ปมขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นที่ปราสาทตาควาย ตาเมือนธม และปราสาทพระวิหาร ล้วนมาจากเส้นเขตแดนไม่ชัดเจน
เมื่อมีปัจจัยทางการเมืองมาเป็นตัวเร่ง ทำให้เปิดศึกระหว่างกัน จุดที่เกิดเหตุแต่ละครั้ง ล้วนเกิดใกล้โบราณสถานเก่าแก่ตามแนวเทือกเขาพนมดงรัก มูลเหตุที่ขอมโบราณสร้างโบราณสถานบนภูหเขา ความเชื่อนี้มาจากศาสนาฮินดู ซึ่งมีพราหมณ์เป็นผู้กระทำพิธี
ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ปรากฏโบราณสถานขอมโบราณอย่างน้อย 4 แห่ง คือ ปราสาทตาควาย กลุ่มปราสาทตาเมือน ปราสาทพระวิหาร และปราสาทสดกก็อกธม
ปราสาทตาควายและตาเมือนอยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์ ปราสาทพระวิหารอยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ ส่วนปราสาทสดกก็อกธมอยู่ในจังหวัดสระแก้ว ปราสาทแต่ละแห่งอยู่ชิดชายแดนไทยกัมพูชา ถ้ามองในแผนที่ฝ่ายกัมพูชาจะเห็นว่าอยู่ในพระราชอาณาจักรกัมพูชา แต่ถ้าดูในแผนที่ประเทศไทย จะเห็นปรากฏอยู่ในเขตพระราชอาณาจักรไทย
แผนที่ของกัมพูชา ถูกสร้างขึ้นสมัยเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส การขีดเส้นเขตแดน คล้ายวางทุ่นระเบิดเวลาไว้ ให้ไทยกับกัมพูชาระเบิดศึกแย่งพื้นที่กันอย่างจงใจ
การสู้รบที่แนวปราสาทตาเมือนธมในปัจจุบัน คล้ายกับกรณีเขาพระวิหารที่ผ่านมา คือ เกิดจากเส้นเขตแดนที่ยังไม่ชัดเจน

สำหรับที่ตั้งของปราสาทตาเมือนธมนี้ นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เคยบอกไว้ว่า ปราสาทตาเมือนธม อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาประมาณ 100 เมตร เป็นเทวสถานขอมโบราณ ศิลปบาปวน กรมศิลปากรได้ขึ้นบัญชีเป็นโบราณสถานของไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ผ่านมากว่า 70 ปีแล้ว
กลุ่มปราสาทตาเมือนธม อยู่ในเขตหมู่บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นเขตของกัมพูชา พื้นที่ของหมู่บ้านไพรเวงและบ้านกู่ ตำบลโคกมอญ อำเภอบัน–เตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย
พื้นที่ฝั่งไทยอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานจู่โจม 960 การเข้าชมโบราณสถาน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานทราบก่อน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
สำหรับกลุ่มปราสาทตาเมือนธม มีโบราณสถาน 4 แห่งคือ บ้านมีไฟ หรือบ้านพักคนเดินทาง ตาเมือนโต้จ หรืออโรคยาศาล หรือโรงพยาบาล ตัวปราสาทตาเมือนธม และสะพานขอม
สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ ส่วนใหญ่สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
พระมหากษัตริย์ขอมโบราณ ปกครองอาณาจักรพระนคร ระหว่าง พ.ศ. 1724-1763 ศูนย์การปกครองอยู่ที่นครธม ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัด เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
เฉพาะตัวปราสาทตาเมือนธม น่าจะสร้างก่อนสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพราะศิลาจารึกตาเมือนธมระบุปีที่จารึกตรงกับ พ.ศ.1536 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1
ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า ตัวปราสาทตาเมืองธม เป็นเทวสถานสร้างในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ส่วนอโรคยาศาล หรือโรงพยาบาล กับบ้านมีไฟนั้นสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
กลุ่มปราสาทตาเมืองธม ร่ายเรียงจากเส้นทางเข้าไปเยือนโบราณสถานแห่งแรกคือบ้านมีไฟ หลังนี้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก หลังนี้เป็นหนึ่งในจำนวน 121 แห่ง ที่สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
พระองค์โปรดให้สร้างรายเรียงกัน ตั้งแต่ปราสาทพระขรรค์ อาณาจักรพระนคร เรื่อยไปจนถึงปราสาทหินพิมายเท่ากับเป็นหลักฐานยืนยันเส้นทางโบราณตามจารึกของพระองค์
โบราณสถานหลังที่ 2 ชาวบ้านเรียกตาเมือนโต้จ แปลว่า ตาไก่เล็ก นักวิชาการเรียก อโรคยาศาล หรือโรงพยาบาล นับเป็น 1 ใน 102 แห่งที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้สร้างไว้ เพื่อช่วยเหลืออาณาประชาราษฎร์
ตัวปราสาทที่เหลืออยู่เชื่อว่า เป็นที่ประดิษฐานไภษัชชยคุรุไวฑูรยประภา ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในลัทธิมหายาน มีหน้าที่รักษาคนไข้ ส่วนตัวโรงพยาบาลที่คนไข้เข้ามารักษาตัว คงทำด้วยไม้ ย่อมพุพังไปตามกาล
ปราสาทตาเมือนธม มีศิลาจารึกจารเมื่อ พ.ศ.1563 ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 แห่งอาณาจักรพระนคร เนื้อหากล่าวถึงการแต่งตั้งข้าราชการ ข้าทาส และการให้สิ่งของ ช่วงท้ายของจารึกกล่าวถึงพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ประทานเงินทองไว้ที่ฐานของพระศิวะ และคำสาปแช่งผู้ทำลายฐานว่าให้ตกนรกจนสิ้นกาลมหาโกฏิ
คำว่า ตาเมือนธม เป็นภาษาเขมรแปลว่า ตาไก่ใหญ่ นอกจากเป็นที่สักการะของประชาชนชาวไทยในพื้นที่แล้ว ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวกัมพูชาอีกด้วย เห็นได้จากช่วงวันสงกรานต์ของทุกๆ ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจะเปิดโอกาสทองให้ชาวกัมพูชาเข้ามาเยี่ยมชมได้อย่างเสรี
ปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มโบราณสถานตาเมือน เป็นโบราณสถานในศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย ศิลปะขอมสมัยบาปวนอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 17 ประกอบด้วยปราสาทประธานหันหน้าไปทางทิศใต้ ปราสาทบริวาร 2 องค์ บรรณาลัย 2 หลัง ระเบียงคด และสระน้ำด้านข้าง
ลึกเข้าไปในป่า ด้านทิศใต้ขององค์ปราสาท มีสะพานขอม เป็นแนวสะพานศิลาแลงยาวลึกเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา ทอดตัวอยู่ในป่ารกทึบ ใกล้ๆสะพานมีแหล่งตัดหินของขอมโบราณ เผยให้เห็นเป็นหลุมลึกและกว้างเล็ก ใหญ่ต่างๆกัน
ใกล้ปราสาทตาเมือนธม มีหลักเขตแดนไทย–กัมพูชา 22 และ 22 B ส่วนหลักที่ 23, 24, 25 และ 26 เมื่อก่อนมีอยู่ แต่เดี๋ยวนี้หายไปแล้ว
สาเหตุที่หลักเขตแดนหายไป ต่างฝ่ายต่างโทษซึ่งกันและกัน
เสียงจากฝ่ายไทยบอกว่าช่วงกัมพูชาสู้รบกันเองทหารกัมพูชาฝ่ายที่ถูกไล่ล่าเข้ามาชิดชายแดนไทย ขยับหลักเขตเข้าไปในกัมพูชา เพื่อต้องการให้ฝ่ายไล่ล่าหยุดอยู่แค่หลักเขต เมื่อสงครามสงบก็ย้ายกันอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าย้ายไปไว้ที่ไหน
จึงต้องใช้หลักเขตสมมติขึ้นมาแทน เรียกว่าหลักเขตอ้างอิง มีหลัก 23 ทำจากเหล็กกลมทาสีน้ำเงินเข้ม ฝังดิน สูงประมาณ 2 ศอก เพื่อให้มองเห็นชัดเจน เจ้าหน้าที่ได้แกะเปลือกต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ เป็นเลข 23 กำกับไว้ด้วย
ปราสาทตาเมือนธม ปกติมีทหารของทั้งสองฝ่ายตั้งฐานประจันหน้ากันอยู่ ยามสงบสุขทั้งสองแวะเวียนเข้ามาทักทายกันอย่างมิตร แต่เมื่อมีคำสั่งลงมาจากเบื้องบน คนที่เคยคุยกันก็ต้องหันปากกระบอกปืนลั่นใส่กัน
อย่างที่ปรากฏมาตั้งแต่เช้าวันที่ 22 เมษายน 2554 ยังผลให้เกิดความสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ทางออกในเรื่องนี้ ผศ.ดร. กังวล คัชชิมา อาจารย์จากคณะเดียวกันยังย้ำข้อเสนอว่า บริเวณพื้นที่ที่ยังไม่ชัดเจนระหว่างไทยกับกัมพูชา ถ้ายังไม่อาจปักปันเขตแดนกันได้ชัดเจน ควรเอาพุทธศาสนามาช่วยแก้ปัญหา อย่างสร้างวัดในบริเวณนั้น เพื่อใช้เป็นพุทธสถานร่วมกัน เป็นต้น
“พระสงฆ์เมื่ออยู่ด้วยกัน อย่างไรก็คงไม่ยิงกันแน่ๆ”
ผศ.ดร.สมบัติ มั่งมีสุขศิริ อาจารย์คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ตั้งข้อสังเกตว่า น่าแปลกใจที่จารึกปราสาทตาเมือนธม เนื้อหาบางส่วนบอกอาณาบริเวณของพื้นที่ปราสาท ว่าทิศไหน จดด้านใด เป็นจารึกที่เกิดจากการขัดแย้งของผู้ครอบครองพื้นที่ในสมัยก่อน และยังมีคำสาปแช่งกำกับไว้ด้วย
แม้เวลาจะผ่านมานับนาน ปราสาทก็ยังไม่อาจเป็นของใครได้อย่างชัดเจนคล้ายอยู่ในคำสาป.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ 27 เมษายน พ.ศ. 255
ผู้เขียน :
คำสำคัญ :
ปราสาทตาเมือนธม