รีวิวของหอพิพิธภัณฑ์วัดศรีคุณเมือง

เมื่อกล่าวถึงวิถีชีวิต การจะเรียนรู้เรื่องราวของคนในสังคมใดๆ ในระยะเวลาไม่มากนัก พิพิธภัณฑ์ดูจะเป็นสถานที่แขกบ้านแขกเมืองนิยมแวะเวียนเข้าไปดูกัน วัดศรีคุณเมือง กลางเมืองเชียงคาน จ.เลย ตั้งอยู่ไม่ห่างจากลำน้ำโขงมากนักมีอาคารที่เรียกว่าเป็น “หอพิพิธภัณฑ์” ที่ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2546 โดยพระครูสิริปัญญาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาส ท่านว่า ได้แรงบันดาลใจในการทำพิพิธภัณฑ์จากพิพิธภัณฑ์วัดศรีจันทร์ บ้านนาอ้อ ในอำเภอเมือง จังหวัดเลย เพราะเกรงว่าของบางอย่างต่อไปลูกหลานจะไม่ได้เห็น หรือไม่รู้จัก ภายในอาคารเก็บข้าวของที่เคยใช้ในครัวเรือน เครื่องมือดักสัตว์ โดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องไม้ไผ่สาน เช่น เครื่องมือดักปลา วีข้าว หรือเครื่องไม้ เช่น น้ำเต้า หน้าไม้ แกนกรอด้าย ฟืมทอผ้า รวมไปถึงหุ่นทำจากโครงเหล็กและกระสอบป่านที่เคยใช้ร่วมขบวนแห่ปราสาทผึ้ง นอกจากนี้ ยังมีบอร์ดที่ติดภาพงานพิธีสำคัญของวัด บายศรีสู่ขวัญ และบอร์ดบรรยายขั้นตอนการทำปราสาทผึ้ง ซึ่งเป็นประเพณีที่ได้รับการประชาสัมพันธ์จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)

ทั้งนี้ท่านเจ้าอาวาส บอกว่า เนื่องจากไม่มีเวลาและต้องทำทุกอย่างเองคนเดียว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และยังไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้อยู่ที่พระอุโบสถ ซึ่งจะน่าเสียดายหากผู้มาเยี่ยมเยือนไม่ได้เดินชมภาพจิตรกรรมด้านหน้าและในพระอุโบสถที่เล่าเรื่องของพระเจ้าสิบชาติ ที่เต็มไปด้วยภาพวิถีชีวิตของคนร่วมสมัยสอดแทรกเข้าไป เช่น ภาพรถสามล้อเครื่องที่อยู่ใกล้กับช้างตามท้องเรื่องของชาดก รวมทั้งกุฏิเรือนไม้มีสร้างบนฐานเสาซีเมนต์ ซึ่งเป็นแบบสถาปัตยกรรมในท้องถิ่น หากใครได้มีโอกาสไปเยี่ยมเชียงคานในช่วงออกพรรษา หรือก่อนหน้านั้นสักเล็กน้อย จะมีโอกาสได้รู้จักประเพณีการแก่ประสาทผึ้งที่ทำกันทุกหัววัด แม้ปราสาทผึ้งที่เชียงคานอาจไม่ได้อลังการเท่ากับปราสาทผึ้งในจังหวัดอื่นของอีสาน แต่ประเพณีดังกล่าวก็สร้างความเข้าใจของสายใยวัฒนธรรมที่มีแม่น้ำโขงเชื่อมต่อแผ่นดินไทย-ลาวได้อย่างน่าสนใจ หอพิพิธภัณฑ์ของเมืองเชียงคาน อาจไม่โดดเด่นหรือมีความน่าสนใจในการจัดแสดงเท่ากับพิพิธภัณฑ์แห่งอื่นๆ แต่หากผู้ชมที่ได้เที่ยวชมบ้านเรือน และทำความรู้จักกับผู้คนในเมืองเชียงคานแห่งนี้แล้ว เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าความมีชีวิตแบบพื้นๆ ของคนที่นี่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ความหลากหลายทางวัฒนธรรมเพิ่มขึ้นอีกแห่งเช่นกัน

ข้อมูลจาก : การสำรวจภาคสนามวันที่ 4 กรกฎาคม 2549