โดย:
วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2555
ชื่อผู้แต่ง: ณรงค์ชัย ปิฎกรัชต์ | ปีที่พิมพ์: ปีที่ 16 ฉบับที่ 8 (มิ.ย. 2538)
ที่มา: ศิลปวัฒนธรรม
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
ชื่อผู้แต่ง: สภาวัฒนธรรมอำเภอคลองหอยโข่ง | ปีที่พิมพ์: 2548
ที่มา: สงขลา: โครงการสืบค้นประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เชิดชูวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย อำเภอคลองหอยโข่ง ปี 2548
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
ชื่อผู้แต่ง: นงนวล รัตนประทีป | ปีที่พิมพ์: 30 พฤศจิกายน 2551
ที่มา: ข่าวสด
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
รีวิวของพิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านคลองหอยโข่ง
ประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2521 บนพื้นที่ 1 ไร่ ภายในบ้านของอาจารย์ปกรณ์เอง สำหรับอาจารย์ปกรณ์เป็นบุคคลที่มีความสามารถรอบด้านในเชิงศิลปะแขนงต่างๆ นอกจากหนังตะลุง ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ งานปั้น งานแกะสลักเศษวัสดุพวกรากไม้ ตอไม้ แม้กระทั่งขอนไม้เก่าๆ ที่ใครเห็นก็มองว่าเป็นของไร้ค่า แต่อาจารย์ปกรณ์กลับนำมาทำเป็นงานศิลปะได้อย่างน่าทึ่ง
อาจารย์ปกรณ์จบการศึกษาจากโรงเรียนเพาะช่าง ก่อนจะมาเป็นครูสอนหนังสือโรงเรียนเอกชนและรัฐบาล จ.นราธิวาส และ จ.สงขลา รวมทั้งเป็นบุคคลรักและสนใจธรรมชาติ ชอบหาพันธุ์ไม้ป่า ไม้ท้องถิ่นมาปลูกไว้ที่บ้าน ในขณะที่ออกเที่ยวในที่ต่างๆ ได้พบเห็นตอไม้ ขอนไม้ ที่ไม่มีใครต้องการ ถูกทิ้งไว้อย่างสูญเปล่า นำมากองไว้ที่บ้านและเกิดแนวคิดนำตอไม้เหล่านี้มาแกะสลักตามจินตนาการ สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง อาทิ รูปเศียรพระพุทธรูป พระพิฆเนศวร รูปสัตว์ต่างๆ เช่น เสือโคร่ง งู เป็นต้น จนได้ผลงานเพิ่มเป็นจำนวนมาก ออกงานนิทรรศการตามโรงเรียนในอำเภอและจังหวัดหลายครั้ง จนเป็นที่ติดตาของชาวบ้านที่เข้าชม ส่งผลให้สถานีโทรทัศน์มาทำข่าวเผยแพร่สัมภาษณ์ผลงานเป็นประจำ
ในปีพ.ศ.2542 อาจารย์ปกรณ์ถึงแก่กรรมลงด้วยวัย 72 ปี งานที่ท่านได้ทำเอาไว้ได้รับการสานต่อจากทายาท มีทั้งหมด 6 คน และหลานชายอย่างอาจารย์นครินทร์ หลังจากอาจารย์ปกรณ์ถึงแก่กรรม บ้านที่ติดกับลำคลองประสบอุทกภัยอย่างหนัก ทำให้สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อนที่เก็บรักษาไว้ถูกน้ำพัดพาสูญหายไปหลายชิ้น อาจารย์นครินทร์มองเห็นคุณค่า จึงปรึกษาหารือกับทายาท คือ นายจักรพัฒน์ ไชยรัตน์ อายุ 48 ปี ลูกชายคนที่ 2 ของอาจารย์ปกรณ์ เพื่อให้ย้ายที่เก็บสิ่งของต่างๆ ที่อาจารย์ปกรณ์สะสมไว้ใหม่ คือบ้านเลขที่ 3/3 เป็นบ้านของนายจักรพัฒน์โดยสร้างเป็นโรงเก็บของชั้นเดียวโล่งๆ ภายในมีสิ่งของต่างๆ ที่เก็บสะสมไว้มากมาย เช่น หนังตะลุง ขอนไม้ รากไม้ ตอไม้ที่แกะสลักตามจินตนาการ ปืนเก่าๆ ของใช้ในวิถีชีวิตชาวภาคใต้ สมัยที่อาจารย์ปกรณ์มีชีวิต ปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์
ต่อมาปี 2548 ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) มีโครงการศึกษาและร่วมงานกับพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นหลายแห่งทั่วประเทศ เพื่อต้องการสำรวจว่าพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นในประเทศไทยมีจำนวนเท่าไหร่ และมีระบบการจัดการอย่างไร ทำให้พิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านคลองหอยโข่ง เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เข้าไปช่วยพัฒนาความรู้ด้านวิชาการ เช่น แนะนำการจัดสิ่งของต่างๆ ที่เก็บสะสมไว้ให้เป็นสัดส่วน มีการอธิบายสิ่งของที่นำมาจัดแสดงที่สื่อให้ผู้เข้าชมเข้าใจง่าย
พอมาปีพ.ศ.2550 อาจารย์นครินทร์ได้รับการพิจารณาให้เป็นศิลปินแห่งชาติ และเกิดแนวคิดที่ต้องการสร้างพิพิธภัณฑ์นี้ให้มีความมั่นคง เพื่อเป็น "ศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน" ตามเจตนารมณ์ของอาจารย์ปกรณ์ โดยระดมลูกศิษย์ต่างๆ ช่วยกันบริจาคทรัพย์สินส่วนตัว เพื่อดำเนินการก่อสร้าง
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การฝึกหนังตะลุง ฝึกเพลงพื้นบ้าน เพลงบอก เพลงเรือ ดนตรีพื้นบ้าน ดนตรีหนังตะลุง การแกะสลักหนังตะลุง และงานประดิษฐ์รากไม้ ตอไม้ ให้กับเด็ก เยาวชน นักเรียน ที่มีความสนใจ และยังเป็นแหล่งให้ข้อมูลพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านคลองหอยโข่งด้วย
เมื่อต้นเดือนพ.ย.(3-5 พ.ย.2551)ที่ผ่านมา ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร จัดงานเทศกาลพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นขึ้น และเชิญพิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านคลองหอยโข่งมาจัดนิทรรศการ แนะนำสิ่งของที่เก็บสะสมไว้ให้นักเรียน ประชาชนทั่วไปได้ชมกัน ส่วนใหญ่จะเป็นงานแกะสลักพวกตอไม้ รากไม้ เช่น เศียรพระพุทธรูป พระพิฆเนศวร หนังตะลุง เครื่องดนตรีประกอบการเล่นหนังตะลุง ตัวพระ ตัวนาง ตัวตลก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังยกการแสดงหนังตะลุง เรื่องพระมหาชนกลงเรือสำเภา มาให้นักเรียน ประชาชนที่เข้ามาชม รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้สัมผัสกับหนังตะลุง การเล่นหนังตะลุงอย่างสนุกสนาน อาจารย์นครินทร์เล่าว่า "พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่รวบรวมสะสมของเก่าๆ ที่คุณอาได้เก็บสิ่งของที่สะสมไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะพวกตอไม้ รากไม้ รวมทั้งหนังตะลุง เป็นศิลปะแห่งชีวิตพื้นถิ่นของชาวภาคใต้ ตอนเด็กผมเห็นท่านมีความเพียรความพยายาม มีจิตใจอนุรักษ์ ในฐานะที่เป็นหลานได้ฝึกเล่นหนังตะลุงกับท่านมา เพราะท่านเป็นคนเก่งมากด้านวรรณศิลป์ สามารถเขียนบทกลอนและแต่งเพลงหนังตะลุงให้ผมศึกษาตั้งแต่อายุ 16 ปี ผมแสดงหนังตะลุงเรื่อยมาจนมีชื่อเสียงขึ้นมาปีพ.ศ.2549 ต่อมาได้รับการพิจารณาเป็นครูภูมิปัญญาไทย จากนั้นเป็นศิลปินแห่งชาติ"
อาจารย์นครินทร์เล่าต่อว่า "ต.คลองหอยโข่ง เคยเป็นตำบลหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ เพิ่งแยกออกมาเป็นอำเภอในปีพ.ศ.2530 มีศิลปินมากพอสมควร คุณตาก็เก่งเรื่องการทำหนังตะลุงก็เสริมให้ เครื่องดนตรีประกอบการเล่นหนังตะลุง เช่น ทับ กลอง โม่ง ฉิ่ง ปี่ ส่วนคนเชิดหนังอาจจะมีเพียงคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ และต้องมีพลังเสียงหนักแน่น ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ เล่นเป็นเรื่องราว พวกรามเกียรติ์ วรรณคดี นิทานไทยทั้งหมด การเชิดหนังตะลุงถ้าจะพูดไปแล้วมันไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ต้องใช้ความอดทน ประสบการณ์ที่สะสม
"อาจารย์ปกรณ์ถือเป็นบรมครูหนังตะลุง ที่นายหนังตะลุงส่วนใหญ่ให้ความเคารพยกย่อง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นของชุมชนอย่างแท้จริง เพราะใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวออกเกือบทั้งสิ้น ผมและทายาทของอาจารย์ปกรณ์ก็ไม่ย่อท้อ เพราะอยากให้พิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านคลองหอยโข่ง เป็นแหล่งรวมภูมิปัญญาและวิถีของคนใต้"
ข้อมูลจาก: นงนวล รัตนประทีป. พิพิธภัณฑ์คลองหอยโข่ง ศิลปะ-ภูมิปัญญาใต้. ข่าวสด 30 พฤศจิกายน 2551 [http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROb1lYQXdNak13TVRFMU1RPT0= ] accessed 20081212
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
ไม้แกะสลัก การแสดงพื้นบ้าน นครินทร์ ชาทอง หนังตะลุง
พิพิธภัณฑ์กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5
จ. สงขลา
หอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา โรงเรียนมหาวชิราวุธ
จ. สงขลา
พิพิธภัณฑ์วัดท่าช้าง
จ. สงขลา