ศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนสามเผ่า วัดคุรุราษฎร์


ที่อยู่:
วัดคุรุราษฎร์ หมู่ที่17 ต.หนองเต็ง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ 31160
โทรศัพท์:
081-3699555
วันและเวลาทำการ:
เปิดทุกวัน
ค่าเข้าชม:
ไม่เสียค่าเข้าชม
ปีที่ก่อตั้ง:
2547
จัดการโดย:
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล

ไม่มีข้อมูล

รีวิวของศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนสามเผ่า วัดคุรุราษฎร์

วัดคุรุราษฎร์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก  มีเด็กเล็กๆนับร้อยคน  อายุตั้งแต่ขวบครึ่งไปจนถึงสี่ขวบ  ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัดแห่งนี้  ท่านพระครูจันทธรรมโกวิท เจ้าอาวาส ได้ก่อตั้งขึ้นมาเกือบยี่สิบปีแล้ว  เด็กๆเหล่านี้เป็นลูกหลานของชาวบ้านละแวกนี้  โดยพ่อแม่ผู้ปกครองไปทำงานตามไร่นา  ทำให้ไม่มีคนดูแลเด็กๆ  ที่นี่จึงรับมาดูแล  โดยมีครูพี่เลี้ยงจำนวน  6  คน  ปัจจุบันทางเทศบาลได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากวัด  โดยจะมีบางส่วนของค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองจะช่วยกันบริจาค     ท่านพระครูบอกว่า  การมีศูนย์เด็กในวัด  ส่งผลให้เด็กๆใกล้ชิดและผูกพันกับวัด  อีกทั้งเด็กยังเป็นเสมือนผู้ชักนำให้ผู้ปกครองได้เข้าวัดด้วย  
 
การที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ใช้ชื่อว่า  ศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนสามเผ่า  ก็เนื่องมาจาก  คนในหมู่บ้านนี้มีเชื้อสายกลุ่มชาติพันธุ์  3  เผ่าคือ  เขมร  ส่วยหรือกูย  และลาว     ในการนำชมในช่วงแรก  อาจารย์ฉัตรรัตน์  ทวีกุล  หัวหน้าศูนย์เด็กฯ ได้ช่วยนำชมและอธิบายให้ฟัง  อาจารย์บอกว่านอกจากงานที่ศูนย์ฯ  อาจารย์ยังช่วยหลวงพ่อท่านดูแลพิพิธภัณฑ์ของวัดด้วย  ตอนนี้อยู่ในช่วงย้ายสิ่งของจากอาคารพิพิธภัณฑ์หลังเดิม ซึ่งเป็นศาลาไม้  มาอยู่ที่อาคารคอนกรีตหลังใหม่  เนื่องมาจากที่เดิมผุพัง  และในส่วนของเรือนไม้ที่เคยจัดแสดงเป็นบ้านแบบส่วย  เขมร  ลาว  ตอนนี้ไม่ได้ใช้จัดแสดงแล้ว  โดยปัจจุบันพระสงฆ์ได้ใช้เป็นกุฏิ
 
สิ่งของจัดแสดงของที่นี่  ส่วนใหญ่เป็นของพื้นบ้านที่ชาวบ้านได้นำมาบริจาค  พิพิธภัณฑ์นี้เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2547  ในช่วงแรกได้งบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบล  โดยเป็นงบประมาณที่ทยอยให้มา  รวมแล้วก็ประมาณสองแสนบาท  จุดประสงค์ของการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ ก็เพื่อรวบรวมของใช้พื้นบ้านให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน  นักศึกษา และคนทั่วไป   ท่านพระครูจันทธรรมโกวิทบอกว่า  ท่านมาเริ่มทำพิพิธภัณฑ์ช้าไป  โดยก่อนหน้านี้ชาวบ้านเขาจะเก็บของเก่าเหล่านี้ไว้ที่บ้านอยู่แล้ว  ต่อมามีคนรับซื้อของเก่ามาขอซื้อเพื่อเอาไปประดับรีสอร์ท  ซึ่งชาวบ้านเขาก็ขายไปเยอะแล้ว   ในช่วงแรกที่จัดทำท่านบอกว่าคนยังไม่นำสิ่งของมาบริจาคมากนัก  เนื่องจากเขายังไม่รู้ว่าเมื่อนำมาให้วัดจะเกิดประโยชน์อะไรบ้าง  แต่เมื่อเห็นมีคนเข้ามาศึกษาดูงาน  เกิดประโยชน์ในการเรียนรู้  จึงมีคนนำบริจาคกันมากขึ้น

สิ่งของที่จัดแสดงได้แก่  เครื่องจักสาน  อุปกรณ์ที่ใช้ในครัวสมัยก่อน  เช่น  ที่ทำลอดช่อง  ทำขนมจีน  เครื่องใช้ในอดีต  เช่น  เครื่องหั่นใบชา    อุปกรณ์ทอผ้า  แล้วก็ยังมีผ้าทอของชาวบ้านที่อายุเกือบร้อยปี  กะโหลกสัตว์  กระพรวนแขวนคอวัวควาย  ในสิ่งของจัดแสดงที่ดูโดดเด่นสวยงามและกำลังรอย้ายไปที่ใหม่คือ ประทุนเกวียน  ซึ่งอยู่ในสภาพดีมาก  เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ จะเห็นถึงความละเอียดประณีตในการสานส่วนที่เป็นหลังตา  อีกทั้งไม้ที่รองรับน้ำหนักยังมีลวดลายแกะสลักที่สวยงามชัดเจน  ในการจัดแสดงในส่วนของรูปภาพ  ที่นี่ได้ถ่ายภาพการแต่งกายของคนทั้ง 3 เผ่า ได้แก่  เขมร  ส่วย  ลาว  โดยผู้เข้าชมจะได้เห็นความแตกต่างของวัฒนธรรมการแต่งกาย  นอกจากนี้ยังมีภาพถ่ายใหญ่ที่หลายคนน่าจะคุ้นตา  เป็นภาพกลางทุ่งนาบนพื้นดิน   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีทรงประทับนั่ง  พร้อมกับมีชายหนุ่มคนหนึ่งนุ่งผ้าขาวม้าพนมมือไหว้นั่งอยู่บนพื้นดินในระดับเดียวกัน   สถานที่ในภาพคือตำบลหนองเต็ง  อำเภอกระสัง  และชาวบ้านคนนั้นปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่   
 
ในการรับบริจาคสิ่งของนำมาจัดแสดง  มีการลงทะเบียนไว้  โดยก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่จากวัฒนธรรมมาช่วยทำ  แต่ตอนนี้เขาได้ย้ายไปทำงานที่อื่นแล้ว  ทำให้สิ่งของที่จัดแสดงบางส่วนจะมีเขียนบอกว่าของอันนี้เรียกว่าอะไร  โดยจะเขียนบอกไว้ทั้ง 3  ภาษาคือ เขมร  ส่วย  ลาว  ท่านพระครูเล่าว่า  เคยมีของหาย  แต่เป็นช่วงก่อนที่จะทำพิพิธภัณฑ์  ที่วัดนี้เคยมีการขุดดินเพื่อจะนำดินมาถมอีกที่หนึ่ง  แล้วขุดไปเจอไหโบราณ  4  ใบ  เคยมีคนมาดูเขาบอกว่าน่าจะมีอายุถึง 700 ปี   ในช่วงนั้นท่านมีกิจธุระไปเชียงใหม่และกาญจนบุรี  รวมเวลากันก็สองอาทิตย์  กลับมาอีกทีก็พบว่ามีคนเข้ามางัดหน้าต่าง  ขโมยไหทั้งสี่ใบไปแล้ว  แต่หลังจากนั้นมา  เมื่อทำเป็นพิพิธภัณฑ์ก็ไม่เคยมีของหาย
 
เรื่องการสืบสานวัฒนธรรม  ตามมุมมองของท่านพระครู  ท่านมองว่าเป็นทั้งเรื่องของการสืบสานวัฒนธรรมพื้นบ้าน   เรื่องการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์   และการออกกำลังกายให้มีสุขภาพดี  ดังจะเห็นได้จากการจัดให้มีการแต่งตัวมาฟ้อนรำต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือน  กลุ่มนักแสดงจะมีทั้งเด็กนักเรียน  คนเฒ่าคนแก่  บางมีก็เป็นคุณครูที่ศูนย์เด็ก  คุณครูที่นี่เป็นทั้งคนสอนรำและก็รำแสดงเองได้ด้วย   อีกกิจกรรมหนึ่งสำหรับผู้สูงอายุที่ท่านให้การส่งเสริมคือการทอผ้า และไม่ให้คนเฒ่าคนแก่เหงา   ท่านยกตัวอย่างให้ฟังว่า “ยกตัวอย่างศรีสะเกษ  บางบ้าน  ทุกบ้าน  หลายหมู่บ้าน  หน้านี้ปลูกหอมกระเทียม  เช้ารุ่งขึ้นก็จะไปเถียงนา  ไปทุ่ง  ไปดูหอม  ดูกระเทียม  พอได้ผลผลิตมาคนเฒ่าคนแก่ก็มีงานทำ  มัดหอม  มัดกระเทียมไว้  ไม่มีเวลาที่จะไปโสเหร่เรื่องอื่นเลย  ตอนเช้าไปก็หอบเอาปุ๋ยอะไรไปใส่ผัก  ตอนเย็นมาต้อนวัวควายก็เอาฟางมาให้วัวกินอยู่ที่บ้าน  ไม่มีเวลาอย่างอื่น”
 
และถ้าใครช่างสังเกต จะเห็นจากรูปภาพบายศรี  และผลงานเก่าที่ยังตั้งแสดงไว้   เนื่องจากวัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องการทำบายศรี ท่านพระครูบอกว่าเมื่อก่อนตอนที่ท่านเป็นพระลูกวัด   ท่านเป็นผู้ลงมือทำด้วยตนเอง   ตามขนบประเพณีโบราณของคนที่นี่  เชื่อกันว่าผู้ชายทำบายศรีจะดีเพราะว่าสะอาด   เนื่องจากผู้ชายไม่มีประจำเดือน   ดังนั้นทุกวันนี้กลุ่มที่สืบทอดการทำบายศรีจึงเป็นผู้ชาย  โดยเอกลักษณ์ของบายศรีที่นี่คือจะทำกันแบบดั้งเดิม  ราคาที่รับทำตามขนาดความยากง่าย  ราคาตั้งแต่พันห้าไปจนถึงหลักหมื่น   รายได้จากการทำบายศรีเป็นของผู้ทำทั้งหมด  โดยวัดจะเป็นตัวกลางคอยประสานงานงานให้
 
ตลอดช่วงเวลาของการสนทนา ท่านพระครูมักจะเล่าถึงการทำงานเพื่อชุมชน  เช่น การจะบริจาคที่ดินวัดให้หน่วยงานรัฐเพื่อสร้างอาคารสำนักงาน  การหาทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์   กล่าวได้ว่าทุกเรื่องของท่านคือประโยชน์สุขของชาวบ้านตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ แล้วเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่  กระทั่งเป็นคนเฒ่าคนแก่วัยชรา
 
สาวิตรี  ตลับแป้น /ผู้เขียน /ถ่ายภาพ
ข้อมูลจาก  :  สำรวจภาคสนามเมื่อวันที่  11   เดือนกุมภาพันธ์  พ.ศ.2553

การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ เดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์  ให้ไปตามทางหลวงจนถึงจังหวัดสระบุรี  เลี้ยวขวาเข้าถนนมิตรภาพ  จากนั้นแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 24(โชคชัย-เดชอุดม)  ผ่านอำเภอหนองกี่  อำเภอนางรอง  แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าจังหวัดบุรีรัมย์  ตามทางหลวงหมายเลข 218 รวมระยะทาง 410 กม. หรือจากจังหวัดนครราชสีมา ตามทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านอำเภอจักราช-ห้วยแถลง-ลำปลายมาศ  รวมระยะทาง 384 กม.
วัดคุรุราษฎร์อยู่ในอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ การเดินทางจากบุรีรัมย์ไปอำเภอกระสังโดยรถประจำทางไม่สะดวก  เพราะว่าจะต้องต่อรถหลายต่อ  และนานๆ จะมีรถประจำทางสักคัน ช่วงที่เข้าตำบลหนองเต็ง  ถนนที่ตัดผ่านทุ่งนาค่อนข้างขรุขระ
ชื่อผู้แต่ง:
-