พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ


ที่อยู่:
วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา 30210
โทรศัพท์:
044-253113
วันและเวลาทำการ:
10.00 - 17.00 น.(อังคาร-ศุกร์) 09.00 – 17.00 น.(เสาร์ – อาทิตย์) ปิดวันจันทร์
ค่าเข้าชม:
ไม่เสียค่าเข้าชม
ปีที่ก่อตั้ง:
2552
จัดการโดย:
เนื้อหา:
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล

พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ วิถีแห่งเกจิผู้ยิ่งใหญ่

ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 2 พ.ค. 2553;02-05-2010

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์

แหล่งค้นคว้า: ศมส.

โดย: ศมส.

วันที่: 29 มกราคม 2557


ไม่มีข้อมูล

รีวิวของพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ

ด้วยเอกลักษณ์ประจำตัวที่ไม่เหมือนใคร  ทั้งท่านั่งยอง  การรับปัจจัยใบเดียว  การเหยียบโฉนด  เคาะหัว อีกทั้งชื่อเสียงอันโด่งดังของวัตถุมงคลในเรื่องการสร้างความมั่งมี  ร่ำรวย  จนทำให้ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศพากันเข้ามาขอกราบนมัสการ    เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิต   สำหรับผู้ที่ต้องการรู้จักกับหลวงพ่อคูณให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น   ปัจจุบันที่วัดบ้านไร่  ได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งศรัทธาและบารมีทานอันยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เจ้าอาวาส วัดบ้านไร่และพระเกจิอาจารย์ชื่อดังซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของมหาชนทั่วทุกสารทิศ พิพิธภัณฑ์สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่ท่านมีสิริอายุครบ 7  รอบ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2550 นำโดยนายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานมูล นิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ และว่าที่ร้อยตรีไพโรจน์ สุวรรณฉวี รองประธานประธานมูล นิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ คณะกรรมการมูลนิธิหลวงพ่อคูณ และคณะศิษยานุศิษย์  โดยวันที่ 14 ตุลาคม 2552 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ

อาคารพิพิธภัณฑ์ที่ดูสง่างามอย่างที่เห็นกัน  ก่อนนั้นคือศาลาการเปรียญหลังเก่าที่หลวงพ่อคูณเคยจำวัดอยู่ที่นี่  ปัจจุบันได้มีการสร้างใหม่และท่านได้ย้ายไปจำวัดในที่ใหม่  ก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ถ้าไปถึงวัดบ้านไร่ในช่วงสาย   แนะนำให้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อคูณภายในโบสถ์หลังใหม่  ในวันที่สุขภาพของท่านเป็นปกติดีท่านจะลงมานั่งพบกับญาติโยม  ซึ่งตัวจริงของท่านจะดูแตกต่างจากที่เคยเห็นกันในทีวี  เช่นในวันนี้ตัวจริงของท่านดูสดใส  ผิวขาวผุดผ่อง  ไม่เหมือนที่เคยเห็นในภาพข่าวหรือในรูปภาพที่มักจะเห็นท่านผิวคล้ำ   หลายคนที่มีโอกาสได้พบตัวท่าน   ขากลับออกมาจะมีอาการปิติยินดีตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด  

ผู้ที่นำชมพิพิธภัณฑ์ในวันนี้คือ  คุณจีรนันท์  เสริมใหม่   มัคคุเทศก์ทางธรรม  นักศึกษาจากวิทยาลัยหลวงพ่อคูณ   วิทยาลัยที่หลวงพ่อคูณได้ก่อตั้งขึ้นมา   โดยคุณจีรนันท์กับเพื่อนๆอีกหลายคนจะสลับกันมาทำหน้าที่พานักท่องเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์   ซึ่งมัคคุเทศก์ที่นี่มีทั้งความรอบรู้และความคล่องแคล่วในการอธิบาย   คุณจีรนันท์บอกว่าพิพิธภัณฑ์นี้แบ่งออกเป็น  11  โซน  ได้แก่  ชั้นที่ 1 โซน 1 ศรัทธามหาชน  โซน 2 ภิกษุสมถะแห่งดินแดนอีสาน โซน 10 เครื่องยึดเหนี่ยวใจใฝ่ทำดี  โซน 11 ให้แล้วรวย  ชั้นที่ 2 โซน 3 กำเนิดผู้มีบุญ  โซน 4 ตั้งจิตช่วยคนพ้นทุกข์  โซน 5  ออกธุดงค์  โซน 6  พัฒนาวัดบ้านไร่  โซน 7  ทำบุญกับพระเจ้าอยู่หัว  โซน 8 มรดกทาน  มรดกธรรม  โซน 9  ทานบารมีทวีคูณ  สำหรับงบประมาณที่นำมาสร้างพิพิธภัณฑ์นี้  ส่วนใหญ่ได้มาจากผู้มีจิตศรัทธานำมาถวาย  รวมกับงบประมาณส่วนหนึ่งของหลวงพ่อคูณ  รวมแล้วเป็นจำนวนเงินประมาณ 42 ล้านบาท  

เมื่อเราผ่านเข้าไปจากประตูใหญ่ด้านหน้า   เพียงก้าวแรกเราจะสัมผัสได้กับบรรยากาศที่แปลกแตกต่างจากภายนอก   ด้วยการจัดแสดงโดยใช้ระบบแสงเสียงและวีดีทัศน์  ภาพแรกคือ  รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อคูณที่ส่องสว่าง   พร้อมกับตัวหนังสือเขียนว่า     “ยิ่งเอามันยิ่งอด  ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้”  

ถัดไปจากรูปเหมือนของตัวท่าน  เป็นชั้นจัดแสดงพวกเครื่องถ้วยเบญจรงค์ที่มีเป็นจำนวนมาก  คุณจีรนันท์บอกว่าสิ่งของเหล่านี้มีคนนำมาถวายท่าน  ที่นำมาจัดแสดงเป็นเพียงส่วนหนึ่ง  บางส่วนท่านได้ให้กับคนที่มาขอท่าน  ถ้าคนไหนท่านเห็นว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้  ท่านก็ให้ไป   

ในการดำเนินชีวิตของหลวงพ่อคูณ  สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาคือการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายสมถะ  ตรงมุมหนึ่งของพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงห้องนอนของท่านในสภาพเดิม  เมื่อครั้งที่ท่านยังจำวัดอยู่ในศาลาการเปรียญหลังเก่า  ทำให้ผู้มาชมได้เห็นความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของท่าน   ในการไม่ยึดติดของท่าน   ท่านได้มีการเขียนพินัยกรรมเอาไว้   เพื่อให้คนที่มีชีวิตอยู่ได้ปฏิบัติตามที่ท่านได้ตั้งเจตนารมณ์ไว้  หนึ่งในนั้นคือ  การบริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลขอนแก่น  

การจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีด้วยกัน  2  ชั้น   ตรงส่วนทางขึ้นให้สังเกตว่ามีการฉายภาพอยู่บนผนังทางขึ้น  เนื้อหาการจัดแสดงบริเวณชั้นบนส่วนใหญ่เป็นประวัติของหลวงพ่อคูณ  ตั้งแต่ท่านถือกำเนิดขึ้นมา   หลวงพ่อคูณเป็นบุตรของคุณพ่อบุญและคุณแม่ทองขาว  ท่านเกิดวันที่ 14  ตุลาคม  พุทธศักราช 2466  เดือน 10  ปีกุน  พื้นเพเป็นคนที่นี่   การจัดแสดงในส่วนนี้มีการจำลองกระท่อมที่หลวงพ่อคูณกำเนิดขึ้นมา  โดยเปิดดวงไฟไว้ข้างใน   ตรงนี้เด็กๆที่เข้ามาชมกับผู้ใหญ่จะให้ความสนใจมาก   บางคนอดถามไม่ได้ว่าข้างในบ้านมีอะไร   

ในช่วงวัยเด็กของหลวงพ่อคูณ   ท่านเรียนหนังสือที่วัด  ตอนเป็นเด็กก่อนที่จะบวช  ท่านเคยมีความฝันอยากจะเป็นหมอเพลงโคราช  ท่านจึงได้ไปเรียนกับหมอเพลงที่อำเภอโนนสูง  แต่ในเวลาต่อมาท่านก็รู้สึกว่าการเป็นหมอเพลงโคราชไม่ใช่ทางของท่าน  ท่านจึงได้กลับบ้านมาทำนาเหมือนเดิม  ในเวลาต่อมาเมื่อท่านมีอายุครบ  21 ปี  จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ   ในการเล่าประวัติ  การจัดแสดงส่วนนี้น่าสนใจตรงที่ใช้ภาพจิตรกรรมที่มีสีสันสวยงาม  พร้อมกับการให้แสงไฟที่ทำให้โดดเด่นพอเหมาะ  นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงภาพสามมิติ

ในช่วงชีวิตช่วงหนึ่งของหลวงพ่อคูณ   ท่านได้เคยเดินธุดงค์ใน 3  ประเทศคือ  ไทย  ลาว  กัมพูชา  โดยใช้ระยะเวลา  3  ปี  ในช่วงปีพ.ศ. 2492-2495  หลังจากการธุดงค์  ท่านได้ทำการพัฒนาวัดบ้านไร่ด้วยการสร้างโบสถ์ไม้  สร้างโรงเรียน  ขุดสระน้ำ  ในการก่อสร้างท่านได้ร่วมมือร่วมแรงกับชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างขึ้นมา

ขณะที่เข้าชมพร้อมกับรับฟังเรื่องราวของหลวงพ่อคูณจากมัคคุเทศก์    คุณจีรนันท์ได้ชี้ให้ดูแผ่นผ้าขนาดใหญ่ที่ห้อยลงมาจากบนหลังคา   นั่นคือยันต์ของหลวงพ่อคูณในแบบต่างๆ ที่นำมาขยายให้ใหญ่ขึ้น  และเมื่อแขวนไว้ในที่สูง   สำหรับผู้เข้าชมจะรู้สึกถึงความขลังและความยิ่งใหญ่

ปัจจุบันสมณศักดิ์ของหลวงพ่อคูณคือ  พระเทพวิทยาคม  ซึ่งพัดยศของท่านได้มีจัดแสดงเอาไว้ในนี้ด้วย  ถึงแม้ว่าศรัทธาของมหาชนจะทำให้วัดบ้านไร่ในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก  แต่หลักปฏิบัติของท่านยังเน้นที่ความสมถะเหมือนเช่นเดิม   เงินที่มีคนนำมาถวายท่าน ท่านมักจะนำมาสร้างสาธารณกุศลอย่างต่อเนื่องเสมอมา  ครั้งหนึ่งท่านได้นำเงินจำนวนหนึ่งร้อยล้านบาทถวายแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ซึ่งพระองค์ท่านได้มอบกลับคืนเพื่อเป็นทุนอาหารกลางวัน   นอกจากนี้ท่านยังสร้างสถานศึกษาให้กับเยาวชนในชุมชน   บริจาคทางการแพทย์   และสร้างวัดในต่างประเทศ   เป็นต้น   

สำหรับผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์   อีกโซนหนึ่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากคือ   ส่วนจัดแสดงวัตถุมงคลรุ่นต่างๆของหลวงพ่อคูณ   ส่วนนี้มีการจัดทำตู้ให้ลุ้นหยอดชิพ( 1 ชิพ เท่ากับ 50บาท) ว่าผู้หยอดจะได้บูชาเหรียญที่ระลึกในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์เป็นรุ่นไหน   โดยจะเป็นชื่อของเหรียญดังทั้ง 10 รุ่นของท่าน   รายได้จากส่วนนี้จะเป็นของพิพิธภัณฑ์  ซึ่งรุ่นดังที่หลายคนเพียรหยอดหลายครั้งเพื่อให้ได้มาก็คือรุ่นโคตรรวย  
 
ด้วยความที่คุณจีรนันท์เป็นคนท้องถิ่นและคุ้นเคยกับที่นี่  ก่อนจะกลับออกไปจากพิพิธภัณฑ์  คุณจีรนันท์บอกว่าที่วัดบ้านไร่มีนกยูงอยู่หลายตัว  โดยเขาจะชอบลงมาเดินในบริเวณสนามหน้าพิพิธภัณฑ์   บางทีก็จะเกาะบนกิ่งไม้  แล้วหลวงพ่อคูณท่านยังมีสัตว์เลี้ยงเป็นจระเข้  เมื่อก่อนนี้มี  2  ตัว  ตอนนี้เหลือตัวเดียว  ในอนาคตวัดบ้านไร่จะทำอุโมงค์ใต้น้ำ  ซึ่งเราจะเห็นสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆ และตัวหลวงพ่อคูณเองท่านก็ยังมุ่งมั่นในการนำเงินที่ผู้ศรัทธาบริจาค  ไปสร้างสาธารณประโยชน์  ซึ่งเป็นเจตนารมย์ที่ท่านได้ทำอย่างต่อเนื่องเสมอมา
 
สาวิตรี  ตลับแป้น /ผู้เขียน /ถ่ายภาพ
ข้อมูลจาก  :  สำรวจภาคสนามเมื่อวันที่  30  เดือนมกราคม พ.ศ.2553
 
ชื่อผู้แต่ง:
-

พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ วิถีแห่งเกจิผู้ยิ่งใหญ่

"กูไม่ตองการอะไรอีกแล้ว เพราะกูมีทุกอย่างแล้ว...กูมีความเพียร ความสมถะ ความศรัทธา มีเมตตา มีศีล มีความรักเพื่อนมนุษย์ และมีธรรมะในหัวใจ" นี่คือคำกล่าวของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธที่จัดแสดงไว้ใน "พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" หลวงพ่อคูณ คือหนึ่งในเกจิชื่อดังของเมืองไทยมีคนนับถือเป็นจำนวนมาก มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง และด้วยความเลื่อมใสศรัทธา บรรดาคณะศิษยานุศิษย์และสาธุชนจึงร่วมทรัพย์ ร่วมแรง ร่วมใจ กันสร้าง "พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ"ขึ้น
ชื่อผู้แต่ง:
-