วัดสุนทราวาส เป็นวัดเก่าแก่ของพัทลุง มีอุโบสถที่มีสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 3 และภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม พิพิธภัณฑ์เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว สร้างขึ้นในสมัยพระครูสุนทรานุกูล อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 22 เพื่อเก็บรวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุ วัตถุอันเนื่องมาจากศาสนา และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งเป็นสมบัติของวัด รวมถึงข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านที่ชาวบ้านถวายและนำมาบริจาค ของชิ้นสำคญ อาทิ พระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทรทรงเครื่อง ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระพุทธรูปปูนปั้นและพระพุทธรูปจำหลักด้วยงาช้าง ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ เตียงจำวัดของพระอุดมปิฏก(อดีตเจ้าอาวาส) ขันทองเหลืองต้มย้อมจีวร โต๊ะหมู่บูชาสมัยรัชกาลที่ 3 เครื่องปั้นดินเผา โอ่งเคลือบ เครื่องทองเหลือง ตะบันหมาก หนังสือบุด ตำรายา อย่างไรก็ดี ใน ปี พ.ศ. 2564 พิพิธภัณฑ์ค่อนข้างทรุดโทรมและขาดการบำรุงรักษา ปกติจะปิดเอาไว้ แต่ถ้าท่านใดสนใจเข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือชมจิตกรรมฝาผนังในอุโบสถ สามารถติดต่อล่วงหน้ากับทางวัดหรือท่านเจ้าอาวาส ซึ่งท่านจะสามารถนำชมและให้ความรู้ได้เป็นอย่างดี
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
พิพิธภัณฑ์วัดสุนทราวาส
วัดสุนทราวาสเป็นวัดเก่าของจังหวัดพัทลุง จากคำบอกเล่าสืบต่อกันมาว่า เดิมมีพระธุดงค์ 5 รูป เดินทางมาพัก เห็นว่าเป็นที่สงบเงียบ เป็นเนินดินร่มเย็นสบายเหมาะแก่การสร้างวัดเพราะไม่ใกล้ไม่ไกลจากหมู่บ้าน จึงได้สร้างที่พัก และมีภิกษุอาศัยต่อมามิได้ขาด สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นลำดับที่ 3 ของจังหวัดพัทลุง แต่เดิมชื่อว่า วัดชายนา หรือวัดปลายนา โดยตั้งชื่อตามสภาพที่ตั้ง ซึ่งอยู่ปลายสุดของหย่อมบ้านติดกับท้องทุ่งนา ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดหัวสุนทรา หรือวัดสุนทราตามนิทานพื้นบ้านเรื่อง พระรถเมรี หรือเรื่องนางสุนทรา ซึ่งนายเรื่องหรือพระเรื่องผู้แต่งเป็นคำกลอนภาษาถิ่นใต้ ดังความตอนต้น เรื่องว่า “ข้าไหว้พระธรรมในวรกายเรือง ขออย่ามีขุ่นเคืองแก่ตัวข้าศรัทธา” และในตอนสุดท้ายกล่าวอีกว่า “ในจิตคิดเคือง เพราะทรงผ้าเหลืองถือไตรสิกขา บอกว่าสุนทรา จบเพียงนี้เอย” ในเรื่องนางสุนทราที่ว่านี้ กล่าวถึงนางยักษ์ ชื่อนางสุนทรา ถูกพระรถเสนฆ่าตาย ชาวบ้านลากศพมาทิ้งไว้บริเวรสระน้ำลึกแห่งหนึ่งใกล้กับวัดดังความที่ว่า “ชาวบ้านทั้งหลายได้พากันมาลากศพนางสนทราลากคร่าพาไปได้สามชั่วงาย ทิ้งไว้ที่ วัดชายนา” ชาวบ้านจึงเรียกสระน้ำแห่งนั้นว่า “สระน้ำสุนทรา” และเรียกวัดว่า “วัดสุนทรา” ซึ่งการเปลี่ยนชื่อดังกล่าวมีขึ้นในสมัยพระอธิการคล้าย อินทรโชโต และได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเมื่อ พ.ศ. 2489 ว่า “วัดสุนทราวาส” ตามที่ทางราชการตั้งให้
วัดไม่ปรากฏหลักฐานแน่นอนว่าวัดสร้างในสมัยใด และข้อมูลยังขัดแย้งกัน ในสมุดข่อยวัดระบุว่าสร้างปี พ.ศ. 1983 ส่วนหนังสือทำเนียบวัดในจังหวัดพัทลุงของพระครูอริยสังวร(เอียด) อดีตเจ้าคณะจังหวัดพัทลุงระบุว่าวัดสร้างปี พ.ศ. 2285 ซึ่งตรงกับปลายสมัยอยุธยา หลักฐานศิลาจารึกที่ปรากฎเกี่ยวกับการสร้างโบสถ์ระบุปีที่สร้าง พ.ศ. 2385 ในสมัยรัชกาลที่ 3 สมัยพระอุดมปิฎกบาลี(สอน พุทธสโร) เป็นเจ้าอาวาส การปฏิสังขรวัดเกิดครั้งใหญ่และได้ก่อสร้างพระอุโบสถใหม่เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน แทนหลังเดิมที่เป็นไม้ นอกจากจะได้รับการอุปถัมภ์จากพระยาพัทลุง (จุ้ย) แล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบสร้างอุโบสถหลังนี้ด้วย ลักษณะอุโบสถเป็นศิลปะแบบจีนคล้ายกับวัดพิเรนทร วัดมหรรณพาราม และอุโบสถวัดหงส์รัตนราม กรุงเทพมหานคร
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ.2478 และได้จัดสรรงบประมาณบูรณะอาคารอุโบสถและภาพจิตรกรรมฝาผนังเมื่อ พ.ศ.2532 ทั้งนี้จิตรกรรมฝาผนังของวัดถือว่ามีความงดงามและแฝงวิถีชีวิตท้องถิ่น ตามประวัติกล่าวว่าจิตรกรรมฝาผนังที่นี่เขียนขึ้นเมื่อครั้งสร้างพระอุโบสถใหม่ในปี พ.ศ.2385 สำหรับฝาผนังบริเวณเหนือหน้าต่างประตูทั้ง 4 ด้านซึ่งภาพยังคงคมชัดและมีสีสันสดใสนั้น ด้านหลังพระประธานเขียนพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ ด้านตรงข้ามพระประธานเหนือประตูทางเข้าเขียนตอนมารผจญ ส่วนด้านข้างเขียนภาพเทพชุมนุมสามแถว สำหรับผนังส่วนล่างที่อยู่ระหว่างประตูหน้าต่างซึ่งภาพลบเลือนมากนั้น ด้านหลังพระประธานเขียนภาพพระมาลัยโปรดสัตว์นรก ส่วนผนังที่เหลืออีก 3 ด้านเขียนเรื่องทศชาติชาดกเรียงกันไปจนครบทั้ง 10 ชาติ
พิพิธภัณฑ์เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียว สร้างขึ้นในสมัยพระครูสุนทรานุกูล อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 22 เพื่อเก็บรวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุ วัตถุอันเนื่องมาจากศาสนา และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งเป็นสมบัติของวัด รวมถึงข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านที่ชาวบ้านถวายและนำมาบริจาค ของชิ้นสำคญ อาทิ พระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทรทรงเครื่อง ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระพุทธรูปปูนปั้นและพระพุทธรูปจำหลักด้วยงาช้าง ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ เตียงจำวัดของพระอุดมปิฏก(อดีตเจ้าอาวาส) ขันทองเหลืองต้มย้อมจีวร โต๊ะหมู่บูชาสมัยรัชกาลที่ 3 เครื่องปั้นดินเผา โอ่งเคลือบ เครื่องทองเหลือง ตะบันหมาก หนังสือบุด ตำรายา
อย่างไรก็ดี ใน ปี พ.ศ. 2564 พิพิธภัณฑ์ค่อนข้างทรุดโทรมและขาดการบำรุงรักษา ปกติจะปิดเอาไว้ แต่ถ้าท่านใดสนใจเข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือชมจิตกรรมฝาผนังในอุโบสถ สามารถติดต่อล่วงหน้ากับทางวัดหรือท่านเจ้าอาวาส ซึ่งท่านจะสามารถนำชมและให้ความรู้ได้เป็นอย่างดี
ข้อมูลจาก:
สุจารีย์ จรัสด้วง.การศึกษาจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดสุนทราวาส จังหวัดพัทลุง : กรณีศึกษาภาพพุทธประวัติตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์.วิทยานิพนธ์สาขาวิชาจารึกภาษาตะวันออก มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2003.
สำนักวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง https://www.m-culture.go.th/phatthalung/ewt_news.php?nid=2214&filename=index
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
วัด
ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง โรงเรียนสตรีพัทลุง
จ. พัทลุง
พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วัดภูผาพิมุข
จ. พัทลุง
ศูนย์วัฒนธรรมบ้านตะโหมด
จ. พัทลุง