พิพิธภัณฑ์วัดท่าตะเคียน


ที่อยู่:
วัดท่าตะเคียน หมู่ 3 ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
โทรศัพท์:
087-7109070 ติดต่อพระปลัดทวน อาภาธโร
วันและเวลาทำการ:
เปิดทุกวัน
ค่าเข้าชม:
ไม่เสียค่าเข้าชม
จัดการโดย:
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล

ไม่มีข้อมูล

ชุมชนบ้านท่าตะเคียนเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน  ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกไปทางตอนเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร  ชื่อของชุมชนแห่งนี้มาจากแต่เดิมเคยมีต้นตะเคียนขนาดใหญ่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่านใกล้กับท่าน้ำใหญ่ของชุมชน  จึงมีการเรียกชื่อชุมชนแห่งนี้ว่า บ้านท่าตะเคียน  ประวัติความเป็นมาของชุมชนบ้านท่าตะเคียนได้มีนักวิชาการหลายคนเข้ามาศึกษาสืบค้น  จากการศึกษาพบว่า  บรรพบุรุษของผู้คนในชุมชนบ้านท่าตะเคียนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนและอพยพเข้ามาภายหลังศึกเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ พ.ศ.2370  ซึ่งตรงกับหลักฐานร่วมสมัยที่ระบุว่ามีกลุ่มชาวลาวจำนวนหนึ่งถูกกวาดต้อนเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่เมืองพิษณุโลก  นอกจากชุมชนบ้านท่าตะเคียนแล้ว  ยังพบว่าชุมชนบ้านแสงดาวซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงก็เป็นกลุ่มชาวลาวเช่นเดียวกัน

การเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวลาวกลุ่มนี้ได้เข้ามาตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นชุมชนโบราณราวพุทธศตวรรษที่ 20-23 มาก่อน  ดังปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดีมากมายภายในเขตชุมชน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในวัดท่าตะเคียน  ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญของชุมชน  เช่น

ซากโบสถ์  แต่เดิมพบร่องรอยของฐานโบสถ์เก่าขนาดย่อม ก่อด้วยอิฐ  ต่อมาได้มีการสร้างโบสถ์หลังใหม่ทับลงในตำแหน่งโบสถ์เก่า

ซากวิหาร  อยู่ทางทิศเหนือของโบสถ์  มีร่องรอยของฐานวิหารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า  ก่อด้วยอิฐและใช้เสาศิลาแลง  ภายในวิหารมีพระพุทธรูปปูนปั้นประดิษฐานเป็นพระประธาน  ปัจจุบันมีสร้างวิหารใหม่ครอบทับแล้ว

หลวงพ่อทองสุข  เป็นพระประธานภายในวิหาร  เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย  หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกลงสู่แม่น้ำน่าน  เดิมทีนั้นองค์หลวงพ่อทองสุขอยู่ในสภาพชำรุด  ชาวบ้านจึงได้ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่  ทำให้รูปแบบพุทธศิลป์เปลี่ยนแปลงไปจึงไม่สามารถศึกษาพุทธศิลป์และกำหนดอายุของหลวงพ่อทองสุขได้

ใบเสมาหินชนวน  รอบโบสถ์วัดท่าตะเคียนมีใบเสมาหินชนวนปักอยู่โดยรอบ  บางใบมีการแกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม  เมื่อพิจารณาจากรูปแบบศิลปะแล้ว  สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 21-23  และเมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ  มีความเป็นไปได้ว่าใบเสมาเหล่านี้น่าจะเป็นใบเสมาที่ปักอยู่รอบซากโบสถ์เก่าภายในวัดท่าตะเคียนมาแต่เดิม

นอกจากนี้  ภายในบริเวณชุมชนบ้านท่าตะเคียนยังพบเศษภาชนะดินเผาทั้งแบบเคลือบน้ำยาและแบบธรรมดา  กระจายอยู่จำนวนมาก  โดยเฉพาะบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาชนะดินเผาที่ผลิตจากแหล่งเตาตาปะขาวหายซึ่งชาวบ้านได้นำบางส่วนที่มีสภาพดีมาเก็บรวบรวมไว้ในวิหารหลวงพ่อทองสุขซึ่งมีการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑ์วัดท่าตะเคียน  ตั้งอยู่ภายในวัดท่าตะเคียนโดยมีการดัดแปลงวิหารหลวงพ่อทองสุขให้เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน  จัดแสดงโบราณวัตถุและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่พบภายในเขตชุมชนและมีผู้นำมาถวายวัดท่าตะเคียน  โบราณวัตถุและข้าวของเครื่องใช้ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์วัดท่าตะเคียนมีสิ่งที่น่าสนใจ  เช่น

พระพุทธรูป  ภายในพิพิธภัณฑ์วัดท่าตะเคียนมีพระพุทธรูปสำริดปางต่างๆ ศิลปะอยุธยาตอนปลายและรัตนโกสินทร์ตอนต้นขนาดต่างๆ  ประดิษฐานอยู่ในตู้จัดแสดงและบนฐานชุกชีหลวงพ่อทองสุข  พระพุทธรูปส่วนใหญ่เป็นฝีมือสกุลช่างท้องถิ่นพิษณุโลก

ตู้และหีบพระธรรม  ทำด้วยไม้ลงรักปิดทองลายรดน้ำ  อายุราวพุทธศตวรรษที่ 24 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 25   ลายรดน้ำส่วนใหญ่ทำเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ  และลายดอกต่างๆ

เอกสารโบราณ  เป็นสมุดไทย  ทั้งสมุดไทยดำและไทยขาว  ตลอดจนเอกสารใบลาน  ส่วนใหญ่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับตำรายาพื้นบ้าน  คาถาอาคม  เรื่องราวทางพระพุทธศาสนาและวรรณกรรมทั่วไป  ตัวอักษรที่ใช้เป็นอักษรไทย  มีอักษรขอมและอักษรธรรมบ้างเล็กน้อย  นอกจากนี้  ยังมีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการพระราชทานเขตวิสุงคามสีมาของวัดท่าตะเคียนเมื่อปี ร.ศ.124 (พ.ศ.2448)  จัดแสดงอยู่อีกด้วย  เอกสารโบราณเหล่านี้ได้รับการคัดแยกเป็นหมวดหมู่  รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นและเปลี่ยนผ้าห่อใหม่โดยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร  อาจารย์และนิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนเรศวรและมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

ภาชนะดินเผาและข้าวของเครื่องใช้โลหะ  ภายในพิพิธภัณฑ์วัดท่าตะเคียนมีภาชนะดินเผาจัดแสดงอยู่ภายในตู้จัดแสดงจำนวนหนึ่ง  ส่วนใหญ่เป็นเครื่องลายครามและเครื่องเบญจรงค์  อายุราวพุทธศตวรรษที่ 24 - ต้นพุทธศตวรรษที่ 25   เช่น  กาน้ำร้อน  ถ้วยชาม  ถ้วยน้ำชา  พานและกระโถน  เป็นต้น  ส่วนข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นโลหะก็จะทำด้วยสำริดและทองเหลือง  เช่น  พาน  ขัน  กาน้ำและเต้าปูน  เป็นต้น 

นอกจากนี้  ยังมีพระพิมพ์  ตุ๊กตาดินเผา  อาวุธและเครื่องมือช่างโบราณ จัดแสดงอยู่ภายในด้วย   ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของที่ชาวบ้านนำมาถวายวัด

นอกจากวัดท่าตะเคียนจะเป็นวัดโบราณและมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแล้ว  วัดท่าตะเคียนยังเป็นที่รู้จักของชาวพิษณุโลกในฐานะที่เป็นวัดของหลวงปู่ฤทธิ์  พระเกจิอาจารย์รูปสำคัญในอดีตของเมืองพิษณุโลก  ภายหลังท่านมรณภาพก็ยังมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับท่านเล่าสืบต่อกันมา  ทางวัดจึงสร้างรูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงปู่ฤทธิ์ประดิษฐานในวิหารให้ชาวบ้านได้สักการบูชา  ซึ่งก็มีชาวเมืองพิษณุโลกเดินทางมาขอพรอยู่เนืองๆ

แม้ว่าวัดท่าตะเคียนและพิพิธภัณฑ์วัดท่าตะเคียนจะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไร  แต่สำหรับการเข้าชมแบบให้ได้ความรู้และซาบซึ้งในคุณค่าของประวัติศาสตร์โบราณคดีและศิลปะ  ผู้เขียนคาดว่าอาจต้องใช้เวลาไม่น้อยในการเยี่ยมชม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งลวดลายบนใบเสมา  พระพุทธรูปสกุลช่างท้องถิ่น  เรื่องราวของชาวลาวอพยพจากลุ่มน้ำโขงสู่ลุ่มน้ำน่าน  และอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ฤทธิ์ที่มีเรื่องราวบอกเล่ามิรู้จบ  หากผู้อ่านมีโอกาสเดินทางมาจังหวัดพิษณุโลก  ต้องการหาสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับท้องถิ่นพิษณุโลก  วัดท่าตะเคียนซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเป็นอีกที่หนึ่งที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำให้ท่านเดินทางไปเยี่ยมชม  แล้วท่านจะรู้ว่าในเมืองไทยมีอะไรที่น่าสนใจและยังไม่เป็นที่รับรู้ของคนไทยด้วยกันเองอีกมากมาย       

ที่มา: ธีระวัฒน์ แสนคำ "พิพิธภัณฑ์วัดท่าตะเคียน จังหวัดพิษณุดลก" จุลสารก้าวไปด้วยกัน ปีที่ 9 ฉบับที่ 2 (กุมภาพันธ์ – กันยายน 2556) หน้า 38 – 41.

 

ชื่อผู้แต่ง:
-