พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์


ที่อยู่:
ถ.ปราจีนตคาม ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี 25000
โทรศัพท์:
037-217551, 037-217552, 081-2958218
วันและเวลาทำการ:
เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น.
ค่าเข้าชม:
ชาวไทย ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 30 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 100 บาท ชมเป็นหมู่คณะ 15 คนขึ้นไป ได้รับส่วนลด 20%
เว็บไซต์:
อีเมล:
yusuksuwan@hotmail.com
ปีที่ก่อตั้ง:
2550
จัดการโดย:
เนื้อหา:
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล

หลงเสน่ห์ของเก่า ที่ "พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์"

ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 21 พฤษภาคม 2550

ที่มา: ผู้จัดการ

แหล่งค้นคว้า:

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555


ไม่มีข้อมูล

รีวิวของพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์

"พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์" ได้ตั้งตามชื่อ-สกุลของ คุณณรงค์ อยู่สุขสุวรรณ์ หรือที่ชาวปราจีนบุรี เรียกว่า “เฮียพันธ์” ซึ่งแต่เดิมนั้นประกอบอาชีพรับซื้อขายของเก่าจำพวกเศษเหล็กและโลหะ ในช่วงแรกๆจะ มีตะเกียงเจ้าพายุติดมากับพวกเศษโลหะจำนวนมากแต่ก็ยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนักและยังขายไปในราคาเดียวกับเศษเหล็กด้วยซ้ำ แต่เมื่อมีคนมาซื้อได้ให้ราคาเป็นดวงซึ่งสูงกว่าการขายเป็นกิโลกรัมเหมือนเศษโลหะ โดยให้ราคาดวงละ 50 บาทจึงได้คัดแยกไว้ขายให้คนที่ต้องการเพราะเริ่มมีคนสนใจมากขึ้น เพื่อที่จะนำไปตกแต่งให้สวยงามและขายต่อให้ชาวต่างประเทศในราคาสูง ราคาจึงพุ่งขึ้นถึงดวงละ 100 บาท นับเป็นราคาที่สูงมากในขณะนั้น 
 
คุณณรงค์จึงเริ่มสงสัยและถามผู้ที่มาซื้อจึงได้ทราบเรื่องและฉุกคิดขึ้นมาว่า หากขายออกไปจำนวนมากอาจทำให้ตะเกียงเจ้าพายุซึ่งเป็นตะเกียงที่มีเอกลักษณ์สวยงามและทนทานหมดไปจากประเทศไทยและคนรุ่นหลังอาจไม่รู้จักเพราะไม่เคยเห็นตะเกียงแบบนี้ จึงได้ตัดสินใจเริ่มสะสมโดยตะเกียงดวงแรกก็คือ ตะเกียงขนาด 100 แรงเทียน แม้จะดูเหมือนตะเกียงเจ้าพายุทั่วไปแต่เป็นแบบดวงเล็กเห็นแล้วชอบจึงเก็บเอาไว้ และเริ่มมีตะเกียงแบบแปลกๆมากขึ้น และเพื่อนฝูงหรือคนรู้จักต่างก็ซื้อมาฝากด้วย ทำให้ตอนนี้คุณณรงค์มี ตะเกียงเจ้าพายุที่หลากหลายมากกว่า 10,000 ดวง นอกจากนี้ยังเป็นแบบที่แปลกและหายาก เช่นพวกเปโตแมก 835,834,300 หรือพวกโคลแมน-ทิลเลย์
 
ส่วนตะเกียงที่มีจำนวนมากคือตะเกียงเจ้าพายุขนาด 300 แรงเทียน 500 แรงเทียน ซึ่งก็ได้นำขึ้นไปแขวนไว้บนหลังคาโรงงาน เพราเป็นตะเกียงเจ้าพายุที่มีรูปแบบคล้ายกัน จนในที่สุดมีตะเกียงเต็มหลังคาโรง งาน ทำให้กลุ่มคนรักตะเกียงมาชมกันไม่ขาดสาย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันไปทั่วว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ตะเกียง นอกจากนี้ยังมีตะเกียงรูปร่างแปลกๆที่คุณณรงค์เก็บ แยกต่างหากเอาไว้ เมื่อมีผู้สอบถามก็จะพาชมจนในที่สุดหลายคนแนะนำให้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ จึ่งเป็นที่มาของพิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ ซึ่งคุณณรงค์ต่างก็รู้สึกพอใจที่สามารถรวบรวม และสะสมตะเกียงเก่าให้คนรุ่นหลัง ได้ศึกษาถึงความเป็นอยู่ของคนไทยในสมัยก่อนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้และที่สำคัญ ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด และถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เชิดหน้าชูตาให้จังหวัดปราจีนบุรีอีกทางหนึ่ง
 
พิพิธภัณฑ์ อยู่สุขสุวรรณ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ17 ไร่ ในเขตตำบลดงขี้เหล็ก ห่างจากตัวเมืองจังหวัดไปประมาณ 5 กิโลเมตร นอกจากเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมตะเกียงโบราณแล้ว ยังมีของเก่าที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นธนบัตรเก่า เหรียญเก่า ลอตเตอรี่เก่า ตู้ไม้สัก โต๊ะ เครื่องแป้ง ตลอดจนตู้เย็นน้ำมันก๊าด พัดลมที่ใช้น้ำมันก๊าด นาฬิกาไข ลาน วิทยุไม้ ตะเกียงลาน จักรยานและตราชั่งเก่า ที่อีกหลายคนยังไม่เคยเห็น โดยจุดสนใจและได้รับความนิยมมากก็คือลอตเตอรี่ ลอตเตอรี่สยามรุ่นแรกที่มีอายุ 70 ปี ราคาใบละ 1บาท มี 4 ส่วน แบ่งขายเป็น ส่วนละ 25 สตางค์  นอกจากจะได้เพลิดเพลินกับความแปลกตาจากของเก่านานาชนิดแล้ว ยังได้รับรู้ถึงการใช้ชีวิตประจำวันของคนในสมัยก่อนอีกด้วย
 
พื้นที่โดยรอบของพิพิธภัณฑ์โอบล้อมไปด้วยพรรณไม้สวยงามนานาชนิด อีกทั้งยังมีสัตว์สวยงามต่างๆมากมาย เมื่อก้าวเข้าสู่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะได้พบกับตะเกียงจำนวนมากมายซึ่งมีแขวนอยู่ทุกๆที่ ไม่ว่าจะเป็นตามที่จอดรถ ร้านค้าบนเพดานตามอาคารต่างๆ แม้กระทั่งห้องน้ำอีกด้วย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีอาคารทั้งหมด 5 อาคารซึ่งประกอบไปด้วย
อาคารที่ 1 อาคารราชาวดี อาคารนี้เป็นอาคารสองชั้น ในส่วนของการจัดแสดงชั้นล่าง ได้จัดแสดงเกี่ยวกับสิ่งของโบราณหลากหลายชนิดอาทิเช่น เครื่องเงิน เครื่องทองเหลือง เตารีดโบราณ เครื่องปั้นดินเผา ตู้เย็นใช้น้ำมันก๊าซ เป็นต้นในส่วนของชั้นสองเป็นชั้นที่รวบรวมตะเกียงเจ้าพายุหลากหลายยี่ห้อ ทั้งยังมีตะเกียงที่มีการใช้งานที่แตกต่างกันไปเช่น ตะเกียงเรือ ตะเกียงฉายสไลด์ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดของส่วนประกอบตะเกียงให้ท่านได้ศึกษาอีกด้วย
อาคารที่ 2 อาคารลีลาวดี อาคารนี้เป็นอาคารแฝดที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดซึ่งมีสองชั้นรวมหกห้องโดยแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่างประกอบไปด้วย
 
- ห้องราชพฤกษ์ ได้จัดแสดงเกี่ยวกับถ้วยชามโบราณ ถาดกระเบื้อง โถพู ขวดน้ำมะเน็ด ซึ่งเป็นขวดน้ำอัดลมในสมัยก่อน 
 
- ห้องชัยพฤกษ์ ส่วนใหญ่ของที่จัดแสดงจะเป็นเครื่องทองเหลืองอาทิ เชี่ยนหมากทองเหลือง ขันลงหิน เตาน้ำมันก๊าซ ตะเกียงลาน
 
- ห้องกัลปพฤกษ์ ใครที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของรถจักรยานและรถจักรยานยนต์ ต้องไม่พลาด ภายในห้องนี้ได้รวบรวมรถจักรยานหลากหลายยี่ห้อรวมไปถึงรถจักรยานยนต์ที่มีหลักการทำงานเป็นสองส่วนคือจะใช้เป็นจักรยาน (ถีบ) หรือเป็นรถจักรยานยนต์ ก็ได้
 
- ห้องทองกวาว ห้องนี้เห็นได้ว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆเพราะภายในห้องนี้เป็นของสะสมที่ เป็นของเล่นสังกะสีโดยส่วนใหญ่ และยังมีสามล้อถีบของเด็กในสมัยก่อน ซึ่งเป็นห้องที่เด็กๆจะได้เห็นวิวัฒนาการของของเล่นในอดีตถึงปัจจุบัน
 
- ห้องทองหลาง ภายในห้องนี้ได้จัดแสดงในเรื่องของพระ เช่นพระผง พระเหรียญรวมถึงรูปพระเก่าไว้มากมายหลายแบบ รวมทั้งพระเครื่องที่ขึ้นชื่อของจังหวัดปราจีนบุรี
 
- ห้องทองพันชั่ง เป็นการรวบรวมเกี่ยวกับ เครื่องคำนวณ ตราชั่งและเครื่องตวงวัด ในรูปแบบต่างๆ เช่น ตราชั่งคัน ซึ่งมีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ในการจัดแสดงของอาคารหลังนี้ ได้จัดแสดงสิ่งของออกเป็นหมวดหมู่ โดยในแต่ละห้องจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
 
อาคารที่ 3 อาคารชวนชม อาคารนี้เป็นอาคารชั้นเดียว อาคารแห่งนี้จัดแสดงในเรื่องของรูปเก่าของเมืองปราจีนบุรีในสมัยก่อน และรูปของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จมาเยือนจังหวัดปราจีนบุรี ณ วัดแก้วพิจิตร และยังมีหนังสือเก่านานาชนิด เช่น หนังสือพิมพ์ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 หนังสือ การ์ตูน และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในเรื่องของแสตมป์ ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงแสตมป์ที่สำคัญๆไว้หลายชุดด้วยกัน รวมถึงยังมีล็อตเตอรี่รุ่นแรกของไทยอีกด้วย
อาคารที่ 4 อาคารเจ้าพายุ อาคารนี้เป็นอาคารที่สร้างจากรูปแบบของตะเกียงเจ้าพายุ โดยมีส่วนสูงประมาณ 13 เมตร ซึ่งภายในของอาคารนี้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเพื่อชมวิวโดยรอบได้
 
และจุดหลังสุดของพิพิธภัณฑ์จะได้พบกับอาคารสุดท้าย อาคารที่ 5 อาคารฟ้าประดิษฐ์ ซึ่งที่นี้จะได้พบกับเรือหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเรือขุดที่ใช้ต้นไม้ทั้งต้นมาทำเป็นเรือขุดเพียงลำเดียว และภายในโรงเรือนยังมีเรือนผูก ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างจากไม้ไผ่โดยไม่ต้องใช้ตะปูหรือลวดในการก่อสร้างเลย และภายในบ้านได้จัดข้าวของเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตในสมัยก่อน ให้เยาวชนได้ศึกษาอีกด้วย 
 
ข้อมูลจาก : http://www.yusuksuwanmuseum.com [accessed 20081106]
ชื่อผู้แต่ง:
-

หลงเสน่ห์ของเก่า ที่"พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์"

คำว่า"ของเก่า" สำหรับบางคน อาจเป็นเพียงข้าวของไม่ใช้งานที่ถูกทิ้งไว้จนฝุ่นจับซุกอยู่ในห้องเก็บของ รอวันที่จะขายให้กับคนรับซื้อของเก่า แต่สำหรับอีกหลายๆคน กลับมองของเก่าเหล่านี้ว่ามีเสน่ห์ น่าเสียดายหากถูกทิ้งขว้างไป บางคนถึงกับลงทุนซื้อหาของเก่ามาเก็บสะสมไว้ในราคาสูงๆ เพราะข้าวของเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้สามารถระลึกถึงอดีตและความทรงจำเก่าๆ อีกทั้งหากมองดีๆ ของเก่าเหล่านี้ก็ยังมีลักษณะรูปทรงที่สวยงามคลาสสิคชวนมองไม่น้อย บางคนจึงนิยมซื้อหามาตกแต่งบ้านหรือร้านอาหารกัน หรือบางคนเมื่อสะสมไว้มากๆ เข้าก็เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนเข้าชมกัน
ชื่อผู้แต่ง:
-