โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 เมษายน 2555
โดย: -
วันที่: 12 มิถุนายน 2555
ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 15-01-2552
ที่มา: คม ชัด ลึก
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 15-01-2552
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 16-01-2552
ที่มา: ไทยรัฐ
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 12-01-2552
ที่มา: เดลินิวส์
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 18-01-2552
ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 15 มิถุนายน 2553
ที่มา: ผู้จัดการ
แหล่งค้นคว้า:
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
รีวิวของไปรสนียาคาร
บริเวณเชิงพระปกเกล้า ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งพระนคร ปากทางออกของคลองโอ่งอ่าง (คลองบางลำพู) ย่านการค้าที่จอแจแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ตึกบางสีขาวสูงสามชั้นตามแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกตั้งเด่นอยู่ในชื่อ “ไปรสนียาคาร”พิพิธภัณฑ์นี้เป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี พ.ศ.2546 หลังจากตัวอาคารเดิมถูกรื้อเพื่อสร้างสะพานคอนกรีตที่ชื่อว่าสะพานพระปกเกล้าในปี พ.ศ.2525 ในคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี สะพานนี้อยู่คู่ขนานไปกับสะพานพุทธ การก่อสร้างกระทำแต่เฉพาะส่วนหน้าที่เป็นคอนกรีต ส่วนที่เป็นตัวเรือนไม้สัก หลังการรื้อถอนทางกรมทางหลวงชนบท (กรมโยธาธิการและผังเมืองในอดีต) ได้นำไปเก็บรักษาไว้ จนกระทั่งปีพ.ศ.2552 กรมทางหลวงชนบทได้อนุญาตให้บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้าใช้ประโยชน์อาคารจำลองหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์การสื่อสารไปรษณีย์ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ไปรสนียาคารได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 มกราคม 2552
แต่เดิมอาคารไปรสนียาคารเคยเป็นบ้านของพระปรีชากลการ (สำอางค์ อมาตยกุล) แต่ต่อมาถูกทางการริบเข้ามาเป็นของหลวง ตึกพิพิธภัณฑ์นี้ถือเป็นอนุสรณ์สถานแห่งกาลเวลา เพื่อบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานกิจการไปรษณีย์แก่ชาวสยาม ในวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2426 และโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์พระองค์แรก
กิจการไปรษณีย์เริ่มจากการรับฝากส่งจดหมายและหนังสือในเขตพระนครและธนบุรี ในรัศมี 4 ด้าน ทิศเหนือถึงสามเสน ทิศตะวันออกถึงสระปทุม ทิศใต้ถึงบางคอแหลม ทิศตะวันตกถึงตลาดพลู ต่อมากิจการได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว สามารถเปิดบริการได้ทั้งในและต่างประเทศ ในปี พ.ศ.2432 ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนไปรษณีย์และโทรเลขขึ้นที่อาคารไปรสนียาคาร เพื่อผลิตบุลากรให้ทันกับการขยายตัวขององค์กร
การจัดแสดงของไปรสนียาคารในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นนิทรรศการพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื้อหาเกี่ยวกับการก่อตั้งกิจการไปรษณีย์ไทย จัดแสดงเป็นภาพประกอบคำอธิบายและตราไปรษณียากรที่เกี่ยวข้อง ตราไปรษณียากรที่จัดแสดงเป็นการจัดทำขึ้นมาใหม่ให้เหมือนของเดิม ได้แก่ ตราไปรษณียากรชุดพระบรมฉายาลักษณ์ ร.5 ตราไปรษณียากรชุด 125 ปี ไปรษณีย์ไทย ตราไปรษณียากรชุดบุรุษไปรษณีย์ แล้วก็ยังมีนิทรรศการพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช และประวัติของไปรสนียาคาร อาคารที่ทำการไปรษณีย์แห่งแรกของไทย
ชั้นนี้ตรงมุมห้องมีสิ่งจัดแสดงชิ้นสำคัญได้แก่ นาฬิกาประจำตึกไปรสนียาคาร นาฬิกาเรือนนี้มีความเป็นมาว่า สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงษ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ขณะที่ทรงเป็นกรมหลวงทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีสำเร็จราชการกรมไปรษณีย์และโทรเลข ได้ทรงสั่งซื้อมาจากบริษัท J.W. BENSON จำกัด ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีชื่อเสียงในการผลิตนาฬิกาที่ใช้กับหอนาฬิกา (TURRET CLOCK) ตัวเรือนของนาฬิกาเบนซอนแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ตัวเรือนที่ประกอบด้วยหน้าปัดที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร (2 ศอก) ตัวเครื่องและระฆังสำหรับที่จะแขวนบนหอขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากระฆัง 50 เซนติเมตร ( 1 ศอก) ที่ผลิตขึ้นในปี พ.ศ.2426 (ค.ศ.1883) โดยปรากฎศักราชที่ผลิตไว้บนตัวระฆังด้วย
ส่วนชั้นที่ 2 เป็นนิทรรศการประวัติการไปรษณีย์ไทย บอกเล่าเรื่องราวและวิวัฒนาการการไปรษณีย์ตั้งแต่ยุคก่อตั้งจนถึงยุคปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 4 ยุค ได้แก่ ยุคที่ 1 พ.ศ.2426-2442 จุดเริ่มต้นของไปรษณีย์ ยุคที่ 2 พ.ศ.2442-2475 ยุคทองของไปรษณีย์ไทย ยุคที่ 3 พ.ศ.2475-2497 ยุคที่ 4 พ.ศ.2497-2520 ยุคที่ 5 พ.ศ.2520 - ปัจจุบัน แล้วก็มีนิทรรศการการตำนานโทรเลขไทย ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นตำนานหลังจากให้บริการมายาวนานถึง 133 ปี มีตั้งแต่ความหมายของโทรเลข หลักการทำงาน เส้นทางโทรเลขในไทย วิวัฒนาการโทรเลขไทย ก้าวสู่...วิทยุโทรเลข กำเนิดสัญญาณภาษาไทย นับถอยหลัง...อำลาโทรเลข
นอกจากการจัดแสดง ที่ตึกไปรสนียาการยังมีที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งจะเปิดทำการในวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 14.00- 20.00 น. ที่ผ่านมายังมีคนเข้ามาน้อย เนื่องจากที่นี่มีข้อจำกัดตรงที่ไม่มีที่จอดรถ
คุณเมธินทร์ ลียากาศ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายตลาดตราไปรสนียากร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันทางบริษัทฯ มีที่ทำการไปรษณีย์มากกว่า 1200 แห่งทั่วประเทศ ทุกวันนี้บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการจัดทำพิพิธภัณฑ์มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่มีพิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรกระจายอยู่ทั่วประเทศ สถานที่จัดแสดงล้วนเป็นตึกเก่าแก่ทรงคุณค่า อีกทั้งยังมีแผนงานในอนาคตที่จะทำเต็มรูปแบบ โดยจะเริ่มจากที่ทำการไปรษณีย์ตึกเก่าที่มีการอนุรักษ์ในจังหวัดภูเก็ต สำหรับการปรับปรุงจัดตั้งไปรสนียาคาร ได้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมสนับสนุนงบประมาณมา 10 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนงานในการปรับปรุงซ่อมแซมตึกไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ โดยมีการจัดทำงบประมาณไว้มากกว่า 300 ล้าน
ในการจัดกิจกรรมที่นี่ที่ทำเป็นประจำคือการเปิดตัวตราไปรสนียากรชุดใหม่ นักสะสมจะมาซื้อแสตมป์และประทับตรากันที่นี่ ในปีหนึ่งๆจะมีแสตมป์ชุดใหม่ประมาณ 20- 30 ชุด บริษัทที่จัดพิมพ์มีทั้งในไทยและต่างประเทศ กว่าจะได้แสตมป์ชุดใหม่สักชุดหนึ่งต้องผ่านขั้นตอนมากมาย และต้องการความประณีตเป็นอย่างมาก อีกทั้งสแตมป์ยังเป็นสิ่งมีค่าแทนเงิน กลุ่มคนที่ออกแบบจะมี 3 กลุ่มคือ กลุ่มแรกคือคนของไปรษณีย์ มีประมาณสัก 8 คน กลุ่มที่สองมาจากการประกวด ทุกปีจะมีสัปดาห์สากลแห่งการเขียนจดหมาย ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้นำมาจัดแสดงและได้รับการพิจารณาจัดพิมพ์เป็นตราไปรสนียากร อีกกลุ่มหนึ่งคือในกรณีที่มีหน่วยงานต่างๆมาร้องขอให้ทางไปรษณีย์ออกให้ อย่างเช่นในวาระครบรอบของหน่วยงานต่างๆ
จากการให้ความสำคัญต่อการจัดทำพิพิธภัณฑ์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในอนาคตอันใกล้เราคาดว่าจะได้เห็นการจัดแสดงที่เต็มรูปแบบในอาคารอนุรักษ์ที่สวยงาม ซึ่งผู้เข้าชมจะได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน
----------------------------------------------------
สาวิตรี ตลับแป้น /ผู้เขียน /ถ่ายภาพ
ข้อมูลจาก : สำรวจภาคสนามเมื่อวันที่ 16 เดือนกันยายน พ.ศ. 2554
----------------------------------------------------
การเดินทาง :ไปรสนียาคารตั้งอยู่เชิงสะพานพระปกเกล้า ใกล้กับสะพานพุทธ ฝั่งพระนคร ใกล้กับท่ารถเมล์สาย 8 ปลายทางสะพานพุทธ มีรถประจำทางผ่านหลายสายได้แก่ 3,4,5,6,8,10,19,37,40,43,53,56,82 ปอ. 3,5,6,73
-----------------------------------------
อ้างอิง : เอกสารไปรสนียาคาร อนุสรณ์สถานแห่งกาลเวลา
รีวิวของไปรสนียาคาร
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ฤกษ์เปิด "ไปรสนียคาร" อาคารพิพิธภัณฑ์จำลองที่ทำการไปรษณีย์แห่งแรกของไทย เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของการไปรษณีย์ไทยในอดีต ไปรสนียาคารจำลองหลังนี้ ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานพระปกเกล้าฯ ฝั่งพระนคร ใกล้กับปากคลองตลาด ซึ่งบริเวณเดิมเป็นบ้านของพระปรีชากลการ (สำอางค์ อมาตยกุล) หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2496 ไปรสนียาคารถูกปรับปรุงเป็นอาคารเรียน "โรงเรียนกรมไปรษณีย์และโทรเลข" เพื่อเป็นสถานที่ผลิตพนักงานไปรษณีย์ให้บริการประชาชน ก่อนจะถูกทุบทิ้งเพื่อเปิดทางสร้างสะพานพระปกเกล้า เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาขนานกับสะพานพระพุทธยอดฟ้าส่วนอาคารจำลองที่ถูกสร้างขึ้นทดแทนในบริเวณเดิมนั้น ออกแบบโดย ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา สถาปนิกมีชื่อเสียงของไทย มูลค่าในการสร้างประมาณ 10 ล้านบาท โดยสร้างเฉพาะส่วนมุขด้านหน้าของอาคาร มีความกว้าง 25 เมตร ความยาวลดจากเดิม 53.5 เมตร ให้เหลือเพียง 3.5 เมตร เป็นอาคาร 2 ชั้นครึ่งรูปแบบคล้ายของเดิม แต่รายละเอียดบางประการแตกต่างกัน ตัวอาคารจำลองภายในติดตั้งเครื่องปรับอากาศทั้งหลัง
ในวันงานเปิดอาคาร(13 มกราคม 2552) บริเวณชั้นล่างมีการเปิดจำหน่ายแสตมป์ไปรษณีย์ที่ระลึก ออกแบบโดย วีณา จันทนทัศน์ มีทั้งหมด 4 แบบ เป็นรูปของ 'พระบิดาแห่งการไปษณีย์ไทย' จอมพลสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช โดยจำหน่ายราคาดวงละ 3 บาท พร้อมบริการไปรษณียบัตรเพื่อส่งให้แก่ญาติมิตรเพื่อนสนิทหรือส่งให้ตัวเอง เป็นที่ระลึก รวมทั้งบริการถ่ายรูปตัวเองหรือพร้อมกับครอบครัวเพื่อใช้เป็นแสตมป์ที่ระลึก ค่าบริการครั้งละ 120 บาท บริการถ่ายโปสการ์ดโดยมีบรรยากาศของภาพเป็นอาคารไปรสนียาคารแบบดั้งเดิม และยังมีเสื้อยืดเป็นรูปไปรสนียาคาร ราคา 160 บาท รวมทั้งสินค้าที่ระลึกต่างๆ ชั้นที่ 2 และ3 มีวีดิทัศน์ประวัติความเป็นมาของการไปรษณีย์ไทย รวมถึงของใช้ส่วนพระองค์บางชิ้น พร้อมทั้งไปรษณียบัตรชิ้นแรก แสตมป์ชุดแรก แสตมป์เพี้ยน เครื่องโทรเลข จัดแสดง
ข้อมูลจาก: กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 15 มกราคม 2552
คลิกอ่าน "เที่ยว"ไปรสนียาคาร" ย้อนวันวานการสื่อสารไทย" ผู้จัดการ วันที่ 15 มิถุนายน 2553
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
แสตมป์ การสื่อสารและไปรษณีย์ ตราไปรษณียากร
พิพิธภัณฑ์พุทธธรรม พระบรมสารีริกธาตุ
จ. กรุงเทพมหานคร
พิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
จ. กรุงเทพมหานคร
พิพิธภัณฑ์ปืนใหญ่โบราณ
จ. กรุงเทพมหานคร