พิพิธภัณฑ์เมืองขุนควรตั้งอยู่ ณ วัดธรรมิการาม หรือวัดสบเกี๋ยง ต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา ซึ่งอยู่ภายในชุมชนบ้านสบเกี๋ยง ต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา บ้านสบเกี๋ยงเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก ปัจจุบันมีครัวเรือนรวมกันทั้งหมด 121 ครัวเรือน มีประชากรทั้งหมด 395 คน แบ่งเป็นเพศชาย 207 คน เพศหญิง 188 คน จากสถิติการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ปรากฏมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 341 คน บริเวณที่ตั้งบ้านสบเกี๋ยง เป็นชุมชนโบราณมาก่อน มีหลักฐานปรากฏในหลายยุคหลายสมัยทั้งยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคหิน ยุคโลหะ และยุคอาณาจักรล้านนา โดยมีหลักฐานปรากฏในแต่ละยุคสมัย ดังนี้ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ปรากฏมีการพบทั้งซากฟอสชิลช้างงาจอบอายุประมาณ 13-15 ล้านปีในบริเวณป่าชุมชน ซึ่งปัจจุบันซากฟอสชิลดังกล่าวจัดแสดงอยู่ที่หอวัฒนธรรมนิทัศน์วัดศรีโคมคำ นอกจากนี้ยังพบซากฟอสซิลต้นไม้โบราณ อีกหลายต้น ยุคหิน พบหลักฐานเครื่องมือมนุษย์ยุคหิน เช่น ขวานหิน ลูกตุ้มหิน กระจายอยู่ทั่วไปตามไร่ ตามสวนของชาวบ้าน ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านที่พบได้นำมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์เมืองขุนควร ยุคโลหะ พบหลักฐานเครื่องมือยุคโลหะหลายชนิดที่ชาวบ้านขุดพบในไหตามไร่ตามสวน เช่น จอบ ขวาน อุปกรณ์ทางการช่าง ยุคอาณาจักรล้านนา อำเภอปง มีชื่อปรากฏอยู่ในพื้นตำนานเมืองพะเยา ตั้งแต่ปี พ.ศ.1639 สมัยพ่อขุนจอมธรรมแยกตัวจากเมืองหิรัญเงินยางเชียงแสน มาตั้งเมืองพะเยาและให้ทำการสำรวจหัวเมืองน้อยใหญ่ ปรากฏชื่อเมืองปง เมืองควร อันเป็นที่ตั้งตำบลขุนควรในปัจจุบัน สันนิษฐานว่าเป็นเมืองหน้าด่านหรือเส้นทางติดต่อระหว่างเมืองน่าน ตั้งแต่ในอดีต แต่หลักฐานที่พบ ส่วนใหญ่อยู่ในยุคล้านนา ดังหลักศิลาจารึกที่พบบริเวณวัดเค้าราชฐาน ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ หอวัฒนธรรมนิทัศน์วัดศรีโคมคำ ซึ่งวัดดังกล่าวตั้งอยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านสบเกี๋ยงมากนัก ซึ่งหลักฐานส่วนใหญ่ที่พบตามวัดร้างอยู่ในยุคล้านนา เช่น ซากวัดร้าง ซากอิฐ และพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา โดยในบริเวณรอบหมู่บ้านพบวัดร้างถึง 3 วัด ที่ยังปรากฏหลักฐานให้เห็นอยู่ถึงปัจจุบัน บ้านสบเกี๋ยง มีประวัติความเป็นมาที่ชัดเจนตามหลักฐานคำบอกเล่าของคนที่เข้ามาอยู่อาศัยในยุคหลังสุดประมาณ 103 ปี จากการสอบถามประวัติความเป็นมาจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่ในหมู่บ้าน คำว่าสบเกี๋ยง มาจากการที่หมู่บ้านตั้งอยู่ตรงปากน้ำห้วยเกี๋ยง ซึ่งเป็นลำห้วยที่มีพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ต้นเกี๋ยง” หรือต้นลำเจียก ที่ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงเรียกว่าห้วยเกี๋ยง ซึ่งลำห้วยดังกล่าวได้ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำควร ตามภาษาท้องถิ่นเรียกว่า “สบเกี๋ยง” โดยชาวบ้านกลุ่มแรกๆ ได้ย้ายครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้จึงเรียกชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านสบเกี๋ยง” ตามลักษณะที่ตั้งของหมู่บ้าน พิพิธภัณฑ์เมืองขุนควร เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่โดย พระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ รักษาการเจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม, ประธานเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นล้าน เริ่มจากการที่ได้ศึกษาเอกสารตำราคัมภีร์พับสาที่ได้รับการถ่ายทอดจากพระครูรัตนบุญญากร อาจารย์ที่สอนอักษรล้านนาและตำรายันต์ต่าง ๆ ให้ตั้งแต่สมัยยังเป็นสามเณร และได้เก็บสะสมยันต์ล้านนาเอาไว้ตามความเชื่อของชาวล้านนา ต่อมาเมื่อปี 2559 ได้ย้ายจากวัดศรีโคมคำ มาจำวัดอยู่ที่ วัดธรรมิการาม ตำบลขุนควร อำเภอปง ก็ได้เริ่มปรับกุฏิไม้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ยันต์ และได้ทำการเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2562 โดยเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มุ่งจัดเก็บรักษายันต์ล้านนาในแต่ละประเภทไว้เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบทอดองค์ความรู้ ความเชื่อ ของชาวล้านนาผ่านยันต์ ภายในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงยันต์ในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมทั้งเอกสารโบราณ และเครื่องรางของขลังต่าง ๆ ตามความเชื่อของชาวล้านนา โดยภายในพิพิธภัณฑ์ได้แบ่งการจัดแสดงไว้ ดังนี้ ห้องที่ 1 ห้องครู ภายในห้องจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชาครู มีเศียรครูต่าง ๆ และเป็นห้องคลังเก็บยันต์และตำรายันต์ต่าง ๆ ไว้ ห้องที่ 2 ห้องยันต์ผ้า ภายในจัดแสดงผ้ายันต์แบบต่าง ๆ เช่น ยันต์พุทธสิหิงค์หลวง ซึ่งถือว่าเป็นจักรพรรดิแห่งยันต์ล้านนา เป็นยันต์มงคลสูงสุด, ยันต์เมตตามหานิยม , ยันต์เสริมดวงชะตา, เสื้อยันต์ – กางเกงยันต์แบบต่าง ๆ , ยันต์ข่าม/คงกระพันชาตรี และยันต์ป้องกันภัย ห้องที่ 3 ห้องเครื่องรางของขลัง ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องรางของขลังตามความเชื่อของชาวล้านนาในแบบต่าง ๆ รวมถึงจัดแสดงพระเครื่องที่หาชมได้ยาก เช่น พระสิงห์หนึ่งทองคำ , พระสังกัจจายทองคำ, พระงาแกะ, พระไม้ล้านนา และยังจัดแสดงตะกรุดล้านนาในแบบต่าง ๆ ด้วย ห้องที่ 4 ห้องยันต์เทียน จัดแสดงตำรายันต์เทียนรูปแบบต่าง ๆ การสาธิตการลงยันต์เทียน และจัดแสดงเกี่ยวกับยันต์ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย นักบุญแห่งล้านนาไทย เช่น ยันต์ปาทะ / รอยเท้ารอยมือครูบาเจ้าศรีวิชัย เป็นต้น ห้องที่ 5 ห้องพระ ได้แก่ห้องโถงด้านนอกเป็นสถานที่จัดแสดงผ้ายันต์ขนาดใหญ่พร้อมทั้งข้อมูลยันต์ล้านนา และเป็นสถานที่ตั้งพระแก้วมรกตจำลองเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้บูชา บริเวณด้านล่างของอาควรพิพิธภัณฑ์เมืองขุนควร จัดเป็นห้องสมุดสำหรับค้นคว้าเอกสารทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และหนังสืออ่านทั่วไป
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
พิพิธภัณฑ์เมืองขุนควร
สังคมล้านนาในอดีตเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยวิถีวัฒนธรรมและความเชื่อที่หลากหลาย โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อที่มีต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ ซึ่งบางครั้งไม่สามารถอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้ จนบางทีถูกมองว่าเป็นเรื่องงมงายสำหรับคนในยุคปัจจุบัน แต่ความเชื่อต่างๆ ก็ยังคงหลงเหลืออยู่ในสังคมล้านนา แต่บางอย่างถูกละเลยจนเกือบจะไม่มีคนรู้จัก บางอย่างถูกบิดเบือนความหมายที่แท้จริงจนกลายเป็นสิ่งที่ถูกมองว่าไร้สาระจากการจัดงานมหกรรม เรื่อง “ศรัทธา – สักการะ” ความเชื่อ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต สู่วิถีล้านนา ของกลุ่มเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นล้านนา ในระหว่างวันที่ 25 – 29 มกราคม พุทธศักราช 2559 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อในระดับต่างๆ ของชาวล้านนา 4 ระดับ คือ วิถีล้านนา ,ศรัทธาเหนือธรรมชาติ, ปราดเปรื่องเรื่องพิธีกรรม และเลิศล้ำพลังศรัทธา
จากงานดังกล่าวทำให้เกิดแนวคิดในการก่อตั้ง"พิพิธภัณฑ์เมืองขุนควร" ขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมคัมภีร์ปั๊บสาใบลาน ที่จดบันทึกภูมิปัญญาความเชื่อต่างๆ ของชาวล้านนาโดยเฉพาะเรื่องยันต์ และเวทมนต์คาถา ต่างๆ ที่ปรากฏใช้อยู่ในวิถีชีวิตของชาวล้านนา ตลอดถึงยันต์ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ในอดีตที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของชาวล้านนา และเบื้องหลังของการนำไปใช้ในวิถีชีวิต จนกลายเป็นเรื่องเล่าถึงความอาถรรพ์ และความมหัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้สามารถศึกษาค้นคว้าได้ในพิพิธภัณฑ์เมืองขุนควร
ข้อมูลจาก: https://www.facebook.com/yothin.naratipvoulkul
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
พะเยา ผ้ายันต์ ปั๊บสา
เฮือนไทลื้อแม่แสงดา
จ. พะเยา
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดพะเยา
จ. พะเยา
พิพิธภัณฑ์ผ้ายันต์โบราณยักษ์
จ. พะเยา