ครูมนตรี เป็นผู้ที่มีชีวิต 5 แผ่นดิน ตั้งแต่รัชกาลที่ 6 จนถึงรัชกาลที่ 9 ตลอดชีวิตอุทิศให้กับงานดนตรี เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2538 สิริอายุ 95 ปี ญาณี ตราโมท บุตรชายคนเล็กที่ใกล้ชิดกับพ่อ มีแนวคิดที่ต้องการให้บ้านพ่อเป็นพื้นที่ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ในแบบอย่างวิถีชีวิตที่ดีงามของพ่อ และการดนตรีไทย ในวาระครบ 100 ปี ครูมนตรี ตราโมท ในปี พ.ศ. 2543 จึงใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวปรับปรุงและเปิดบ้านให้สาธารณชนเข้าชมในนาม “พิพิธภัณฑ์บ้านดุริยางศิลปิน มนตรี ตราโมท” หรือที่รู้จักกันในนาม "บ้านโสมส่องแสง" ซึ่งเป็นบ้านของครูมนตรีที่สงบงามและเรียบง่าย แวดล้อมด้วยไม้ผลและไม้ดอกสวยงามสารพัน ภายในยังคงไว้ซึ่งห้องต่างๆ ที่ครูมนตรีใช้ชีวิต และมีส่วนต่อเติมเพื่อนำเสนอนิทรรศการเกี่ยวกับผลงานด้านดนตรีของครูมนตรี บ้านโสมส่องแสงได้รับพระราชทานรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทอาคาร โดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี พ.ศ. 2548
โดย:
วันที่: 22 มิถุนายน 2555
ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 11-02-2550(หน้า5,6)
ที่มา: ข่าวสด
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
ชื่อผู้แต่ง: กชภรณ์ ตราโมท | ปีที่พิมพ์: 2546
ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม
แหล่งค้นคว้า:
โดย: ศมส.
วันที่: 31 กรกฎาคม 2555
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
รีวิวของพิพิธภัณฑ์บ้านดุริยางคศิลปิน มนตรี ตราโมท
เพลงของครูมนตรี ตราโมท ยังคงขับกล่อมผู้คน แม้ว่าตัวท่านจะจากไปแล้ว บ้านดุริยาคศิลปินหรือบ้านโสมส่องแสงคือบ้านของที่เป็นของท่านเอง หลังแรกและหลังเดียว วันนี้บ้านได้เก็บเรื่องราวของท่าน บอกเล่าถึงความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีของศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(ดนตรีไทย) พุทธศักราช 2528คุณกษภรณ์ ตราโมท ภรรยาคุณญาณี ตราโมท คือผู้มีบทบาทสำคัญในการเก็บรวบรวมผลงานความรู้ของครูมนตรีที่มีอยู่มากมาย เป็นการสืบทอดองค์ความรู้ทางดนตรีไทย อีกทั้งยังต้องการสืบสานวัฒนธรรม ให้เด็กเยาวชนได้สัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิตแบบไทย
เรือนไม้สองชั้นท่ามกลางความร่มรื่นของแมกไม้ มีซุ้มประตูที่มีไม้เลื้อยขึ้นไปทำให้ทางเข้าบ้านโสมส่องแสงดูสง่างาม ทางเดินเข้าไปลัดเลาะสระน้ำบนไม้กระดานมีซุ้มไม้ให้ร่มเงา บ้านครูมนตรีมีการต่อเติมขึ้นจากเดิมให้เป็นเรือนพระเรือนครู มีห้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพิธีไหว้ครู ครอบครู และพระพุทธรูปแบบมอญทรงเครื่องแบบพระมหามัยมุนี ติดกันเป็นลานจัดกิจกรรม ที่กำลังต่อเติมเพิ่มไปอีกสองชั้นจะเป็นห้องเก็บรวบรวมเอกสารผลงานสำคัญของครูมนตรี ผลงานการออกแบบต่อเติมเป็นฝีมือของคุณญาณี ตราโมท
ก่อนนำชมห้องต่างๆในบ้านครูมนตรี คุณกษภรณ์ได้เล่าย้อนประวัติครูมนตรีตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก ครูมนตรีเกิดที่เรือนแพหน้าวัดสุวรรณภูมิ จังหวัดสุพรรณบุรี บิดามารดาหย่าร้างกัน มารดาเป็นผู้เลี้ยงดู โดยมีหลวงตาลี่ท่านเจ้าอาวาสช่วยอุปการะ ครูมนตรีเป็นเด็กที่มีปัญหาสุขภาพปอดมาตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กอายุสัก 7 ขวบ ได้เริ่มตีกรับ ตีฉาบ ในวงปี่พาทย์สุวรรณภูมิของหลวงตาลี่ จากนั้นมาเมื่อมีเวลาจากเรียนหนังสือครูมนตรีได้ร่วมวงบรรเลง โดยเริ่มเรียนดนตรีไทยตามขนบประเพณีกับครูสมบุญ ครูมนตรีเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง หลวงตาลี่จึงสนับสนุนส่งไปเรียนที่กรุงเทพฯ แต่มามีปัญหาสุขภาพ จึงว่างไม่ได้เข้าเรียนหนึ่งปี ครูสมบุญจึงชวนมาร่วมวงดนตรี พออายุ 13 ปี ได้ไปเรียนเพิ่มเติมด้านดนตรี ที่บ้านของครูสมบุญที่จังหวัดสมุทรสงคราม เรียนระนาดเอก ฆ้องวง เรียนการแต่งเพลงและหัดดนตรีสากล(คลาริเนต) พออายุ 17 ปี ได้เริ่มเข้ารับราชการที่กรมพิณพาทย์หลวง โดยมีพระยาประสนดุริยศัพท์(แปลก ประสานศัพท์) เป็นเจ้ากรม ต่อมาอายุ 18 ปี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพนักงานประจำวงตามเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
บ้านครูมนตรีหรือบ้านโสมส่องแสงหลังนี้ สร้างขึ้นเมื่อครูมนตรีอายุ 60 ปี ก่อนหน้านี้ท่านได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้านายและขุนนางให้อาศัยในบ้านของท่านเหล่านั้น ด้วยอุปนิสัยและความสามารถของครูมนตรีทำให้มีคนรักอย่างมากมาย ตลอดช่วงอายุ 95 ปี(พ.ศ.2443-2538) ครูมนตรีได้อาศัยในบ้านถึง 10 หลัง ได้แก่ บ้านเกิดคือแพริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณ บ้านครูสมบุญ สมสุวรรณ บ้านพักข้าราชการในกรมมหรสพ บ้านบรรทมสินธุ์ บ้านมนังคศิลา ตำหนักสวนสุพรรณของเจ้าคุณพระประยูรวงศ์(แพ บุญนาค) บ้านซอยวัดใหม่อมตรส บ้านเลขที่ 28 ริมคลองสามเสน บ้านสวนสุพรรณของพระยาอุดมราชภักดี(โถ สุจริตกุล) บ้านโสมส่องแสง
ในงานเทิดทูนครูดนตรีและนาฏศิลป์ของแผ่นดินไทย และขอเฉลิมฉลองอายุ 84 ปีบริบูรณ์ครูมนตรี ตราโมท (16 มิถุนายน 2527) ณ โรงละครแห่งชาติ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นผู้บรรยายท่านหนึ่ง ท่านได้กล่าวถึงครูมนตรี ตราโมทไว้
“ลักษณะของครูมนตรีที่เคารพนับถือตลอดมาก็คือความมักใหญ่ใฝ่สูง ทะเยอทะยาน และความที่ไม่มีความโอหังหรืออหังการใดๆ ต่อบุคคลที่มาติดต่อ...ครูมนตรีไม่เคยไปอวดอ้างกับใครๆว่าผมเก่งในเรื่องดนตรีทั้งๆที่ครูมนตรีมีความรู้เรื่องหลักดนตรีมากกว่าใครทั้งหมดและจะเล่นดนตรีไหนก็ได้ จะทำเครื่องไหนก็ได้ ทำได้ทุกเครื่อง แต่ไม่เคยอวดอ้างมีอะไรดีๆ บรรเลงได้ทั้งหมด ทำได้ทั้งหมด สอนได้ทั้งหมด โดยที่ไม่เคยเป็นนักโซโล่อะไรขึ้นมาให้มันหรูหราอย่างที่ชอบๆ เป็นกัน พูดง่ายๆ ว่าครูมนตรีไม่เคยอยากดัง นอกจากนั้นครูมนตรีเป็นคนที่มีขันติและโสรัจจะอย่างยิ่ง ...กระผมรู้จักท่านมากี่สิบปี เป็นคนไหนก็เป็นคนนั้นตลอดมา พบกันทีไร ก็มีแต่ความปลึ้มใจ มีแต่ความปิติ มีแต่ความพูดจาให้ความรู้ต่อกระผมมากมายหลายอย่างจนไม่สามารถจะพรรณนาได้ ...ขันติและโสรัจจะนี่ พระท่านว่า เป็นธรรมที่ทำให้คนงาม เพราะเหตุนี้ ครูมนตรีจึงเป็นคนงามมาจนถึงอายุ 84 ปี มีคนเลื่อมใสมาก มีผู้คนลูกศิษย์ลูกหาเคารพนับถือมากจนเกือบจะเรียกได้ว่า ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายนี้ ครูมนตรี เป็นคนที่หาศตรูไม่ได้ มีแต่คนรักนับถือทั้งนั้น ถ้าไม่รู้จักก็แล้วไป แต่ถ้ารู้จักแล้วต้องรักและนับถือทั้งนั้น”
คุณขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินพื้นบ้านจังหวัดสุพรรณบุรี ศิลปินแห่งชาติ...กล่าวถึงครูมนตรีไว้เป็นบทกลอนกล่าวว่า...
“ท่านเคยพาฉันไปปล่อยไก่ในวัง
ของเสด็จองค์ชายกลางหลายครั้งพาไป
คุณพ่อไม่รังเกียจฉันเป็นลูกหลานบ้านนอก
ท่านคอยสอนคอยบอกให้รู้นอกรู้ใน
ท่านสอนลำนำสอนคำร้อยกรอง
สอนทำนิทำนองสอนให้ร้องเพลงไทย
ใครได้รู้จักท่านนับกันว่าโชคดี
เพราะคุณพ่อมนตรีท่านมีแต่ให้”
ครูมนตรี ตราโมท มีบทบาทกับดนตรีไทยเป็นอย่างมาก ท่านสามารถให้ความรู้ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ ตำราดนตรีไทยต่างๆล้วนต้องพึ่งท่าน หนึ่งในนั้นคือสารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย ผลงานของท่านมีอยู่มากมายในทุกสื่อที่มีดนตรีไทย แบ่งออกเป็นแต่ละประเภทดังนี้ ประเภทงานประพันธ์เพลงไทย ได้แก่ เพลง 3 ชั้น เพลงเถา เพลงสอดร้องหรือเพลงดนตรีประวัติศาสตร์ เพลงระบำ เพลงเบ็ดเตล็ด เพลงเดี่ยว งานประพันธ์เพลงรำวงมาตรฐาน งานประพันธ์เพลงไทยสากล งานประพันธ์เพลงลูกทุ่ง ประเภทงานเขียนและบรรจุเพลง ได้แก่ งานเขียนและบรรจุเพลงบทละคร งานบรรจุเพลงในภาพยนตร์ งานบรรจุเพลงบทร้องทั่วไป ประเภทงานด้านคำประพันธ์ ได้แก่ บทร้องเพลงไทย เป็นบทร้องเพลงเกร็ด บทร้องเพลงระบำ บทร้องเพลงแทรกในเรื่องต่างๆ บทร้องเพลงในแบบเรียน บทร้องที่ประพันธ์สำหรับใช้ร้องและบรรเลงในโอกาสพิเศษต่างๆ เพื่อขับร้องบรรเลงทางวิทยุกระจายเสียง งานกวีนิพนธ์ บทร้อยแก้ว ประเภทงานบัญญัติโคลงบทใหม่ ประเภทงานประพันธ์บทเสภา ประเภทงานวิทยุกระจายเสียง ได้แก่ รายการบรรเลงเพลงไทย รายการละครวิทยุ รายการสาระความรู้ด้านนาฏศิลป์และดนตรีไทยทางวิทยุ ประเภทงานเผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์ ประเภทงานหลักสูตรวิชานาฏดุริยางคศาสตร์ ประเภทงานประกอบพิธีไหว้ครูดนตรีไทย ประเภทงานถวายครอบประสิทธิ์ประสาทวิชาดนตรีไทยและถวายคำแนะนำด้านวิชาการดนตรีไทยแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จากผลงานอันมากมายของครูมนตรี ตราโมท ได้บอกในตัวเองว่าชีวิตและจิตใจของท่านได้อุทิศให้กับงานดนตรีทั้งหมด การมาเยี่ยมบ้านของท่านจึงเสมือนการได้ทำความรู้จักอีกแง่มุมหนึ่งของศิลปินผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดีท่านนี้ คุณกษภรณ์พาเดินขึ้นบ้านฝั่งที่ต่อเติมใหม่ ระเบียงด้านบนยังมีป้ายการจัดกิจกรรม “โครงการเรียนรู้ความเป็นไทยในบ้านครูมนตรี ตราโมท”ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมาจากสภาเด็กและเยาวชนอำเภอเมืองนนทบุรี โดยการสนับสนุนด้านงบประมาณจากเทศบาลเมืองนนทบุรี หลังจากจัดงานนี้คุณกษภรณ์รู้สึกปลาบปลึ้มใจมาก ทั้งเด็กและผู้ปกครองมีความสุขกับกิจกรรมนี้ ลานจัดกิจกรรมส่วนนี้ เราได้เห็นความรักต่อต้นไม้ ต้นลิ้นจี่ที่มีอยู่เดิมไม่ถูกตัด มีการเจาะช่องไว้ให้แผ่ก้านใบเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน
ในรอบปีหนึ่งบ้านนี้มีงานหลัก 2 งานคือ งานไหว้ครูประจำปีกับงานครูมนตรี ตราโมท กิจกรรมอื่นๆเป็นไปตามความเหมาะสม การจัดกิจกรรมและการรวบรวมผลงานของคุณพ่อ คำที่คุณกษภรณ์เรียกครูมนตรี คืองานของครอบครัวเรา เมื่อเดินผ่านทางเชื่อมอาคารจะเข้าไปยังชั้นสองของบ้านครูมนตรี ห้องเล็กห้องแรกมีเก้าอี้ไม้รับแขก มีตู้เก็บของที่ใช้ในการดนตรี มีภาพสำคัญในชีวิตของครูมนตรี ในห้องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องการเป็นครูของท่าน ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 7 โดยก่อนหน้านี้ดนตรีไทยไม่มีหลักสูตรที่เป็นทฤษฎี มีแต่การปฏิบัติในลักษณะที่เรียกว่าต่อเพลงกันไป ครูมนตรีจึงสร้างตำราขึ้นมาประกอบหลักสูตรให้กับโรงเรียนศิลปากรในปี 2481 ชื่อว่า
“ดุริยางคศาสตร์ไทย ภาควิชาการ”ซึ่งถือว่าเป็นคนแรกที่ทำได้สำเร็จ และสิ่งที่ท่านได้รับเกียรติสูงสุดอีกประการคือ ครูมนตรีได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้รับพระราชทานครอบเป็นประธานไหว้ครูโขน-ละคร โดยเป็นผู้นำอ่านโองการบวงสรวงในการพระราชพิธี ต่อจากนั้นท่านได้รับพระราชทานครอบประสิทธิ์ประสาทให้เป็นประธานประกอบพิธีไหว้ครูโขน-ละครจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพิธีไหว้ครูนี้จะไหว้กันที่วังปลายเนิน
ห้องต่อมามีภาพเรื่องราวในแต่ละช่วงชีวิตของครูมนตรีในบ้านหลายหลัง ครูมนตรีได้พบรักกับภรรยาคนแรกคือ คุณแม่ลิ้นจี่ ซึ่งเล่าขานกันมาว่าท่านเป็นแม่ม่ายที่สวยเหลือเกิน มีบุตรด้วยกัน 2 คน ต่อมาคุณแม่ลิ้นจี่เสียชีวิตจากการคลอดบุตรคนที่ 3 คุณแม่ลิ้นจี่นี้เป็นคุณน้าของคุณแม่ทรัพย์ คุณแม่ของคุณญาณี ตราโมท คุณกษภรณ์ได้เล่าในสิ่งที่ตนเองได้รับรู้และประทับใจกับชีวิตคู่ของครูมนตรีกับคุณแม่ทรัพย์ คุณพ่อเป็นคนประหยัดสมถะ พืชสมุนไพรที่ปลูกไว้จะนำมาใช้ อย่างเช่น ในเวลาไม่ถ่ายหรือปัสสาวะไม่ออก คุณแม่จะเด็ดยอดเอาดอกมาต้มจิ้มน้ำพริก หรือดอกมะลิ พอออกดอกคุณแม่ก็จะเอาไปแช่น้ำให้คุณพ่อล้างหน้า หรืออย่างต้นมะม่วง พอมีลูกโตๆ ก็จะเลือกเก็บใส่กระเช้าไปฝากกับผู้มีพระคุณ
ภาพสเก็ตที่แขวนไว้ในห้องนี้คือภาพที่คุณญาณีเขียนขึ้นจากความทรงจำ บ้านสวนสุพรรณ ของพระยาอุดมราชภักดี คุณญาณีเกิดที่นี่ และที่เห็นเป็นชิ้นส่วนของเชิงชายติดไว้กับผนังห้องก็คือ ชิ้นส่วนของบ้านที่รื้อไปแล้ว คุณญาณีได้ขอนำมาเก็บไว้เป็นความทรงจำ
ห้องต่อมาเป็นห้องโถงของบ้าน ห้องนี้มีแท่นวางโกศบรรจุอัฐิของครูมนตรี ใกล้กันมีภาพเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ครูมนตรีได้รับ ท่านได้รับไปจนถึงทุติยจุลจอมเกล้าและมหาวชิรมงกุฎ ซึ่งสูงที่สุดของข้าราชการ บนผนังอีกด้านมีภาพของร.6 ภาพนี้ครูมนตรีจะนำติดตัวไปกับบ้านทุกหลัง ส่วนที่สะดุดตาอีกอันหนึ่งคือโต๊ะเอนกประสงค์ของครูมนตรี เป็นได้ทั้งโต๊ะทำงาน กินข้าว รับแขก ซึ่งเก้าอี้เข้าชุดกันเมื่อวางขยับให้พอดีจะล้อมโต๊ะได้สนิท เวลาที่ครูมนตรีทำงานก็จะใช้โต๊ะนี้ มีแก้วน้ำ ดินสอ คุณกษภรณ์บอกว่างานที่คุณพ่อเขียนด้วยดินสอจะอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ ถ้าเขียนด้วยปากกาจะค่อยลบเลือนไป
ถัดมาคุณกษภรณ์ได้พาไปที่ห้องนอนของครูมนตรี ถือเป็นห้องของความรัก ครูมนตรีกับคุณแม่ทรัพย์รักกันจนแก่เฒ่า ที่หัวเตียงของครูมนตรีจะมีรอยเคาะ คุณแม่ทรัพย์ได้บอกว่านี่เป็นที่แต่งเพลงอีกแห่งของคุณพ่อ คุณพ่อจะเคาะๆๆ พอจำเพลงได้ก็จะลุกขึ้นมาเขียน ติดกับห้องนอนคือห้องพระ ครูมนตรีท่านจะไหว้พระทุกเช้าเย็น
แล้วก็มาถึงบทสุดท้ายของชีวิตศิลปินของครูมนตรี ตราโมช ท่านได้จากโลกนี้ไปอย่างมีสติ ครูมนตรีท่านมักใช้ข้อเขียนคำคมเตือนสติตนเอง ให้ดำเนินชีวิตอย่างเข้มแข็งทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งมีหลายข้อความที่ได้นำมาติดไว้บนผนังของบ้าน แม้กระทั่งวาระสุดท้าย มีบางประโยค บางคำที่ยังคงทิ้งไว้ให้ตีความ ให้คนที่มาหยุดยืนตรงนี้นำไปคิดต่อ
จากการที่ต้องการให้ชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วม อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ได้มีแผนงานว่าจะจัดทำชื่อซอยต่างๆ ทั้ง 25 ซอยให้เป็นชื่อเพลงของครูมนตรี ถ้าเพลงไหนมีชื่อเชื้อชาติอย่างลาวดวงเดือนจะตัดเป็น ดวงเดือน เขมรลออองค์ ก็เป็นลออองค์ สำหรับผู้ที่คิดถึงเพลงของครูมนตรี ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดทำซีดีไว้สำหรับจำหน่ายอยู่จำนวนหนึ่ง
----------------------------------------------------
สาวิตรี ตลับแป้น /ผู้เขียน /ถ่ายภาพ
ข้อมูลจาก : สำรวจภาคสนามเมื่อวันที่ 30 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2555
----------------------------------------------------
การเดินทาง : บ้านดุริยางคศิลปิน มนตรี ตราโมท อยู่จังหวัดนนทบุรี ถนนติวานนท์ 3 ซอยพิชยนันท์ 2(จากปากซอยเข้าไปอีกประมาณ 50 เมตร หน้าบ้านเป็นซุ้มประตูมีไม้เลื้อยพันขึ้นไปสวยงาม) รถประจำทางสายที่ผ่าน สาย 18,32,33,51,63,90,97,114,505,506,545
-----------------------------------------------
อ้างอิง : ข้อมูลการสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 เดือนมีนาคม พ.ศ.2555
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม. บ้านครูมนตรี ตราโมท. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.),2546.
รีวิวของพิพิธภัณฑ์บ้านดุริยางคศิลปิน มนตรี ตราโมท
อาจารย์มนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย) ที่มีชีวิต 5 แผ่นดิน ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ. 2443 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 2538 ท่านมีผลงานการประพันธ์ทำนองเพลงไทยที่มีมากกว่า 200 เพลง รวมทั้งบทร้องอีกจำนวนมาก ได้รับการยกย่องให้เป็น "ปราชญ์เมธีแห่งนาฏดุริยางคศิลป์" ท่านมีชีวิตที่ตั้งอยู่อย่างแน่วแน่ในวิถีความพอเพียงและการตั้งอุเบกขา ดังที่ลูกหลานมักได้ยินท่านสอนเสมอว่า จะไม่ให้ความรู้สึกอันหนึ่งอันใดไม่ว่าจะเป็นดีใจ เสียใจ รักหรือเกลียด เข้ามาครอบงำมากจนเกินไป บ้านโสมส่องแสงอันเป็นที่ซึ่งท่านใช้ชีวิตในบั้นปลายเป็นสถานที่ๆ แสดงให้ผู้มาชมได้รับรู้ถึงความเรียบง่ายในการดำเนินชีวิตของท่านได้ดีกว่าคำบอกเล่าใดๆบ้านโสมส่องแสงเป็นบ้านไม้สองชั้น รายล้อมด้วยบ้านหลังอื่นๆ ซึ่งเป็นของลูกหลานด้วยเหตุผลที่ว่าครูมนตรีชอบให้ลูกหลานอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่ บรรยากาศรอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น คุณกชภรณ์ ซึ่งเป็นภรรยาของคุณญาณี ตราโมท ทายาทคนสุดท้องของอาจารย์มนตรีเล่าว่า เมื่อครั้งมีการตัดถนนผ่านหน้าบ้านเพื่ออำนวยความสะดวกให้อาจารย์มนตรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายนั้น อาจารย์มนตรีได้เอื้อเฟื้อให้ชาวบ้านซึ่งอยู่ด้านหลังเดินทะลุบริเวณสนามบ้านท่านเพื่อมาออกถนนที่ตัดใหม่ได้ ในสมัยก่อน บ้านหลังนี้จึงไม่มีรั้วกั้นอาณาบริเวณบ้านกับพื้นที่ข้างเคียง อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย จึงมีการสร้างรั้วปิดล้อมแล้ว
ห้องต่างๆ ในบ้านได้รับการตกแต่งไว้เหมือนสมัยที่ครูมนตรียังมีชีวิตอยู่ เป็นที่น่าสังเกตว่าบ้านหลังนี้ไม่มีเก้าอี้รับแขก มีเพียงชุดโต๊ะกินข้าวสีขาวและเก้าอี้เข้าชุดกันที่บริเวณชั้น 2 โต๊ะตัวนี้เป็นทั้งโต๊ะทำงานและโต๊ะรับประทานอาหารของอาจารย์มนตรี ท่านไม่เคยมีชุดโซฟาไว้รับแขก ด้วยเห็นว่าไม่มีความจำเป็น ห้องแต่ละห้องมีกรอบรูปซึ่งเต็มไปด้วยรูปภาพบอกเล่าถึงชีวิตช่วงต่างๆ ของครูมนตรี รูปถ่ายครูดนตรีท่านต่างๆ ผู้ได้ประสิทธิประสาทวิชาให้ และโน้ตดนตรีของบทเพลงที่ท่านเคยประพันธ์ไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิต ร่องรอยของความทุ่มเทและใจรักของท่านนั้น สังเกตได้จากร่องรอยการเคาะไม้เพื่อจับจังหวะแต่งเพลงที่หัวเตียงนอน
ถึงแม้บ้านหลังนี้เป็นบ้านของปรมาจารย์ด้านดนตรีแต่ผู้ชมจะพบเพียงแค่ขิมและระนาดเท่านั้น คุณกชภรณ์บอกว่า สาเหตุที่ไม่มีเครื่องดนตรีในบ้านมากมายอย่างที่บุคคลภายนอกคาดเดาเป็นเพราะในชีวิตจริงอาจารย์มนตรีมีเพียงเครื่องดนตรีสองชิ้นนี้เท่านั้นที่ไว้ติดบ้าน ท่านไม่เคยต้องใช้เครื่องดนตรีใดๆ มาเทียบเสียงเพราะท่านสามารถจดจำเสียงโน้ตต่างๆ ได้อย่างแม่นยำและถูกต้อง
เมื่อเริ่มที่คุณกชภรณ์และคุณญาณีคิดจะเปิดบ้านอาจารย์มนตรีเป็นพิพิธภัณฑ์นั้น ทั้งสองท่านค่อนข้างกังวลเนื่องจากมีเครื่องดนตรีเพียงสองชิ้น คือ ขิมและระนาด เกรงว่าผู้มาชมอาจคาดหวังจะได้เห็นเครื่องดนตรีไทยหลายชิ้น นอกจากนั้นก็เป็นเฟอร์นิเจอร์เก่าและกระดาษ เช่น ภาพถ่ายและหนังสือโน้ตเพลง แต่ทั้งสองท่านก็ไม่ย่อท้อและยังตั้งใจที่จะคงสภาพของบ้านไว้ให้เหมือนเดิมมากที่สุดจึงไม่ได้ทำการหาซื้อสิ่งใดมาเพื่อเติมแต่ง แต่ได้เชิญอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดมมาช่วยออกความเห็น หลังจากที่อาจารย์ศรีศักรได้ชม ก็ได้กล่าวยกย่องว่า บ้านหลังนี้สามารถถ่ายทอดจิตวิญาณและวิถีการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายของปรมาจารย์ทางดนตรีไทยอย่างอาจารย์มนตรีได้ดีที่สุด
ปัจจุบันบ้านโสมส่องแสงดำเนินงานภายใต้การดูแลของมูลนิธิมนตรี ตราโมท โดยมีคุณกชภรณ์และคุณญาณีสลับกันเป็นวิทยากร คุณกชภรณ์ได้บอกเหตุผลอันน่าประทับใจในการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ไว้ว่า
1. เพื่อตอบแทนบุญคุณบุพการี อันเป็นสิ่งซึ่งบุตรควรกระทำ
2. เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน โดยสร้างแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชน
3. เพื่อดูแลพิพิธภัณฑ์นี้ในฐานะบุตร เนื่องจากทั้งคุณญาณีและคุณกชภรณ์ไม่มีทายาท
เป้าหมายของบ้านโสมส่องแสงมิได้ให้ผู้มาชมประพฤติตัวแบบอาจารย์มนตรี แต่คาดหวังให้ผู้มาเยือนได้นำแนวทางไปปฏิบัติ เพื่อให้ “ได้ดีกว่า” อาจารย์มนตรี
ข้อมูลจาก:
พัฒน์ศรี ทิพยประไพ. สรุปการบรรยายพิพิธภัณฑ์เสวนา ปีที่ 3 ครั้งที่ 5 วันพุธที่ 20 มิถุนายน 2550 ที่สปาฟา โดยคุณกชกรณ์ ตราโมท.
แปลน รีดเดอร์ส. 100 พิพิธภัณฑ์กรุงเทพฯ-ปริมณฑล: โลกกว้างอยู่ไม่ไกล. กรุงเทพฯ : แปลนพริ้นติ้งแอนด์พับลิงชิ่ง, 2546. หน้า 100.
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
บุคคลสำคัญ ศิลปะและการแสดง ดนตรีไทย เครื่องดนตรี ศิลปินแห่งชาติ มนตรี ตราโมท
พิพิธภัณฑ์วัดบางอ้อยช้าง
จ. นนทบุรี
พิพิธภัณฑ์วางแผนครอบครัว
จ. นนทบุรี
ศูนย์สารนิเทศโภชนาการ อมร นนทสุต กรมอนามัย
จ. นนทบุรี