อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร


อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง มีพื้นที่ประมาณ 3.4 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็น 2 เขตคือ เขตภายในกำแพงเมือง พื้นที่ 503 ไร่ มีโบราณสถานที่สำคัญคือ วัดพระแก้ว วัดพระธาตุ เขตวังโบราณ (สระมน) ศาลพระอิศวร กำแพงเมืองคูเมือง และป้อมประตูต่างๆ เขตนอกกำแพงเมืองหรือที่เรียกกันว่าเขตอรัญญิก พื้นที่ 1,611 ไร่ ตั้งอยู่บนเนินลูกรังขนาดย่อม มีโบราณสถานที่เป็นวัดขนาดใหญ่น้อยรวม 40 แห่ง วัดที่สำคัญคือ วัดพระนอน วัดพระสี่อิริยาบถ วัดสิงห์ วัดฆ้องชัย วัดนาคเจ็ดเศียร วัดกำแพงงาม วัดช้างรอบ และวัดอาวาสใหญ่ เป็นต้น

ที่อยู่:
หมู่ที่ 6 บ้านบ่อสามแสน ต.หนองปลิง ถนนกำแพงเพชร - สุโขทัย อ.เมือง จ.กำแพงเพชร 62000
โทรศัพท์:
055-711921, 055-712528
วันและเวลาทำการ:
ทุกวัน 8.00 - 17.00
ค่าเข้าชม:
คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท
ของเด่น:
รวบรวมข้อมูลโบราณสถานขนาดใหญ่ ที่ขุดค้นพบในจังหวัดกำแพงเพชร
จัดการโดย:
เนื้อหา:
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล

ศูนย์ข้อมูลอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

ชื่อผู้แต่ง: กฤช เหลือลมัย | ปีที่พิมพ์: ปีที่ 36 ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม 2553;vol. 36 No.1 January-March 2010

ที่มา: วารสารเมืองโบราณ

แหล่งค้นคว้า: ศมส.

โดย: ศมส.

วันที่: 20 มิถุนายน 2557


ไม่มีข้อมูล

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองฯ จังหวัดกำแพงเพชร ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง แบ่งออก เป็น 1 เขต คือ เขตภายในกำแพงเมืองมีพื้นที่ 503 ไร่ และเขตนอกกำแพงเมืองหรือที่เรียกกันว่า เขตอรัญญิก ตั้งอยู่บนเขาลูกรังขนาดย่อม มีพื้นที่ 16,111 ไร่ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือ 358 กิโลเมตร
 
กรมศิลปากรได้กำหนดเขตพื้นที่โบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรไว้ 2,114 ไร่ หรือประมาณ 3.4 ตารางกิโลเมตร

 ความสำคัญทางประวัติศาสตร์

บริเวณที่ตั้งของจังหวัดกำแพงเพชรในปัจจุบัน ได้ค้นพบหลักฐานเมืองโบราณหลายเมือง คือ เมืองแปบ เมืองเทพนคร เมืองไตรตรึงษ์ เมืองพาน เมืองนครชุม และเมืองชากังราว ความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำปิง ได้ก่อให้เกิดการตั้งถิ่นฐานทำมาหากิน โดยแต่ละเมืองอยู่ไม่ห่างกันมากนัก เมืองที่ตั้งขึ้นในตอนแรก น่าจะเป็นเมืองแปบ ซึ่งมีตำนานเล่าว่า เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ฝั่งเดียวกันกับเมืองนครชุม บริเวณตรงกันข้ามกับเมืองกำแพงเพชรในปัจจุบัน
 
จากหลักฐานจารึกหลักที่ 3 (ศิลาจารึกนครชุม) พ.ศ. 1900 ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) เสด็จไปนมัสการพระบรมธาตุ เมืองนครชุม ว่า “หากเอาพระศรีรัตนมหาธาตุอันนี้มาสถาปนาในเมืองนครชุม” เมืองนครชุมจึงน่าจะเป็นเมืองใหญ่ และมีความสำคัญในสมัยสุโขทัย แต่มาหมดอำนาจ และเป็นเมืองขนาดเล็ก ในสมัยอยุธยา ส่วนเมืองชากังราวยังคงมีอำนาจอยู่ในฝั่งตะวันออก และเรียกชื่อเมืองว่า เมืองกำแพงเพชร ในสมัยอยุธยา ภายหลังจากพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) สวรรคต (ประมาณ พ.ศ. 1911 - 1916) เมืองต่างๆ ในอาณาจักรสุโขทัยได้แตกแยกกัน บางเมืองหันมาเป็นพันธมิตรกับกรุงศรีอยุธยา ชื่อเมืองกำแพงเพชร ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 38 หรือจารึกกฎหมายลักษณะโจร กล่าวพระนามจักรพรรดิราชได้ขึ้นเสวยราชสมบัติ ที่เมืองกำแพงเพชรเมื่อ พ.ศ. 1940 เชื่อกันว่า กษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยาทรงต้องการให้ศูนย์กลางของอำนาจ ย้ายจากเมืองนครชุมเดิมมาอยู่ที่เมืองชากังราว หรือเมืองกำแพงเพชรนั่นเอง ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310เมืองกำแพงเพชรได้ถูกลดบทบาทลง และคงจะทิ้งร้างไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง

โบราณสถานสำคัญ

เมืองกำแพงเพชรมีลักษณะผังเมืองเป็นรูปคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู วางแนวยาวขนานไปกับลำน้ำปิง จากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันออกเฉียงใต้
 
กำแพงของเมืองกำแพงเพชรเดิมคงจะมีลักษณะเป็นคันดินและคูเมือง 3 ชั้น ต่อมาได้พัฒนาเป็นกำแพงศิลาแลง มีการสร้าง เชิงเทิน ใบเสมา และป้อมประตูรอบ ส่วนที่เป็นกำแพงด้านใน ยังคงปรากฏร่องรอยให้เห็นอยู่ข้างบริเวณด้านทิศเหนือ เชื่อกันว่า กำแพงศิลาแลงนี้คงมาดำเนินการก่อสร้าง ในช่วงสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991- 2031)
 
     1)โบราณสถานภายในกำแพงเมือง 
สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 2 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดพระแก้ว วัดพระธาตุ วังโบราณหรือสระมน ศาลพระอิศวร และวัดกลางนคร
 
     2) โบราณสถานภายนอกกำแพงเมือง 
โดยทั่วไปเรียกกันว่า “เขตอรัญญิก” ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ บนเขาลูกรังขนาดย่อม สำรวจพบโบราณสถานแล้ว ๓๗ แห่ง ที่สำคัญคือ วัดพระนอน วัดพระสี่อิริยาบถ วัดช้างรอบ วัดอาวาสใหญ่ วัดฆ้องชัย วัดอาวาสน้อย วัดเชิงหวาย วัดดงหวาย วัดช้าง วัดกะโลทัย
               
ส่วนโบราณสถานที่ตั้งอยู่ฟากตะวันตกของแม่น้ำปิง มีทั้งภายในและภายนอกเมืองนครชุม โบราณสถานสำคัญที่ตั้งอยู่ภายในเมืองนครชุม ได้แก่ วัดพระบรมธาตุและวัดซุ้มกอ ส่วนที่อยู่นอกเมืองนครชุม ได้แก่ ป้อมทุ่งเศรษฐี วัดหนองพิกุล วัดหม่องกาเล และวัดเจดีย์กลางทุ่ง สำหรับโบราณสถานในเขตอรัญญิกของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรนั้น มีโบราณสถานรวมกลุ่มกันอย่างหนาแน่น ในบริเวณที่ต่อเนื่องเป็นผืนเดียวกัน นอกจากนี้ สภาพภูมิประเทศโดยรอบของโบราณสถาน ยังเป็นป่าธรรมชาติที่มีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เพื่อคงไว้ ซึ่งบรรยากาศของโบราณสaานในเขตอรัญญิก หรืออรัญวาสี เช่นในอดีต
 
กรมศิลปากรได้เริ่มโครงการจัดตั้งอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เมื่อ พ.ศ. 2524 และดำเนินการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถานต่างๆ จนแล้วเสร็จ
 
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานประกอบพิธีเปิดอุทยาน ประวัติศาสตร์กำแพงเพชรอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2534

 

ข้อมูลจาก
บวรเวท รุ่งรรุจี และพาสุข ดิษยเดช (2547) “เรื่องที่ 4 อุทยานประวัติศาสตร์ในประเทศไทย” ใน สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่มที่ 29. (หน้า 118-120). พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: รุ่งศิลป์การพิมพ์.

 

ชื่อผู้แต่ง:
สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร

อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองฯ จังหวัดกำแพงเพชร ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง แบ่งออก เป็น 1 เขต คือ เขตภายในกำแพงเมืองมีพื้นที่ 503 ไร่ และเขตนอกกำแพงเมืองหรือที่เรียกกันว่า เขตอรัญญิก ตั้งอยู่บนเขาลูกรังขนาดย่อม มีพื้นที่ 16,111 ไร่ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือ 358 กิโลเมตร
 
กรมศิลปากรได้กำหนดเขตพื้นที่โบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรไว้ 2,114 ไร่ หรือประมาณ 3.4 ตารางกิโลเมตร
 

 ความสำคัญทางประวัติศาสตร์
 

บริเวณที่ตั้งของจังหวัดกำแพงเพชรในปัจจุบัน ได้ค้นพบหลักฐานเมืองโบราณหลายเมือง คือ เมืองแปบ เมืองเทพนคร เมืองไตรตรึงษ์ เมืองพาน เมืองนครชุม และเมืองชากังราว ความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำปิง ได้ก่อให้เกิดการตั้งถิ่นฐานทำมาหากิน โดยแต่ละเมืองอยู่ไม่ห่างกันมากนัก เมืองที่ตั้งขึ้นในตอนแรก น่าจะเป็นเมืองแปบ ซึ่งมีตำนานเล่าว่า เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ฝั่งเดียวกันกับเมืองนครชุม บริเวณตรงกันข้ามกับเมืองกำแพงเพชรในปัจจุบัน
 
จากหลักฐานจารึกหลักที่ 3 (ศิลาจารึกนครชุม) พ.ศ. 1900 ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) เสด็จไปนมัสการพระบรมธาตุ เมืองนครชุม ว่า “หากเอาพระศรีรัตนมหาธาตุอันนี้มาสถาปนาในเมืองนครชุม” เมืองนครชุมจึงน่าจะเป็นเมืองใหญ่ และมีความสำคัญในสมัยสุโขทัย แต่มาหมดอำนาจ และเป็นเมืองขนาดเล็ก ในสมัยอยุธยา ส่วนเมืองชากังราวยังคงมีอำนาจอยู่ในฝั่งตะวันออก และเรียกชื่อเมืองว่า เมืองกำแพงเพชร ในสมัยอยุธยา ภายหลังจากพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) สวรรคต (ประมาณ พ.ศ. 1911 - 1916) เมืองต่างๆ ในอาณาจักรสุโขทัยได้แตกแยกกัน บางเมืองหันมาเป็นพันธมิตรกับกรุงศรีอยุธยา ชื่อเมืองกำแพงเพชร ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 38 หรือจารึกกฎหมายลักษณะโจร กล่าวพระนามจักรพรรดิราชได้ขึ้นเสวยราชสมบัติ ที่เมืองกำแพงเพชรเมื่อ พ.ศ. 1940 เชื่อกันว่า กษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยาทรงต้องการให้ศูนย์กลางของอำนาจ ย้ายจากเมืองนครชุมเดิมมาอยู่ที่เมืองชากังราว หรือเมืองกำแพงเพชรนั่นเอง ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310เมืองกำแพงเพชรได้ถูกลดบทบาทลง และคงจะทิ้งร้างไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
 
 

โบราณสถานสำคัญ
 

เมืองกำแพงเพชรมีลักษณะผังเมืองเป็นรูปคล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู วางแนวยาวขนานไปกับลำน้ำปิง จากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทิศตะวันออกเฉียงใต้
 
กำแพงของเมืองกำแพงเพชรเดิมคงจะมีลักษณะเป็นคันดินและคูเมือง 3 ชั้น ต่อมาได้พัฒนาเป็นกำแพงศิลาแลง มีการสร้าง เชิงเทิน ใบเสมา และป้อมประตูรอบ ส่วนที่เป็นกำแพงด้านใน ยังคงปรากฏร่องรอยให้เห็นอยู่ข้างบริเวณด้านทิศเหนือ เชื่อกันว่า กำแพงศิลาแลงนี้คงมาดำเนินการก่อสร้าง ในช่วงสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991- 2031)
 
     1)โบราณสถานภายในกำแพงเมือง 
สำรวจพบแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 2 แห่ง ที่สำคัญคือ วัดพระแก้ว วัดพระธาตุ วังโบราณหรือสระมน ศาลพระอิศวร และวัดกลางนคร
 
     2) โบราณสถานภายนอกกำแพงเมือง 
โดยทั่วไปเรียกกันว่า “เขตอรัญญิก” ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ บนเขาลูกรังขนาดย่อม สำรวจพบโบราณสถานแล้ว ๓๗ แห่ง ที่สำคัญคือ วัดพระนอน วัดพระสี่อิริยาบถ วัดช้างรอบ วัดอาวาสใหญ่ วัดฆ้องชัย วัดอาวาสน้อย วัดเชิงหวาย วัดดงหวาย วัดช้าง วัดกะโลทัย
               
ส่วนโบราณสถานที่ตั้งอยู่ฟากตะวันตกของแม่น้ำปิง มีทั้งภายในและภายนอกเมืองนครชุม โบราณสถานสำคัญที่ตั้งอยู่ภายในเมืองนครชุม ได้แก่ วัดพระบรมธาตุและวัดซุ้มกอ ส่วนที่อยู่นอกเมืองนครชุม ได้แก่ ป้อมทุ่งเศรษฐี วัดหนองพิกุล วัดหม่องกาเล และวัดเจดีย์กลางทุ่ง สำหรับโบราณสถานในเขตอรัญญิกของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรนั้น มีโบราณสถานรวมกลุ่มกันอย่างหนาแน่น ในบริเวณที่ต่อเนื่องเป็นผืนเดียวกัน นอกจากนี้ สภาพภูมิประเทศโดยรอบของโบราณสถาน ยังเป็นป่าธรรมชาติที่มีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เพื่อคงไว้ ซึ่งบรรยากาศของโบราณสaานในเขตอรัญญิก หรืออรัญวาสี เช่นในอดีต
 
กรมศิลปากรได้เริ่มโครงการจัดตั้งอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เมื่อ พ.ศ. 2524 และดำเนินการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถานต่างๆ จนแล้วเสร็จ
 
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานประกอบพิธีเปิดอุทยาน ประวัติศาสตร์กำแพงเพชรอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2534


ข้อมูลจาก 
บวรเวท รุ่งรรุจี และพาสุข ดิษยเดช (2547) “เรื่องที่ 4 อุทยานประวัติศาสตร์ในประเทศไทย” ใน สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่มที่ 29. (หน้า 118-120). พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: รุ่งศิลป์การพิมพ์.

ชื่อผู้แต่ง:
-