โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
โดย:
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
รีวิวของศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี โรงเรียนชลกันยานุกูล
ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี ก่อตั้งในปี 2524 อยู่ภายในโรงเรียนชลกันยานุกูล ปัจจุบันได้รับการสนับสนุน และบริหารจัดการโดยท่านผู้อำนวยการของโรงเรียนชนกันยานุกูล คือ นายเศวต พลสวัสดิ์ ซึ่งเป็นประธานศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี และมีอาจารย์ดาราวรรณ อุดมรัตน์ อาจารย์ประจำของโรงเรียนชลกันยานุกูล และเลขาธิการสภาวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี เป็นผู้ดูแล ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี อยู่ในบริเวณของศาลาเรือนไทย ซึ่งเป็นเรือนแฝด 2 หลัง มีนอกชานกลางบ้านเชื่อมต่อกัน โดยเรือนหลังนี้ได้งบประมาณเริ่มต้นจากสภาวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2529เรือนหลังแรก จัดเป็นส่วนของวิถีชีวิตของคนภูมิภาคนี้ ด้านหนึ่งเป็นส่วนของห้องนอน มีเครื่องนอน เสื่อ หมอนที่ทำจากไม้ในรูปแบบต่างๆ โต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจก มีคันฉ่องหวี ตู้จัดแสดงทางด้านซ้ายมือ มีถ้วยชามสังคโลกที่ชาวประมงพบในบริเวณอ่าวไทยและนำมาบริจาคให้ ทางด้านขวาของส่วนห้องนอนมีหีบสำหรับใส่ของ กระเป๋าหนังสำหรับใส่เสื้อผ้าแบบโบราณ ด้านในใส่ใบไม้ หรือเม็ดพริกไทยไว้เพื่อกันแมลง เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในการรักษาเสื้อผ้าของคนโบราณ และถัดมาเป็นตู้จัดแสดงผ้าทออ่างศิลาที่มีชื่อเสียงของตำบลอ่างศิลา ซึ่งได้รับบริจาคมาจากบ้านที่ผลิตผ้าทออ่างศิลา นอกจากนี้ยังมีเครื่องใช้ในสมัยก่อน อย่างเช่น เตารีดถ่าน เชี่ยนหมากสำหรับใส่เครื่องหมาก พลู ถ้ำใส่กาน้ำ เพื่อเก็บรักษาความร้อน กระบุง ตระกร้า ที่สานได้สวยงามเพราะมาจากแหล่งที่มีชื่อเสียง อำเภอพนัสนิคม มาจัดแสดงในส่วนนี้ด้วย
อีกส่วนหนึ่งของเรือนจัดแสดงเป็นครัวไฟ มีของใช้ในสมัยโบราณ มีหม้อดิน หม้อหุงข้าว กาน้ำ ถ้วยชาม อ่างเขียวในสมัยโบราณ สำหรับมูนข้าวเหนียว เนื่องจากจังหวัดชลบุรีมีการมูนข้าวเหนียวที่ไม่เหมือนใครคือ ข้าวเหนียวมูนจะต้องมีกะทิชุ่มๆ ซึ่งเสียดายว่าในปัจจุบันผู้ที่สามารถมูนข้าวเหนียวแบบชลบุรีนั้นเหลือน้อยเต็มที
ในช่วงเทศกาลสำคัญ ศูนย์ฯ จะจำลองบรรยากาศ วิถีชีวิตของคนสมัยโบราณ นำนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเช่น การทำขนมไทยๆ โดยให้เด็กนักเรียนลองทำน้ำกะทิโดยใช้กระต่ายขูดมะพร้าว ที่มีจัดแสดงอยู่ในศูนย์วัฒนธรรม เมื่อนักเรียนมาลองนั่งขูดมะพร้าวด้วยตัวเอง ได้เรียนรู้วิธีการขูดมะพร้าว พอได้เนื้อมะพร้าวก็จะนำไปคั้นให้ได้น้ำกะทิ และนำน้ำกะทิไปทำขนมอย่างกล้วยบวชชีรับประทานกัน หรืออย่างในช่วงเทศกาลลอยกระทงที่ผ่านมา ทางศูนย์วัฒนธรรมก็มีกิจกรรมประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศน้อย และมีการจัดให้ลอยกระทงในสระน้ำบริเวณของเรือนไทยนี้ด้วย จะมีการขายของไทยๆ มีการปิ้งข้าวเกรียบว่าว การชงโอเลี้ยง โดยจัดให้นักเรียนได้ทดลองทำกันเอง
นอกจากนี้ยังจัดแสดง “นาฬิกา” ซึ่งอาจารย์ดาราวรรณบอกว่ากำลังหาผู้ที่สามารถซ่อมแซมนาฬิกาเหล่านี้ได้ เพราะ “อยากได้ยินเสียงของเค้าสักครั้งก็ยังดี” ในส่วนนี้ยังมีชามตราไก่ เคียวเกี่ยวข้าว เลื่อยสำหรับใช้ในการต่อเรือ ถังตวงข้าว ที่มีตราครุฑประทับอยู่ ซึ่งหมายถึงว่าถังตวงข้าวนี้ได้มาตรฐานแล้ว ของส่วนใหญ่ในเรือนนี้จะได้รับบริจาคมาจากผู้ปกครองของนักเรียน และทางศูนย์วัฒนธรรมจะทำป้ายชื่อผู้ที่บริจาค วันเวลาที่บริจาคมาให้ นอกจากที่บันทึกชื่อ และวิธีใช้ของวัตถุ
ที่ผ่านมาวัตถุจัดแสดงจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ หนึ่งได้รับบริจาคจากผู้ปกครอง หรือบุคคลทั่วไปที่ต้องการให้ทางศูนย์วัฒนธรรมเป็นผู้รักษา และอีกส่วนคือ เป็นความสนใจที่จะหาสิ่งของมาสะสมสิ่งของวัตถุ ของทางศูนย์วัฒนธรรม และอาจารย์ดาราวรรณเอง และยังไม่มีการลงทะเบียนสิ่งของแต่อย่างใด จะมีเพียงการให้ชื่อ คำอธิบาย แหล่งที่มา หรือผู้ที่บริจาควัตถุนั่นๆ
เรือนอีกหลังมีชื่อว่า “ห้องปราณี” เพราะวัตถุจัดแสดงในห้องส่วนใหญ่แสดงผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่จากพนัสนิคม ซึ่งคุณปราณี บริบูรณ์เจ้าของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเป็นผู้บริจาคมา การจัดแสดงแยกตามลวดลายจากการสานยกลาย เช่น ลายขิดกงจักร ลายยกดอกลายดีหล่ม ไพลกาว ลายขิดตาแมว ลายขัดหนึ่ง ลายไพลสาม ลายไพล ลายไพลเกลียวสาม ลายยอนดอกพิกุล ลายดอกคล้า อีกส่วนหนึ่งจัดแสดงชุดรดน้ำในพิธีมงคล ซึ่งที่นี่เคยได้รองรับจัดงานมงคลสมรสมาบ้าง และในอนาคตอาจจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปมาใช้เรือนไทยหลังนี้เพื่อจัดงานพิธี
ส่วนด้านล่างของเรือนไทยจัดแสดงข้าวของต่างๆ ที่ใช้ในการทำประมง ทำนา เช่น สุ่มดักปลา คันไถ เครื่องสีฝัด เกวียน เป็นต้น
ในส่วนของศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี นอกจากดูแลส่วนของเรือนไทยหลังนี้แล้ว ยังมีโครงการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินดีเด่น และผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี และผลิตเป็นทำเนียบของศิลปินในสาขาต่างๆ ทุกปีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 เป็นต้นมา
ส่วนของอาจารย์ดาราวรรณ นอกจากจะสอนหนังสือ และดูแลศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้แล้ว อาจารย์ยังได้ฝึกมัคคุเทศน้อย โดยเป็นนักเรียนจากชุมนุม ชื่อชุมนุม “กลิ่นแก้วเรือนไทย” ซึ่งจะเปิดเรือนไทยให้เด็กนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 2 เข้ามาศึกษาในทุกวันอังคารสุดท้ายของเดือนซึ่งเป็นเวลาของชุมนุม โดยจะเข้ามาศึกษาเรียนรู้และทำกิจกรรมของชุมนุมกันที่เรือนไทยหลังนี้
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้ คือ 1) ฝน ทำให้ชานเรือนได้รับความเสียหายต้องซ่อมแซม ที่ผ่านมาซ่อมมาแล้วถึง 3 ครั้ง 2) มูลนก ที่สร้างความเสียหายไม่น้อย ต้องทำตาข่ายป้องกันนกไว้ ซึ่งในการดูแลศูนย์วัฒนธรรมนี้ได้รับงบประมาณจากโรงเรียนชลกันยานุกูล และอีกส่วนจากการออกร้านในช่วงเทศกาลต่างๆ และเปิดเรือนไทยต้อนรับผู้ร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียนชนกันยานุกูล 3) การขาดผู้ดูแลศูนย์วัฒนธรรมแบบประจำ เพราะตัวอาจารย์ดาราวรรณเองจะต้องสอนหนังสือด้วย
จากการเยี่ยมชม เห็นได้ชัดถึงความตั้งใจและมีความสุขใจกับการพูดคุยถึงวิถีชีวิต และวัฒนธรรมงอันดีงามของชาวชลบุรี ซึ่งอาจารย์ดาราวรรณมีความตั้งใจที่จะดูแล และพัฒนาศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดชลบุรีแห่งนี้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียน และชุมชนใกล้เคียงต่อไป
เรื่อง/ภาพ : ณัฐพัชร์ ทองคำ
สำรวจวันที่ 29 มีนาคม 2552
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
วิถีชีวิตท้องถิ่นและภูมิปัญญา เรือนไทย ชลบุรี โรงเรียนชลกันยานุกูล
พิพิธภัณฑ์ทหารนาวิกโยธิน สัตหีบ
จ. ชลบุรี
วิหารเซียน(เอนกกุศลศาลา)
จ. ชลบุรี
ศูนย์เครื่องจักสานใหญ่ที่สุดในโลก
จ. ชลบุรี