่ายตั๋วเข้าชมการแข่งม้ายี่ห้อ NCR เริ่มนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2510 ได้มาจากกองคลัง เครื่องคิดเลขชนิดมือหมุน ยี่ห้อเอเวอร์เรส ใช้สำหรับบวกลบจำนวนตัวเลขในการจัดเก็บภาษีอากร นำมาใช้ในปี พ.ศ.2479 ราคาในขณะนั้นประมาณเครื่องละ 430 บาท ได้มาจากสำนักงานสรรพากร จังหวัดสมุทรสงครามและเลิกใช้งานในปี พ.ศ.2530 เครื่องคำนวณเลขชนิดมือโยก ยี่ห้อโอลิเวตติ ขนาดกลาง นำมาใช้คำนวณตัวเลขในปี พ.ศ.2508 ได้มาจากกองตรวจภาษีอากรและเลิกใช้งานเมื่อปี พ.ศ.2535
เมื่อถามถึงการรวบรวมเครื่องใช้สำนักงานมาจากสรรพากรต่างจังหวัด คุณไพบูลย์บอกว่าเป็นความพยายามที่จะเก็บรักษาสิ่งของเหล่านี้ไว้ ซึ่งต้องประกอบกับสำนักงานสรรพากรในต่างจังหวัดด้วยว่าเขายังดูแลไว้หรือไม่ บางแห่งเก็บรักษาไว้ดีมาก และนำส่งมาให้เก็บรักษาไว้ที่นี่ พร้อมทั้งให้ข้อมูลรายละเอียดสิ่งของในแต่ละชิ้น ทางสำนักบริหารการคลังและรายได้ ส่วนพัสดุครุภัณฑ์ โดยนางปราณี ชัยวิมลผลิน นักวิชาการพัสดุชำนาญการ ปัจจุบันได้เกษียนราชการแล้ว ได้ทำทะเบียนสิ่งของไว้อย่างละเอียดทุกชิ้น
ในฐานะเป็นบุคลากรในกรมสรรพากร ทั้งสามท่านต่างคาดหวังว่าในอนาคตจะได้มีสถานที่จัดแสดงที่โดดเด่นเป็นสง่า พร้อมที่จะบอกเล่าเรื่องราวของกรมสรรพากรที่มีความเป็นมายาวนาน
-----------------------------------------------------
สาวิตรี ตลับแป้น /ผู้เขียน /ถ่ายภาพ
ข้อมูลจาก : สำรวจภาคสนามเมื่อวันที่ 3 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554
----------------------------------------------------
การเดินทาง :รถโดยสารประจำทางที่ผ่าน สาย 8, 26, 29, 34, 54, 59, 74, 77, 97, 136, 502,ปอ.พ.8,ปอ.44,ปอ.67,ปอ.536
สามารถใช้รถไฟฟ้า BTS (สถานี อารีย์)
-----------------------------------------
อ้างอิง : พิพิธภัณฑ์กรมสรรพากร. http://www.rd.go.th/publish/3448.0.html [Accessed 14/07/2011]
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
ประวัติศาสตร์ กรมสรรพากร
พิพิธภัณฑ์ร่างกายมนุษย์
จ. กรุงเทพมหานคร
พิพิธภัณฑ์สุขสะสม
จ. กรุงเทพมหานคร
พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก ร.ร.เศรษฐบุตรบำเพ็ญ
จ. กรุงเทพมหานคร