รีวิวเดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก

เดอะ ไวร์เลส เฮาส์ วัน แบงค็อก (The Wireless House One Bangkok) ได้ทำการเปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยในอดีตบริเวณอาคารจำลองสถานีวิทยุโทรเลขแห่งนี้ เคยเป็นที่โล่ง มีน้ำขัง เหมาะแก่การเป็นพื้นที่ทำนาปลูกข้าว เพื่อเป็นการจำลองภูมิทัศน์ในช่วงเวลานั้น จึงได้นำต้นไอริสน้ำที่มีลักษณะเรียวสูงคล้ายต้นข้าวมาปลูกตามบริเวณตัวอาคาร และได้ประกอบและดัดแปลงสะพานไม้ที่สมัยก่อนเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างตัวอาคาร-ทุ่งศาลาแดง-ริมถนนวิทยุ แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงแต่ชิ้นส่วนต่อม่อ 2 ชิ้น ให้กลับมาเป็นสะพานที่มีความร่วมสมัยและสามารถใช้งานได้อีกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเดินมาบริเวณด้านหน้าอาคารจะพบลำโพงหลากหลายขนาดที่มีความสวยงาม สะดุดตา แต่ยังคงกลมกลืนกับตัวอาคารและสภาพแวดล้อมที่มีความทันสมัย

ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของอาคารสถานีวิทยุโทรเลขศาลาแดง ตั้งแต่การขุดค้นทางโบราณคดี การจัดเก็บและอนุรักษ์ ประวัติศาสตร์สังคมแห่งย่านถนนวิทยุ เรียบร้อยเรื่องราวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 4 โซน ด้วยกัน ประกอบด้วย โซน 1 ยุควิทยุโทรเลข โซน 2 ยุควิทยุกระจายเสียง โซน 3 การขุดค้น อนุรักษ์ และปฏิสังขรณ์ และโซน 4 ย่านวิทยุ – พระราม 4 อดีต – ปัจจุบัน – อนาคต

ตัวอย่างเรื่องราวที่น่าสนใจ อาทิ ที่มาและความสำคัญของการตั้งสถานีวิทยุโทรเลขอย่างเป็นทางการ มีจุดเริ่มต้นขึ้นหลังจากสยามเข้าประชุมที่ประเทศอังกฤษใน พ.ศ. 2455 กิจการนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงทหารเรือ (ชื่อเรียกในเวลานั้น) ใช้สำหรับการสื่อสารระหว่างเรือในทะเลกับชายฝั่ง ในปีต่อมาได้มีการขยายการสื่อสารออกไปยังสถานีวิทยุโทรเลข จังหวัดสงขลา ไม่เพียงเท่านั้น สยามยังสามารถส่งวิทยุโทรเลขไปยังกรุงเบอร์ลินได้ใน พ.ศ. 2471 นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในยุคนั้น ต่อมากิจการโทรเลขได้ขยายไปสู่พลเรือน ไปรษณีย์กลางบางรักเป็นสื่อกลางในการช่วยรับส่งโทรเลข และได้ย้ายกิจการไปสังกัดกรมไปรษณีย์โทรเลขใน พ.ศ. 2469

นอกจากประวัติความเป็นมาของกิจการโทรเลข (Telegraphy) และวิทยุโทรเลข (Radiotelegraphy) บริเวณอาคารแห่งนี้มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของพื้นที่จากสมัยเก่าสู่สมัยใหม่ จากการขุดค้นพบชิ้นส่วนต่างๆ อาทิ เครื่องปั้นดินเผาญี่ปุ่นและเกาหลี เครื่องปั้นดินเผายุโรป ไหน้ำปลาราชบุรี ขวดนม จากการค้นพบชิ้นส่วนต่างๆ นำมาสู่การสร้างสรรค์งานศิลปะ “ปิ่นโทน” อีกทั้งผู้เข้าชมยังสามารถร่วมกิจกรรมทดลองการส่งไปรษณีย์โทรเลขด้วยตนเองได้อีกด้วย