ไปรสนียาคาร


ที่อยู่:
เชิงสะพานพระปกเกล้า(ฝั่งพระนคร) เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
โทรศัพท์:
02-831-3934
โทรสาร:
02-831-3850
วันและเวลาทำการ:
วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-20.00 น.
ค่าเข้าชม:
ไม่เก็บค่าเข้าชม
ปีที่ก่อตั้ง:
2552
จัดการโดย:

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 เมษายน 2555

โดย: -

วันที่: 12 มิถุนายน 2555

ไม่มีข้อมูล

ย้อนกาลเวลา ณ อนุสรณ์สถาน "ไปรสนียาคาร"

ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 15-01-2552

ที่มา: คม ชัด ลึก

แหล่งค้นคว้า: ศมส.

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555

เปิดตัวแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ ไปรสนียคาร

ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 15-01-2552

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ

แหล่งค้นคว้า: ศมส.

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555

ฟื้นความทรงจำ “ไปรสนียาคาร”

ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 16-01-2552

ที่มา: ไทยรัฐ

แหล่งค้นคว้า: ศมส.

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555

ไปรษณีย์ไทย ชวนย้อนรำลึก “ไปรสนียาคาร”

ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 12-01-2552

ที่มา: เดลินิวส์

แหล่งค้นคว้า: ศมส.

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555

ย้อนวันวาน “ไปรสนียาคาร”แห่งความทรงจำ

ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 18-01-2552

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

แหล่งค้นคว้า: ศมส.

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555

เที่ยว"ไปรสนียาคาร" ย้อนวันวานการสื่อสารไทย

ชื่อผู้แต่ง: | ปีที่พิมพ์: 15 มิถุนายน 2553

ที่มา: ผู้จัดการ

แหล่งค้นคว้า:

โดย: ศมส.

วันที่: 13 มีนาคม 2555


ไม่มีข้อมูล

รีวิวของไปรสนียาคาร

บริเวณเชิงพระปกเกล้า  ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา  ฝั่งพระนคร  ปากทางออกของคลองโอ่งอ่าง (คลองบางลำพู) ย่านการค้าที่จอแจแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร  ตึกบางสีขาวสูงสามชั้นตามแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกตั้งเด่นอยู่ในชื่อ “ไปรสนียาคาร”
           
พิพิธภัณฑ์นี้เป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี พ.ศ.2546  หลังจากตัวอาคารเดิมถูกรื้อเพื่อสร้างสะพานคอนกรีตที่ชื่อว่าสะพานพระปกเกล้าในปี พ.ศ.2525 ในคราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี  สะพานนี้อยู่คู่ขนานไปกับสะพานพุทธ  การก่อสร้างกระทำแต่เฉพาะส่วนหน้าที่เป็นคอนกรีต  ส่วนที่เป็นตัวเรือนไม้สัก  หลังการรื้อถอนทางกรมทางหลวงชนบท (กรมโยธาธิการและผังเมืองในอดีต) ได้นำไปเก็บรักษาไว้  จนกระทั่งปีพ.ศ.2552 กรมทางหลวงชนบทได้อนุญาตให้บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด  เข้าใช้ประโยชน์อาคารจำลองหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์การสื่อสารไปรษณีย์  โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ   ไปรสนียาคารได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12  มกราคม  2552
           
แต่เดิมอาคารไปรสนียาคารเคยเป็นบ้านของพระปรีชากลการ (สำอางค์  อมาตยกุล)  แต่ต่อมาถูกทางการริบเข้ามาเป็นของหลวง  ตึกพิพิธภัณฑ์นี้ถือเป็นอนุสรณ์สถานแห่งกาลเวลา  เพื่อบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานกิจการไปรษณีย์แก่ชาวสยาม  ในวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2426  และโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ  เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช  ทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์พระองค์แรก
           
กิจการไปรษณีย์เริ่มจากการรับฝากส่งจดหมายและหนังสือในเขตพระนครและธนบุรี  ในรัศมี 4 ด้าน  ทิศเหนือถึงสามเสน  ทิศตะวันออกถึงสระปทุม  ทิศใต้ถึงบางคอแหลม  ทิศตะวันตกถึงตลาดพลู  ต่อมากิจการได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว  สามารถเปิดบริการได้ทั้งในและต่างประเทศ  ในปี พ.ศ.2432 ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนไปรษณีย์และโทรเลขขึ้นที่อาคารไปรสนียาคาร  เพื่อผลิตบุลากรให้ทันกับการขยายตัวขององค์กร
           
การจัดแสดงของไปรสนียาคารในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน  2 ชั้น  ชั้นแรกเป็นนิทรรศการพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  เนื้อหาเกี่ยวกับการก่อตั้งกิจการไปรษณีย์ไทย   จัดแสดงเป็นภาพประกอบคำอธิบายและตราไปรษณียากรที่เกี่ยวข้อง  ตราไปรษณียากรที่จัดแสดงเป็นการจัดทำขึ้นมาใหม่ให้เหมือนของเดิม ได้แก่ ตราไปรษณียากรชุดพระบรมฉายาลักษณ์ ร.5  ตราไปรษณียากรชุด 125 ปี ไปรษณีย์ไทย  ตราไปรษณียากรชุดบุรุษไปรษณีย์   แล้วก็ยังมีนิทรรศการพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระราชปิตุลา  บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช   และประวัติของไปรสนียาคาร  อาคารที่ทำการไปรษณีย์แห่งแรกของไทย 
           
ชั้นนี้ตรงมุมห้องมีสิ่งจัดแสดงชิ้นสำคัญได้แก่  นาฬิกาประจำตึกไปรสนียาคาร  นาฬิกาเรือนนี้มีความเป็นมาว่า  สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ  เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงษ์  กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช  ขณะที่ทรงเป็นกรมหลวงทรงดำรงตำแหน่งอธิบดีสำเร็จราชการกรมไปรษณีย์และโทรเลข  ได้ทรงสั่งซื้อมาจากบริษัท J.W. BENSON  จำกัด  ประเทศอังกฤษ  ซึ่งมีชื่อเสียงในการผลิตนาฬิกาที่ใช้กับหอนาฬิกา (TURRET CLOCK)  ตัวเรือนของนาฬิกาเบนซอนแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ  ตัวเรือนที่ประกอบด้วยหน้าปัดที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร (2 ศอก)  ตัวเครื่องและระฆังสำหรับที่จะแขวนบนหอขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางปากระฆัง  50 เซนติเมตร ( 1 ศอก)  ที่ผลิตขึ้นในปี พ.ศ.2426 (ค.ศ.1883) โดยปรากฎศักราชที่ผลิตไว้บนตัวระฆังด้วย

ส่วนชั้นที่ 2 เป็นนิทรรศการประวัติการไปรษณีย์ไทย  บอกเล่าเรื่องราวและวิวัฒนาการการไปรษณีย์ตั้งแต่ยุคก่อตั้งจนถึงยุคปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 4 ยุค ได้แก่  ยุคที่ 1 พ.ศ.2426-2442 จุดเริ่มต้นของไปรษณีย์  ยุคที่ 2 พ.ศ.2442-2475 ยุคทองของไปรษณีย์ไทย  ยุคที่ 3 พ.ศ.2475-2497   ยุคที่ 4 พ.ศ.2497-2520  ยุคที่ 5 พ.ศ.2520 - ปัจจุบัน   แล้วก็มีนิทรรศการการตำนานโทรเลขไทย  ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นตำนานหลังจากให้บริการมายาวนานถึง 133 ปี  มีตั้งแต่ความหมายของโทรเลข  หลักการทำงาน  เส้นทางโทรเลขในไทย  วิวัฒนาการโทรเลขไทย  ก้าวสู่...วิทยุโทรเลข  กำเนิดสัญญาณภาษาไทย  นับถอยหลัง...อำลาโทรเลข

นอกจากการจัดแสดง  ที่ตึกไปรสนียาการยังมีที่ทำการไปรษณีย์  ซึ่งจะเปิดทำการในวันศุกร์ – อาทิตย์  เวลา 14.00- 20.00 น. ที่ผ่านมายังมีคนเข้ามาน้อย  เนื่องจากที่นี่มีข้อจำกัดตรงที่ไม่มีที่จอดรถ
           
คุณเมธินทร์  ลียากาศ  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายตลาดตราไปรสนียากร  บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด  กล่าวว่าปัจจุบันทางบริษัทฯ มีที่ทำการไปรษณีย์มากกว่า 1200  แห่งทั่วประเทศ  ทุกวันนี้บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการจัดทำพิพิธภัณฑ์มากขึ้น  ดังจะเห็นได้จากการที่มีพิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรกระจายอยู่ทั่วประเทศ  สถานที่จัดแสดงล้วนเป็นตึกเก่าแก่ทรงคุณค่า อีกทั้งยังมีแผนงานในอนาคตที่จะทำเต็มรูปแบบ  โดยจะเริ่มจากที่ทำการไปรษณีย์ตึกเก่าที่มีการอนุรักษ์ในจังหวัดภูเก็ต  สำหรับการปรับปรุงจัดตั้งไปรสนียาคาร  ได้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมสนับสนุนงบประมาณมา 10 ล้านบาท  นอกจากนี้ยังมีแผนงานในการปรับปรุงซ่อมแซมตึกไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก  ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ โดยมีการจัดทำงบประมาณไว้มากกว่า 300 ล้าน
           
ในการจัดกิจกรรมที่นี่ที่ทำเป็นประจำคือการเปิดตัวตราไปรสนียากรชุดใหม่  นักสะสมจะมาซื้อแสตมป์และประทับตรากันที่นี่  ในปีหนึ่งๆจะมีแสตมป์ชุดใหม่ประมาณ 20- 30 ชุด  บริษัทที่จัดพิมพ์มีทั้งในไทยและต่างประเทศ  กว่าจะได้แสตมป์ชุดใหม่สักชุดหนึ่งต้องผ่านขั้นตอนมากมาย และต้องการความประณีตเป็นอย่างมาก  อีกทั้งสแตมป์ยังเป็นสิ่งมีค่าแทนเงิน  กลุ่มคนที่ออกแบบจะมี 3 กลุ่มคือ กลุ่มแรกคือคนของไปรษณีย์  มีประมาณสัก 8 คน   กลุ่มที่สองมาจากการประกวด  ทุกปีจะมีสัปดาห์สากลแห่งการเขียนจดหมาย  ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้นำมาจัดแสดงและได้รับการพิจารณาจัดพิมพ์เป็นตราไปรสนียากร  อีกกลุ่มหนึ่งคือในกรณีที่มีหน่วยงานต่างๆมาร้องขอให้ทางไปรษณีย์ออกให้  อย่างเช่นในวาระครบรอบของหน่วยงานต่างๆ 
               
จากการให้ความสำคัญต่อการจัดทำพิพิธภัณฑ์ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย  จำกัด  ในอนาคตอันใกล้เราคาดว่าจะได้เห็นการจัดแสดงที่เต็มรูปแบบในอาคารอนุรักษ์ที่สวยงาม  ซึ่งผู้เข้าชมจะได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน
----------------------------------------------------
สาวิตรี  ตลับแป้น /ผู้เขียน /ถ่ายภาพ
ข้อมูลจาก  :  สำรวจภาคสนามเมื่อวันที่  16  เดือนกันยายน  พ.ศ. 2554
----------------------------------------------------
การเดินทาง :ไปรสนียาคารตั้งอยู่เชิงสะพานพระปกเกล้า  ใกล้กับสะพานพุทธ  ฝั่งพระนคร  ใกล้กับท่ารถเมล์สาย 8  ปลายทางสะพานพุทธ  มีรถประจำทางผ่านหลายสายได้แก่  3,4,5,6,8,10,19,37,40,43,53,56,82 ปอ. 3,5,6,73
-----------------------------------------
อ้างอิง  : เอกสารไปรสนียาคาร  อนุสรณ์สถานแห่งกาลเวลา
ชื่อผู้แต่ง:
-

รีวิวของไปรสนียาคาร

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ฤกษ์เปิด "ไปรสนียคาร" อาคารพิพิธภัณฑ์จำลองที่ทำการไปรษณีย์แห่งแรกของไทย เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของการไปรษณีย์ไทยในอดีต ไปรสนียาคารจำลองหลังนี้ ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานพระปกเกล้าฯ ฝั่งพระนคร ใกล้กับปากคลองตลาด ซึ่งบริเวณเดิมเป็นบ้านของพระปรีชากลการ (สำอางค์ อมาตยกุล) หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2496 ไปรสนียาคารถูกปรับปรุงเป็นอาคารเรียน "โรงเรียนกรมไปรษณีย์และโทรเลข" เพื่อเป็นสถานที่ผลิตพนักงานไปรษณีย์ให้บริการประชาชน ก่อนจะถูกทุบทิ้งเพื่อเปิดทางสร้างสะพานพระปกเกล้า เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาขนานกับสะพานพระพุทธยอดฟ้า

ส่วนอาคารจำลองที่ถูกสร้างขึ้นทดแทนในบริเวณเดิมนั้น ออกแบบโดย ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา สถาปนิกมีชื่อเสียงของไทย มูลค่าในการสร้างประมาณ 10 ล้านบาท โดยสร้างเฉพาะส่วนมุขด้านหน้าของอาคาร มีความกว้าง 25 เมตร ความยาวลดจากเดิม 53.5 เมตร ให้เหลือเพียง 3.5 เมตร เป็นอาคาร 2 ชั้นครึ่งรูปแบบคล้ายของเดิม แต่รายละเอียดบางประการแตกต่างกัน ตัวอาคารจำลองภายในติดตั้งเครื่องปรับอากาศทั้งหลัง

ในวันงานเปิดอาคาร(13 มกราคม 2552) บริเวณชั้นล่างมีการเปิดจำหน่ายแสตมป์ไปรษณีย์ที่ระลึก ออกแบบโดย วีณา จันทนทัศน์ มีทั้งหมด 4 แบบ เป็นรูปของ 'พระบิดาแห่งการไปษณีย์ไทย' จอมพลสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช โดยจำหน่ายราคาดวงละ 3 บาท พร้อมบริการไปรษณียบัตรเพื่อส่งให้แก่ญาติมิตรเพื่อนสนิทหรือส่งให้ตัวเอง เป็นที่ระลึก รวมทั้งบริการถ่ายรูปตัวเองหรือพร้อมกับครอบครัวเพื่อใช้เป็นแสตมป์ที่ระลึก ค่าบริการครั้งละ 120 บาท บริการถ่ายโปสการ์ดโดยมีบรรยากาศของภาพเป็นอาคารไปรสนียาคารแบบดั้งเดิม และยังมีเสื้อยืดเป็นรูปไปรสนียาคาร ราคา 160 บาท รวมทั้งสินค้าที่ระลึกต่างๆ ชั้นที่ 2 และ3 มีวีดิทัศน์ประวัติความเป็นมาของการไปรษณีย์ไทย รวมถึงของใช้ส่วนพระองค์บางชิ้น พร้อมทั้งไปรษณียบัตรชิ้นแรก แสตมป์ชุดแรก แสตมป์เพี้ยน เครื่องโทรเลข จัดแสดง

ข้อมูลจาก: กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 15 มกราคม 2552 

คลิกอ่าน "เที่ยว"ไปรสนียาคาร" ย้อนวันวานการสื่อสารไทย" ผู้จัดการ วันที่ 15 มิถุนายน 2553

ชื่อผู้แต่ง:
-