ภาพปริศนาธรรมจากสมุดภาพวัดพระรูป ภาพที่ 17 นี้เป็นภาพชายผู้หนึ่งไม่สวมเสื้อ สวมแต่โจงกระเบน มีเครื่องสวมศีรษะเป็นหยัก ๆ คล้ายมงกุฎ ประกอบกับเครื่องประดับที่คอ แขน และข้อมือ ชายผู้นี้นั่งขัดตะหมาดบนธรรมาสน์ทรงเตี้ย ชื้มือข้างหนึ่งไปยังบุษบกสีทองแกะสลัก ภายในบุษบกประดิษฐานพานทอง 1 ใบ และมีลูกกลม ๆ สีเหลืองทอง 3 ลูกอยู่บนพาน เมื่อพิจารณาจากคำอธิบายประกอบภาพแล้ว เข้าใจว่า ลูกกลม ๆ ที่อยู่บนพานนี้น่าจะเป็นสัญลักษณ์แทน “นิพพาน” ซึ่งมี 3 ระดับคือ ตทังคนิพพาน วิกขัมภนนิพพาน และสมุทเฉทนิพพาน (หรือ ปรินิพพาน)
ภาพปริศนาธรรม ภาพที่ 17
คำอ่านตามรูปอักษร[1]
ในหนังสือ สมุดข่อย[2] ได้อธิบายภาพปริศนาธรรมภาพนี้ไว้ว่า
“โยคาวจร พิจารณาโคตรภูญาณ หน่วงเอานิพพานเป็นอารมณ์ จะใคร่เข้าสู่อริยโคตรแล”
คำอ่าน
โยคาวจร พิจฺจารณาโคตฺรภุญาณหฺนฺ่วฺงเอานิพฺพานเปนฺอารมณไคฺร่เข้าสู่อริยโคตฺร+
แล
คำปริวรรต
โยคาวจร พิจารณาโคตรภูญาณ หน่วงเอานิพพานเป็นอารมณ์ จะใคร่เข้าสู่อริยโคตร+
แล
คำอธิบายเพิ่มเติม
ข้อความในภาพนี้มีการกล่าวถึง “โคตรภูญาณ” เป็นสำคัญ พระเทพวิสุทธิมุนี วิ. ผู้อำนวยการสถาบันวิปัสนาธุระ ได้บรรยายเกี่ยวกับ โคตรภูญาณ ไว้ในบทความเรื่อง โสฬสญาณ (ญาณ 16) อย่างละเอียด และผู้เขียนพิจารณาแล้วเห็นว่าคำบรรยายของพระอาจารย์มีความสอดคล้องกับข้อความในภาพ จึงได้ขอยกคำบรรยายนั้นมาประกอบเนื้อหาให้เห็นชัดเจนขึ้นดังนี้ “โคตรภูญาณ : เป็นญาณที่ข้ามเขตปุถุชนเข้าสู่อริยชน เป็นด่านที่สลัดอารมณ์โลกิยะ เสนอแนะนิพพานให้เป็นอารมณ์ของจิตในเวลาปฏิบัติจริง อนุโลมญาณกับโคตรภูญาณจะเกิดขึ้นต่อเนื่องกันในขณะจิตดวงเดียวกัน โดยอนุโลมญาณจะเกิดขึ้นก่อนโคตรภูญาณสองถึงสามครั้ง เพื่อทำตัวให้เข้มแข็ง ที่สามารถไล่ความมืดคือโมหะออกไป ในญาณนี้ผู้ปฏิบัติยังคงกำหนดรูปนามต่อไปเมื่อโคตรญาณเกิดขึ้น จิตของผู้ปฏิบัติจะมีนิพพานเป็นอารมณ์ ข้ามโคตรปุถุชน บรรลุถึงอริยชน โดยไม่หวนกลับมาอีก”[3]
ผู้เขียน : นวพรรณ ภัทรมูล
คำสำคัญ : ปริศนาธรรม สมุดภาพ วัดพระรูป สมุดไทยขาว