พิพิธภัณฑ์ผ้าทอล้านนาเชียงแสน


พิพิธภัณฑ์ผ้าทอล้านนาเชียงแสน ก่อตั้งขึ้นโดยพระครูไพศาลพัฒนาภิรัต เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา และคณะศรัทธา ที่เล็งเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์และฟื้นฟูผ้าทอ ท่านได้เริ่มส่งเสริมการทอผ้าลายพื้นเมืองเชียงแสนให้คงไว้เพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปพื้นบ้าน และส่งเสริมและฟื้นฟูการทอผ้าถือเป็นการสร้างอาชีพและรายได้แก่ชาวบ้าน พร้อมๆกันนั้นก็ร่วมกันจัดตั้ง "พิพิธภัณฑ์ผ้าทอล้านนา เชียงแสน" ขึ้นเมื่อปี 2539  อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นเรือนไม้สองชั้นใต้ถุนโล่ง ชั้นบนจัดแสดง ผ้าทอลวดลายแบบต่าง ๆ ใต้ถุนอาคารเป็นโรงทอผ้า ต่อมาในปี 2557 ได้มีการบูรณะและเพิ่มเติมพื้นที่ใช้สอยของอาคารและการจัดแสดง และล่าสุดได้ปรับปรุงการจัดอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2561 ภายใต้ความร่วมมือกับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นล้านนา ที่ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การหาชน) มีโกมล พานิชพันธ์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการปรับปรุงนิทรรศการ ภายในนำเสนอเกี่ยวกับการตระเตรียมเส้นใย การทอผ้า โดยจัดแสดงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในแต่ละขั้นตอน นำเสนอลวดลายผ้าเชียงแสนที่แตกต่างกัน ผืนผ้าและการนุ่ง รวมถึงนำเสนอผ้าที่เป็นของชาวบ้านกับผ้าสำคัญในทางศาสนา และผืนผ้าทอขนาดยาวที่เป็นผ้าที่ช่างไท-ยวนในแต่ละถิ่นร่วมทอกันไว้เป็นผืนยาว  

ชื่อเรียกอื่น:
พิพิธภัณฑ์ผ้าไท-ยวน
ที่อยู่:
วัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 57150
โทรศัพท์:
0-5377-7151-2, 094 712 2528 (ติดต่อ คุณทิพวรรณ โตแตง)
วันและเวลาทำการ:
เปิดทุกวัน
ค่าเข้าชม:
ไม่เก็บค่าเข้าชม
เว็บไซต์:
ปีที่ก่อตั้ง:
2539
ของเด่น:
ผ้าทอไท-ยวน, ผ้าทอนานาเทคนิคจากกิจกรรมการฟื้นฟูวัฒนธรรมไท-ยวน, ผ้าทอในพุทธศาสนา, อุปกรณ์และเครื่องมือในการทอผ้า
จัดการโดย:

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

โดย:

วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555

ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล
ไม่มีข้อมูล

ไม่มีข้อมูล

พิพิธภัณฑ์ผ้าไท-ยวน

เนื้อหาเรียบเรียงในข้อเขียนนี้มาจากการสำรวจ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ในครั้งนั้นเป็นการพบอาจารย์โกมล พานิชพันธ์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดแสดงนิทรรศการที่ปรับปรุงล่าสุดในช่วงปลายปี พ.ศ.2561 และการเข้าพบพระพุทธิญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2562 ในการสัมภาษณ์ประวัติความเป็นมาของการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ โดยมีพี่ทิพวรรณ โตแตง ซึ่งเป็นนักกิจกรรมที่ขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย อำนวยความสะดวกในการนัดหมายและให้ข้อมูลเพิ่มเติม 

ต้นทางการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ผ้าไท-ยวน 

พระครูไพศาลรัตนาภิรัต หรือพระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะอำเภอเชียงแสนในปัจจุบัน (ต่อไปใช้คำว่า ท่านเจ้าคุณฯ) ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองเชียงแสน ร่วมกับกลุ่มชาวบ้าน เมื่อราว พ.ศ.2529 และเรียนรู้ถึงผ้าทอเชียงแสนซึ่งสูญหายไปจากพื้นที่ แต่ทราบว่าผ้าทอเชียงแสนคงทอกันอยู่จังหวัดราชบุรี จึงนำสมาชิกกลุ่มแม่บ้านสบคำไปศึกษาลายผ้า และฝึกทอผ้าที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และตระเวนดูงานทอผ้าในหลายแหล่งด้วยกัน เช่น อำเภอหนองบัวและอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน และบ้านยาง อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี จึงได้เชิญช่างทอผ้าจากที่นั่นมาสอนและสร้างลายเชียงแสนให้เป็นเอกลักษณ์ จนกลายเป็น ผ้าทอล้านนาเชียงแสน 

ท่านเจ้าคุณฯ เล่าพัฒนาการในระยะต่อ เมื่อราว พ.ศ.2539-2540 มีการนำกิจกรรมและโครงการผ้าทอเข้าไปยังโรงเรียนในพื้นที่ ซึ่งทำกันได้อยู่เพียงระยะหนึ่ง เมื่องบประมาณจำกัด โครงการผ้าทอในสถานศึกษาจึงหยุดไปโดยปริยาย แต่รูปแบบของการฟื้นฟูและการสืบทอดงานผ้าทอเชียงแสนคงดำเนินการในวัด และพัฒนาต่อมาเป็นพิพิธภัณฑ์ผ้าทอล้านนาเชียงแสน พร้อม ๆ กับการฟื้นฟูการจัดงานจุลกฐิน ที่จัดมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อนึ่งเอกสารที่ระลึกในวันเปิดพิพิธภัณฑ์กล่าวว่า 

ทางวัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยการนำของพระครูไพศาลพัฒนาภิรัต และคณะศรัทธาทั้งหลายเล็งเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงจัดให้มีการส่งเสริมการทอผ้าลายพื้นเมืองเชียงแสนเพื่อการอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้าน ...ที่สำคัญคือการสืบทอดให้เยาวชนได้เห็นความสำคัญและความงอกงามอันเป็นเอกลักษณ์เชียงแสนที่สืบทอดกันมา  

จึงเห็นได้ว่าทั้งงานผ้าทอและงานพิพิธภัณฑ์ดำเนินไปด้วยวัตถุประสงค์ของการอนุรักษ์ผ้าทอโบราณ รวมทั้งการส่งเสริมรายได้ให้คนในพื้นที่ และการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว 

ในระยะแรกของพิพิธภัณฑ์นั้น มีการนำเสนอแง่มุมต่าง ๆ ในวิถีชีวิตของชาวไท-ยวน เช่น การทำมาหากิน ชีวิตในครัวเรือน การทอผ้า ในระยะต่อมา ดร.อุดม สมพร ร่วมกับท่านเจ้าคุณ และสมาชิกในชุมชนเปลี่ยนแปลงการจัดแสดงที่เน้นเรื่องผ้าทอไท-ยวนเป็นสำคัญ เมื่อราว พ.ศ.2557-2558 โดยได้รับงบประมาณจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำหรับสร้างอาคารเพิ่มเติม โดยพัฒนาทางเดินเชื่อมต่อจากชั้นบนของอาคารพิพิธภัณฑ์หลังแรก เพื่อจัดแดสงผ้าทอไท-ยวนที่จัดทำขึ้นในวาระสำคัญของการฟื้นฟูวัฒนธรรมไท-ยวนทั่วประเทศ โดยให้ช่างทอผ้าไท-ยวนในแต่ละพื้นที่ทอผ้าด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และระบุการเรียกชื่อ ช่างทอ และจังหวัดของผู้ทอ ผ้าทั้งหมดกลายเป็นผ้าทอไท-ยวนผืนยาวที่บันทึกความพยายามฟื้นฟูอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ไท-ยวนในถิ่นฐานต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย 

ความเปลี่ยนแปลงในการจัดแสดง 

ความเปลี่ยนแปลงในการจัดแสดงเป็นส่วนหนึ่งการทำงานของคนทำงานวัฒนธรรมในเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นล้านนา ที่ได้รับความร่วมมือกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) เมื่อ พ.ศ.2561 ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้เพื่อจัดงานมหกรรมเมืองพิพิธภัณฑ์เชียงแสน : ปาเจียงแสนปิ๊กบ้าน พ.ศ. 2562 อาจารย์โกมล พาณิชย์พันธ์เป็นเรี่ยวแรงหลัก ร่วมกับสมาชิกในเครือข่าย ในการคัดเลือกสถานที่สำหรับกิจกรรม “คลินิกพิพิธภัณฑ์” หรือการฟื้นฟูพิพิธภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วในเชียงแสน ให้กลับมาบอกเล่าเรื่องราวของท้องถิ่น ในที่สุด พิพิธภัณฑ์ผ้าไท-ยวน วัดพระธาตุผาเงา ได้รับคัดเลือกให้เป็นสถานที่ในการดำเนินกิจกรรม 

เดิมภายในพิพิธภัณฑ์ มีการจัดวางเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไท-ยวน แต่เน้นผ้าไท-ยวน ราชบุรีเป็นสำคัญ เราเห็นว่าน่าจะขยายเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไท-ยวนจากแหล่งอื่น ๆ นอกจากนี้ ต้องการพัฒนาการเดินเรื่องให้ smooth มากขึ้น ผนังภายในนิทรรศการไม่เปิดถึงกันหมด จึงมีการทะลุผนังให้เส้นทางเดินชมเดินถึงกันได้หมด และปรับเปลี่ยนบันไดทางขึ้น ให้มีส่วนโถงต้อนรับเมื่อผู้ชมเดินขึ้นมายังชั้นบน เพื่อเป็นบริเวณ ให้พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพฯ สง่างามมากขึ้น 

อาจารย์โกมลถ่ายทอดความตั้งใจในการพัฒนาให้พิพิธภัณฑ์ผ้าไท-ยวนนี้ฉายภาพลักษณ์ความเป็นไท-ยวนที่พัฒนาต่อยอดจากนิทรรศการเดิม เส้นทางของการเดินเรื่องภายในนิทรรศการเริ่มต้นจากการนำเสนอเกี่ยวกับการตระเตรียมเส้นใย การทอผ้า โดยการนำเสนออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จัดเรียงในแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกฝ้ายและเก็บฝ้าย การอีดฝ้ายที่เป็นการคัดแยกเมล็ดออกจากปุยฝ้าย ปั่นด้ายและย้อมด้ายจากเปลือกไม้ ใบไม้ ดอกไม้ หรือผลไม้ ตากให้แห้งและนวดกับแป้งข้าวเจ้าเพื่อเป็นด้ายยืน ส่วนเส้นฝ้ายที่เป็นกระสวยพุ่งจะนำมากวักฝ้าย ในช่วงสำคัญ คือการตำหูกหรือทอให้เป็นผืนและตัดเย็บเป็นเครื่องแต่งกายตามต้องการ 

ถัดมานั้นเป็นการนำเสนอลวดลายผ้าเชียงแสนที่แตกต่างกัน อาจารย์โกมลแยกแยะให้เห็นความแตกต่างตามแหล่งที่มาของการทอผ้า “ส่วนใหญ่เป็นเทคนิคการจก เราจะเรียกผ้าเชียงแสนตามแหล่งของการผลิตสำหรับแยกแยะให้เห็นความแตกต่างในเทคนิคการทอผ้า เช่น ผ้าเชียงแสนแบบแม่แจ่ม ผ้าเชียงแสนแบบเมืองลอง ผ้าไทโยนกราชบุรีที่มีการเติมเทคนิคและลวดลาย ตัวผ้าถุงมีสองตะเข็บเพราะได้รับอิทธิพลจากลาว” นอกจากการอวดลวดลายของผ้าผืนแล้ว ยังใช้หุ่นในการนำเสนอการนุ่งผ้าที่แตกต่างกัน ทั้งการนุ่งผ้า การห่มผ้า เสื้อผ้าที่ตัดเป็นชุด ชั้นติดผนังอีกส่วนหนึ่งนำเสนอผ้าที่มีการแปรรูปเป็นย่าม หมอน  

ั้งหมดนี้มีเพียงการจัดทำป้ายให้ชื่อเรียกของลวดลายผ้า โดยอาจารย์โกมลกล่าวว่า ตามประสบการณ์ของการทำพิพิธภัณฑ์มาอย่างยาวนาน ผู้ชมที่เป็นคนไทยไม่ต้องการอ่านตัวหนังสือมากนัก การเล่าเรื่องดูจะมีประสิทธิภาพมากกว่า จึงวางแผนในการพัฒนาให้กลุ่มแม่บ้านที่ต้องมาทอผ้าใต้ถุนพิพิธภัณฑ์สามารถทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวของผ้าทอในพิพิธภัณฑ์ได้ด้วย 

ถัดจากห้องแสดงหลัก นำมาสู่ทางเดินเชื่อมซึ่งมีห้องจัดแสดงผ้าที่เกี่ยวข้องกับศาสนาที่แยกไว้อย่างเป็นกิจจะลักษณะ เพื่อสะท้อนให้เห็นความผูกพันของผ้าทอ พุทธศาสนา กับคนไท-ยวน จุดของการนำเสนอนี้พัฒนาขึ้น เพื่อให้การจัดแสดงระหว่างผ้าของชาวบ้านกับผ้าสำคัญในทางศาสนาแยกไว้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน ห้องดังกล่าวเป็นห้องกระจกที่ทำขึ้นใหม่ โดยผู้ชมสามารถเห็นหุ่นและรูปแบบของการนุ่งผ้า ทางเดินจากห้องนี้ เชื่อมโยงไปยังอาคารที่สร้างขึ้นหลังสุด  

อาคารดังกล่าวนี้เป็นอาคารสองชั้น โดยมีทางเข้าจากทางเชื่อมจากอาคารแสดงหลักและประตูลงด้านหน้าอาคารได้อีกทางหนึ่ง โดยรอบเป็นหน้าต่างมีการกั้นห้องไว้เป็นสองห้อง โดยส่วนที่จัดแสดงผ้าทอไท-ยวนจากกิจกรรมการฟื้นฟูวัฒนธรรมนำเสนออยู่ที่ห้องด้านหลังของอาคาร อาจารย์โกมลกล่าวว่าการจัดแสดงในส่วนนี้อาศัยการปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอผ้าที่ช่างไท-ยวนในแต่ละถิ่นร่วมทอกันไว้เป็นผืนยาว โดยการทำผนังขึ้นให้เกิดช่องว่างจากหน้าต่าง ทำให้ผู้ดูแลสามารถทำความสะอาดได้ และไม่เป็นแหล่งสะสมสิ่งสกปรกหรือหนู รวมถึงการทำให้อากาศไหลเวียนได้โดยตลอด  

ลวดลายของผ้าได้รับการปักชื่อเรียกและนามของช่างทอ เช่น  “ลายโคมหลวง ทอโดยแม่ประนอม ขาวแปง อำนวยการโดยโกมล พานิชพันธ์ (21 มีนาคม 2556)” เป็นข้อความที่ปรากฏอยู่ใกล้กับลายผ้าเพื่อบันทึกช่างทอและผู้ร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังมีลายเชียงแสนดอกแก้ว ลายขากำโป้ง ลายเชียงแสนดอกเซีย ลายเชียงแสนหงส์น้อย ลายเชียงแสนน้อย เป็นต้น 

นอกเหนือจากพิพิธภัณฑ์ผ้าไท-ยวนแล้ว ภายในวัดพระธาตุผาเงา ยังมีแหล่งเรียนรู้อีกหลายแห่ง เช่น พระธาตุผาเงา หอวัฒนธรรมนิทัศน์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุที่ค้นพบในเมืองเก่าเชียงแสน และส่วนจัดแสดงเกี่ยวกับความผูกพันของคนเชียงแสนกับแม่น้ำโขง. 

 

ชื่อผู้แต่ง:
ชีวสิทธิ์ บุณยเกียรติ

รีวิวของพิพิธภัณฑ์ผ้าทอล้านนาเชียงแสน

เมืองเชียงแสน หรือเมืองหิรัญนครเงินยาง เป็นเมืองหนึ่งของอาณาจักรล้านนา  มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และพระพุทธศาสนา ต่อเมื่อถึงปีพุทธศักราช 2347 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้กรมหลวงเทพหริรักษ์และพระยายมราชยกทัพมาตีเมืองเชียงแสนและกวาดต้อนผู้คนลงไปแบ่งไว้ยังเมืองเชียงใหม่ส่วนหนึ่ง เมืองน่านส่วนหนึ่ง เมืองลำปางส่วนหนึ่ง เมืองเวียงจันทน์ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือไปยังกรุงเทพฯ  โดยให้ไปอยู่ที่เมืองราชบุรีและสระบุรี และเมื่อคนเชียงแสนไปอยู่ที่ใดก็ได้นำเอาเอกลักษณ์ศิลปะผ้าทอเชียงแสนที่มีลวดลายสีสันที่เป็นรูปแบบเฉพาะมาแต่โบราณไปเผยแพร่ที่เมืองนั้นๆ  ด้วยการแต่งกายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงออกถึงภูมิปัญญาของผู้คนในท้องถิ่น อันเป็นรากฐานส่วนหนึ่งของชีวิตและมีบทบาทต่อสังคมทั้งด้านการปกครองและเศรษฐกิจตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ชาวล้านนาเป็นเผ่าไทยกลุ่มหนึ่งที่มีเอกลักษณ์การแต่งกาย

ด้วยความตระหนักถึงความสูญเสียวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวล้านนา การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการแต่งกายไปเป็นสากลนิยม รวมไปถึงการนำเอาเครื่องแต่งกายของชนกลุ่มต่าง ๆ มาแต่งปนเปกัน โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม หรือบางทีก็อ้างว่าเป็นการแต่งกายแบบล้านนาโบราณ  สถาบันอุดมศึกษา 19 แห่งในภาคเหนือ จึงได้จัดสัมมนาเรื่องเครื่องแต่งกายพื้นเมืองภาคเหนือขึ้น เพื่อให้บุคคลโดยทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ผ้าและเครื่องแต่งกายพื้นเมืองสามารถนำไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม และบอกกล่าวถึงสิ่งที่ไม่ควรทำในการแต่งกายแบบล้านนา เป็นต้นว่า ใช้ผ้าโพกศีรษะ (หากไม่ใช่ชุดแบบไทยลื้อ ไทเขิน ไทใหญ่) เสียบดอกไม้ไหวสุมเต็มศีรษะ ใช้ผ้าพาดบ่าลากหางยาวหรือพาดแล้วใช้เข็มขัดรัดทับ (ผ้าพาดบ่าเป็นผ้าสำหรับสุภาพบุรุษเท่านั้น) ซิ่นลายทางตั้งเป็นผ้าซิ่นแบ
บลาวไม่ใช่แบบล้านนาไม่ควรนำมาต่อกับซิ่นตีนจกไทยวน การใช้ผ้าผาดที่ประยุกต์มาจากผ้าซิ่นและผ้าถุง  
 
        ทางวัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยการนำของพระครูไพศาลพัฒนาภิรัต และคณะศรัทธาทั้งหลายได้เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงได้จัดให้มีการส่งเสริมการทอผ้าลายพื้นเมืองเชียงแสนให้คงไว้เพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปพื้นบ้าน  ด้วยเห็นว่าเป็นการส่งเสริมชาวบ้านให้มีงานทำเป็นเหตุให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการทำนาทำไร่ ที่สำคัญคือเป็นการสืบทอดให้เยาวชนได้ศึกษาถึงความสำคัญและความงอกงาม เป็นเอกลักษณ์ของล้านนาเชียงแสนที่สืบทอดมาแต่โบราณ  จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง "พิพิธภัณฑ์ผ้าทอล้านนา เชียงแสน" ขึ้นเป็นผลสำเร็จเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2539 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ผ้าทอโบราณ ส่งเสริมการทอผ้าแบบโบราณเพื่อเป็นการส่งเสริมและมีรายได้ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น  และเพื่อส่งเสริมการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว  อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นเรือนไม้สองชั้นใต้ถุนโล่ง ชั้นบนจัดแสดง ผ้าทอลวดลายแบบต่าง ๆ เช่น ผ้าลายน้ำไหล ผ้าลายดอกผักแว่น ผ้าลายขวางดำแดง   กี่ทอผ้าที่ใช้ในสมัยโบราณเป็นกี่ทอมือ 4 ไม้ ผ้าปักพระเวสสันดร ที่นอนของชาวไทยวน  "ตุง" เครื่องใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา    ห้องสาธิตการอยู่ไฟหลังคลอด ครัวไฟที่ใช้ประกอบอาหารของชาวล้านนา ฯลฯ นอกจากนี้ทางพิพิธภัณฑ์ยังได้ส่งเสริมให้กลุ่มแม่บ้านสบคำมาทอผ้าพื้นเมือง โดยใช้พื้นที่ใต้ถุนอาคารพิพิธภัณฑ์เป็นโรงทอผ้า และมีอาคารแสดงผลงานของกลุ่มทอผ้าซึ่งอยู่ติดกันอีกหลังหนึ่ง
 
ข้อมูลจาก: 
1. แผ่นพับพิพิธภัณฑ์ผ้าทอล้านนา เชียงแสน วัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
2. การสำรวจเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2547
ชื่อผู้แต่ง:
-

ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง