ที่อยู่:
157 หมู่ 1 ต.บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน 51130
โทรศัพท์:
053-550121, 087-7105042, ติดต่อคุณรัชนี อบรม
วันและเวลาทำการ:
เปิดทุกวัน 09.00-15.00 น.
ค่าเข้าชม:
ไม่เสียค่าเข้าชม
ของเด่น:
ข้าวของเครื่องใช้ทางการเกษตร,เหรียญรูปี,ใบขับขี่เกวียน,ชั่งก้อม(เครื่องชั่งแบบพกพา)
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
รีวิวของบ้านมณีทอง
บ้านมณีทอง เป็นบ้านไม้สองชั้นใต้ถุนโล่ง อายุหลายสิบปี เป็นที่พักอาศัยของคุณรัชนี อบรม และ ร.ต.ชื่น อบรม(สามี) คุณรัชนี เป็นคนบ้านโฮ่ง จ.ลำพูน แต่แต่งงานออกเรือนไปรับราชการที่แปดริ้ว ตั้งแต่อายุ 19 ปี จนอายุ 52 ปี ใกล้เกษียณจึงลาออก และพาสามีและครอบครัวกลับมาอยู่บ้านเกิดคุณรัชนี อบรมหรือ “ป้าเก๋” เป็นผู้ก่อตั้งบ้านมณีทองให้เป็นสถานที่สำหรับจัดแสดงวัตถุข้าวของเครื่องใช้ท้องถิ่น ซึ่งได้เริ่มสะสมมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ คือนายเจย มณีทอง อดีตกำนัน
“เรามีเครื่องไถนา เขาขอซื้อฉางข้าว ก็ไม่ขาย ลุงดิน (ร.ต. ชื่น อบรม) ก็ว่าช่วยกันอนุรักษ์สองคนตายาย ส่วนมากก็ตามโรงเรียนมาเยี่ยมชม ปากต่อปาก เด็กๆ ก็ทำเรื่องมาเข้าชมทีหนึ่งสองร้อยคน เราคิดว่า สงสารเด็ก เราก็สั่งน้ำมาให้เด็กมีความรู้ เด็กๆ เอาสมุดมาจดกัน เราสมุนไพร เด็กๆ ก็มาจดกัน บางอย่างก็ไม่มีแล้ว มีกว่างชนสมัยก่อน เราก็หาจำลองไปด้านโน้น มีกระทั่งไฮโล เพราะงานศพสมัยก่อน เขาไว้อยู่เป็นเพื่อน”
ลุงดินหรือ ร.ต.ชื่น สามีของป้าเก๋ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติม “ของพวกนี้กำลังหมดคุณค่าไป เยาวชนรุ่นหลังจะไม่ทราบเลย อุปกรณ์ห้องนี้ เป็นมาอย่างไร เครื่องไถนา ทำนา ของเหล่านี้ บรรพบุรุษใช้ประกอบอาชีพ กว่าจะเป็นมาถึงปัจจุบัน แต่กำลังหมดไป ในบ้านโฮ่งมีแห่งเดียว ผมใช้ทุนส่วนตัวทั้งหมด แล้วผมทำงานสิ่งแวดล้อมที่เชียงใหม่ ทำงานเพื่อส่วนร่วม ทั้งสิ่งแวดล้อมเขต 1, วัฒนธรรมจังหวัดลำพูน, และเทศบาลตำบลบ้านโฮ่ง [หมายถึงตำแหน่งในการทำงานให้กับหน่วยงานต่างๆ – ผู้เขียน]เป็นความสุข ช่วยให้ประโยชน์ต่อส่วนตัว”
ส่วนของการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้มีหลายส่วน หนึ่ง ได้แก่ ยุ้งข้าวที่ได้รับการดัดแปลงเป็นที่จัดเก็บเครื่องใช้ในครัวเรือน ซึ่งแยกออกมาจากเรือนที่เป็นที่พัก สอง คือการแบ่งพื้นที่ของเรือนที่พักสำหรับการนำเสนอข้าวของที่ได้รับการบริจาคบ้าง มาจากการสะสมส่วนตัวบ้าง เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล เหรียญกษาปณ์ เครื่องดนตรีพื้นบ้าน วิทยุ เครื่องเล่นแผ่นเสียง และในส่วนที่สาม คือศาลาที่จัดแสดงเครื่องมือทางการเกษตร โดยเฉพาะสิ่งที่สะท้อนวัฒนธรรมข้าว ลุงชื่นยกตัวอย่างของ “มันเป็นที่เขาใช้ฟาดข้าว เรียกว่า คุ ส่วนประกอบต่างๆ อยู่ที่นี่ทั้งหมด พวกที่ใช้ใส่ข้าว ข้าวของในส่วนนี้มาจากการบริจาค”
ป้าเก๋ยังเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวข้าวของบางชิ้น อย่างตาชั่งนั้น “เขาจะใช้สำหรับขายของ สมัยก่อนใช้ในการซื้อขายหอมกระเทียม รุ่นพ่อรุ่นแม่ก็ยังไม่ได้ใช้ ต้องรุ่นก่อนนั้น ตาชั่งเขาเรียกว่า “ยอย” ทางโน้นเป็นวิทยุ โทรทัศน์เป็นของในบ้านที่เขาเอามาบริจาค สมัยก่อนวิทยุต้องใส่ถ่านถึงแปดสิบก้อน คนในบ้านเราเขาฟังหวยรัฐบาล ก็มาฟังรวมกัน เรียกว่าเป็นความหวังของคนจน ราคาค่างวดของถ่าน [แบตเตอรี่ใส่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าพกพาสมัยก่อน – ผู้เขียน] ห้าตังค์สิบตังค์”
การนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ไม่ได้จำกัดเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับล้านนาหรือพื้นบ้านในแถบนั้นเท่านั้น แต่ป้าเก๋พยายามจัดเรื่องราวให้ครบทั้งสี่ภาค เหนือ กลาง ใต้ อีสาน ดังตัวอย่างของการจัดเครื่องดนตรีพื้นบ้านของภาคอีสาน เรียกได้ว่าเป็นการสะสมวัตถุพิพิธภัณฑ์ พร้อมๆ ไปกับการจัดแสดงและจัดกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ “แรกๆ ไม่มีระบบ ก็ได้มาทีละชิ้นค่อยๆ จัดไป เวลาคนมาดูที่บ้าน บางครั้งก็นำมามอบให้ บางทีเราตระเวนไปไหน ก็ขอซื้อมาบ้าง บางครั้ง ป้าไปดูพิพิธภัณฑ์ ก็เลยว่าจะทำให้เหมือน แต่ต้องใช้เวลา เราเงินเดือนน้อย ไม่ได้มีรายได้มากมาย แต่ใจเรา”
คนที่เข้ามาชมโดยส่วนใหญ่เป็นนักเรียนจากโรงเรียนในเขตพื้นที่ ป้าเก๋กล่าวถึงน้องสาวที่เป็นครูในโรงเรียนห้วยต้ม “น้องสาวเป็นครู ก็ทำงานโรงเรียนบ้านห้วยต้ม เพราะเช้าก่อนไปโรงเรียน ตีห้า ทำความสะอาดข้างบน ป้าทำความสะอาดข้างล่าง ลุงทำความสะอาดใบไม้ หลานก็ช่วยเช็ด เพราะบ้านเรามีแขกมาดูเรื่อยๆ หากมาเป็นหมู่คณะ เราสั่งอะไรมาเลี้ยง เพราะสงสารเด็ก”แต่หากใครจะมาเยือนบ้านมณีทองแบบผ่านเข้าชมก็จะมีน้ำดื่มให้ดื่มกันพอแก้กระหาย
ป้าเก๋ยังกล่าวถึงกิจกรรมอื่นๆ ในการส่งเสริมอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนา อันได้แก่ การส่งเสริมดนตรีและการแสดงล้านนา เพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ได้สืบสานเอกลักษณ์ดังกล่าว “ก่อนจะจัดตั้งกลุ่มเยาวชนที่เล่นสะล้อ ซอ ซึง และกลองสะบัดชัย ก็ไม่มีเงิน ป้าขอทอดผ้าป่า ได้เงินมาสองหมื่นกว่าบาท มาซื้อเครื่องกลองสะบัดชัย พอเราออกตามงาน ได้รางวัลก็เอามาตัดเสื้อผ้า แต่ส่วนมากจะเป็นทุนส่วนตัวเยอะ แต่ชอบที่จะลงมือทำ เราเองก็พยายามอนุรักษ์ไว้ไม่ให้สูญหาย”
ในช่วงสุดท้ายของการชมบ้านมณีทองในวันนี้ เราได้เดินมานอกเรือนพักและได้เห็นใบเลื่อยขนาดใหญ่ คุณป้าเล่าถึงงานช่างที่คุณพ่อของป้าเก๋เคยทำมาก่อน (ตัวอย่างของเครื่องมือช่างนั้นจัดแสดงอยู่ในยุ้งข้าวที่ได้รับการปรับให้เป็นสถานที่สำหรับการจัดแสดง – ผู้เขียน) และให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเรือนโบราณ “สมัยก่อนเคยไปเจอว่า บ้านหลังนั้นๆ ใช้ไม้กี่ต้น มีการนับไม้กระดาน หรือก็ว่าประตูกี่กีบ ซึ่ง “กีบ”นั้น หมายถึงแผ่น” ป้ายังว่าต่อว่า เด็กเดี๋ยวนี้ ก็ใช้ภาษาเปลี่ยนไป เห็นหน้าต่าง ก็พูดว่าหน้าต่าง ภาษาถิ่นเขาเรียก “ป่อง” เด็กๆ ไม่รู้ว่าป่องคืออะไร “หลายอย่างเริ่มสูญหาย ภาษาพื้นเมืองจริงๆ เริ่มหายไปเช่นกัน”
ชีวสิทธิ์ บุณยเกียรติ / ผู้เขียน
สำรวจภาคสนาม วันที่ 30 ตุลาคม 2552
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน “บ้านมณีทอง”
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน “บ้านมณีทอง” เป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียนและผู้ที่สนใจในท้องถิ่นในการปลุกจิตสำนึกให้หันมาอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นอันทรงคุณค่าที่นับวันเริ่มที่จะเลือนไปลงไปทุกขณะ รวมถึงยังเป็นการมุ่งเน้นให้เด็กได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชนควบคู่ไปกับการเรียนในตำรา แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าในตัวอำเภอบ้านโฮ้งที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอเวลาได้มีโอกาสแวะเวียนไปเที่ยวกลับพบว่าบ้านโฮ้งนั้นเป็นเมืองเล็ก เงียบสงบและมีอะไรให้ค้นหาตั้งเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นหอไตรโบราณที่วัดป่าป๋วย รวมถึงเส้นทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บ้านป่าพลูบ้านโฮ้งเป็นเมืองในที่ราบสูงแนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
วิทยุ บ้านเก่า ยุ้งข้าว เครื่องดนตรีพื้นบ้าน เหรียญกษาปณ์ บ้านโฮ่ง บ้านมณีทอง เครื่องเล่นแผ่นเสียง
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดต้นแก้ว
จ. ลำพูน
พิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาชาวบ้าน โรงเรียนแม่ทาวิทยาคม
จ. ลำพูน
ศูนย์วัฒนธรรมอำเภอแม่ทา โรงเรียนทาขุมเงินวิทยาคาร
จ. ลำพูน