พิพิธภัณฑ์สุริยานุวัตรเพื่อการพัฒนาประเทศ แต่เดิมเป็นบ้านของมหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) ท่านได้ดำรงตำแหน่งอัครราชทูตประจำฝรั่งเศส อิตาลี สเปนและรัสเซีย ในสมัยรัชกาลที่ 5 อีกทั้งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย บ้านสุริยานุวัตรจึงเป็นบ้านที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพื่อตอบแทนคุณความดีในการปฏิบัติราชการ บ้านสุริยานุวัตรเป็นอาคารที่ทำงานถาวรหลังแรกของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ มาตั้งแต่ พ.ศ.2493 จนถึงปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์นี้เกิดขึ้นมาจากการดำริของ ดร.อำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในช่วงเวลานั้น ท่านได้ตระหนักเห็นคุณค่าในคุณูปการของพระยาสุริยานุวัตร ที่มีต่อประเทศไทย และเห็นความสำคัญทางสถาปัตยกรรมของตัวอาคาร
โดย: -
วันที่: 12 มีนาคม 2555
โดย: -
วันที่: 12 มีนาคม 2555
โดย: -
วันที่: 13 มิถุนายน 2555
ชื่อผู้แต่ง: กฤษณา | ปีที่พิมพ์: 9, 11 (พ.ย. 35)
ที่มา: กินรี
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
ชื่อผู้แต่ง: สุวรรณี สำโรงวัฒนา | ปีที่พิมพ์: 13, 5 (มี.ค. 2535)
ที่มา: ศิลปวัฒนธรรม
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
ชื่อผู้แต่ง: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | ปีที่พิมพ์: 2552
ที่มา: กรุงเทพฯ:สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
แหล่งค้นคว้า: ศมส.
โดย: ศมส.
วันที่: 13 มีนาคม 2555
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยทีมงานและสมาชิก
รีวิวของพิพิธภัณฑ์สุริยานุวัตรเพื่อการพัฒนาประเทศ
มหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) ท่านได้ดำรงตำแหน่งอัครราชทูตประจำฝรั่งเศส อิตาลี สเปนและรัสเซีย ในสมัยรัชกาลที่ 5 อีกทั้งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย บ้านสุริยานุวัตรจึงเป็นบ้านที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพื่อตอบแทนคุณความดีในการปฏิบัติราชการด้วยความสามารถ ความเพียร และซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอดบ้านสุริยานุวัตร ได้สถาปนิกชาวอิตาเลียนชื่อ มาริโอ ตาปัญโญ (Mario Tamangno) เป็นผู้ออกแบบ และเป็นคนเดียวกับที่ออกแบบก่อสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม นับอายุของบ้านหลังนี้คือ 105 ปี บ้านหลังนี้กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานในปีพ.ศ.2549 การบูรณะครั้งล่าสุดก่อนเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี พ.ศ.2550 ได้มีการทำสีของอาคารใหม่จากสีขาวให้เป็นสีดั้งเดิมคือสีเหลืองจำปา
พิพิธภัณฑ์นี้เกิดขึ้นมาจากการดำริของ ดร.อำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในช่วงเวลานั้น ท่านได้ตระหนักเห็นคุณค่าในคุณูปการของพระยาสุริยานุวัตร ที่มีต่อประเทศไทย และเห็นความสำคัญทางสถาปัตยกรรมของตัวอาคาร
บ้านสุริยานุวัตรหรือตึกสุริยานุวัตร เป็นอาคารที่ทำงานถาวรหลังแรกของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ มาตั้งแต่ พ.ศ.2493 จนถึงปัจจุบัน การจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์อยู่บริเวณชั้นล่าง แบ่งออกเป็น 7 ห้อง ได้แก่ ห้องพระยาสุริยานุวัตร ห้องแผน 1-7 ห้องแผน 8-10 หอเกียรติยศ ห้องเศรษฐกิจพอเพียง ห้องปัจจุบัน สศช.และบริการข้อมูล ห้องประวัติอาคาร ส่วนชั้นบนของบ้านแต่เดิมเป็นห้องนอนของพระยาสุริยานุวัตรกับครอบครัว ปัจจุบันทำเป็นห้องประชุมของผู้บริหารระดับสูง
ผู้นำชมพิพิธภัณฑ์ในวันนี้คือ คุณวรารัตน์ ดุลยพิทักษ์ ในการชมพิพิธภัณฑ์ทุกห้องจะมีวีดีทัศน์ประกอบ กลุ่มผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา คุณวรารัตน์บอกว่าชื่อของพระยาสุริยานุวัตรได้เงียบหายไปจากประวัติศาสตร์อยู่ช่วงหนึ่งจากการที่ท่านวิพากษ์วิจารณ์ระบบเศรษฐกิจและการเงินการคลังในยุคสมัยนั้น จนกระทั่งได้มีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชื่อของท่านจึงกลับมาอีกครั้งในฐานะนักเศรษฐศาสตร์คนแรกของประเทศไทย
ในห้องสุริยานุวัตร เราจะได้รู้จักกับท่านมากขึ้น ผลงานที่โดดเด่นคือตำรา “ทรัพย์ศาสตร์” ปัจจุบันเป็นหนังสือ 1 ใน 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน ตามโครงการวิจัยเพื่อคัดเลือกและแนะนำหนังสือดีในศตวรรษ ที่นี่เราจะได้เห็นตำราเล่มนี้แบบต้นฉบับเดิม ในห้องนี้มีภาพถ่ายของท่านกับครอบครัว ภาพหนึ่งคือภรรยาของท่านคุณลิ้นจี่กับลูก 6 คน และภาพระหว่างปฏิบัติราชการ พร้อมด้วยบอร์ดแสดงความก้าวหน้าในชีวิตการรับราชการ
การจัดแสดงประวัติของเจ้าพระยาสุริยานุวัตรมีความสมบูรณ์ขึ้นได้ มาจากนางประชงค์ บุญนาค บุตรสะใภ้ของท่าน นางประชงค์ได้มอบภาพเหมือนพระยาสุริยานุวัตร เขียนด้วยสีน้ำมันขนาดใหญ่ วาดโดยจิตรกรชาวอิตาเลียนเมื่อ พ.ศ.2441 พร้อมกับเครื่องใช้ส่วนตัวเมื่อครั้งที่นำติดตัวกลับมาจากต่างประเทศในครั้งดำรงตำแหน่งเป็นอัครราชทูต ได้แก่ แจกันฐานทอง ชุดน้ำชาเครื่องเงินของเยอรมัน ชุดจานกระเบื้องสำหรับรับประทานอาหารค่ำ ฯลฯ โดยเครื่องใช้ส่วนใหญ่มีตราประจำตัวชื่อของพระยาสุริยานุวัตรพิมพ์หรือสลักไว้
ถัดจากนั้นเป็นห้องแผน 1-7 จัดแสดงเรื่องความเป็นมาของสศช. และการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1-7 ประกอบด้วยบอร์ดและวีดีทัศน์สรุปเนื้อหาและแนวคิด ต่อมาเป็นห้องแผน 8-10 มีจุดเด่นตรงที่ทำเป็นโดม นำเสนอภาพจากการเสวนา ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จากนั้นเป็นหอเกียรติยศ แสดงภาพผู้ก่อตั้งสศช.และผู้นำองค์กรจากอดีตถึงปัจจุบัน ส่วนของห้องเศรษฐกิจพอเพียง ได้มีการอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมาประดิษฐานอยู่กลางห้อง โดยมีคำนิยมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและพระบรมราโชวาทจัดแสดงอยู่ทั้งสองด้าน
ส่วนของห้องปัจจุบันสศช.และบริการข้อมูล ผู้เข้าชมสามารถดาวน์โหลดข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงกลับไปใช้ประโยชน์ได้ ในการจัดทำหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ได้มีการจัดทำออกมาหลายเล่ม สำหรับห้องสุดท้ายคือห้องประวัติตึกสุริยานุวัตร มีตั้งแต่เรื่องของท่านชีปะขาวผู้เคยพำนักอยู่ในบริเวณนี้ ท่านจึงเปรียบเสมือนเป็นเจ้าที่ของบ้าน แล้วก็เรื่องราวการได้รับพระราชทานบ้าน เรื่องความคิดแบบคนหัวก้าวหน้าของท่านพระยาฯ เมื่อท่านถึงแก่อนิจกรรม ทายาทได้มอบบ้านกลับคืนตามเจตนารมย์ของท่าน นอกจากนี้ยังมีภาพจำลองการก่อสร้างปรับปรุงจนกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ และบอร์ดเล่าความสัมพันธ์ของสภาพัฒน์กับบ้านหลังนี้
โดยรูปแบบของบ้าน ทางขึ้นชั้นบนของบ้านนี้มีสองด้าน บันไดใหญ่เป็นของเจ้าของบ้าน ส่วนบันไดเล็กอีกด้านเป็นของคนรับใช้ คุณวรารัตน์เล่าว่าบันไดเล็กอีกด้านในสมัยก่อนจะมีทางเชื่อมกับเรือนของข้าทาสบริวารที่รายล้อมอยู่ ปัจจุบันชั้นบนได้จัดทำเป็นห้องประชุม ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้เคยมาประชุมกันที่นี่ ใกล้กันมีโต๊ะทำงานของเลขาธิการสภาพัฒน์ซึ่งเปลี่ยนกันไปตามวาระ
ในการเข้ามาเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ คุณวรารัตน์เล่าว่าบางกลุ่มจะมีหัวข้อขอให้บรรยาย ซึ่งที่นี่ยินดีจัดวิทยากรและพานำชมพิพิธภัณฑ์ นอกจากเรื่องราวที่จัดแสดงดังกล่าว สิ่งที่เป็นเสน่ห์ของพิพิธภัณฑ์นี้คือเรื่องราวลึกลับที่ได้แสดงผ่านออกมาทางสถาปัตยกรรมของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องขังบริเวณชั้นใต้ดิน หรือจะเป็นห้องใต้หลังคา ซึ่งช่วงเวลาหนึ่งมีค้างคาวมาอาศัยบินเข้าออกเป็นจำนวนมาก จนชาวบ้านพากันเรียกว่า “วังค้างคาว” หรือจะเป็นกระจกกรอบไม้บานใหญ่ที่ติดอยู่บริเวณทางขึ้นชั้นบน กระจกบานนี้คุณยายประชงค์เป็นผู้มอบให้พร้อมกับบอกว่าหลังบานกระจกมีภาพของคุณลินจง ธิดาของเจ้าพระยาสุริยานุวัตร ครั้นมาวันหนึ่งกรอบไม้ถูกปลวกกินจึงได้มีการถอดกระจกออกมา จึงได้พบกับภาพเขียนสีน้ำมันบนผ้าใบขนาด 70 คูณ 130 เซนติเมตรคาดว่าจิตรกรคือ กาลิเลโอ คินี (Galilro Chini) จิตรกรที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เข้ามาวาดภาพจิตรกรรมบนฝาผนังทั้งหมดภายในพระที่นั่งอนันตสมาคม
หลังจากได้เดินชมบ้านของพระยาสุริยานุวัตร ความรู้สึกหนึ่งได้เกิดขึ้นคือ บ้านที่งามสง่าที่ทรงคุณค่าด้วยสถาปัตยกรรมและเรื่องราวสำคัญของประวัติศาสตร์ประเทศไทย ไม่น่าถูกบดบังล้อมรอบด้วยตึกสำนักงาน ทำให้คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นได้ ทางสภาพัฒน์เองก็ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ และมีความคิดที่จะทุบตึกบางส่วนออกหลังจากที่บางหน่วยงานได้ย้ายออกไปยังที่ทำการใหม่
-----------------------------------------------------
สาวิตรี ตลับแป้น /ผู้เขียน /ถ่ายภาพ
ข้อมูลจาก : สำรวจภาคสนามเมื่อวันที่ 22 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554
----------------------------------------------------
การเดินทาง :พิพิธภัณฑ์สุริยานุวัตรเพื่อการพัฒนาประเทศ คือสถานที่เดียวกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อยู่ใกล้กับวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศตรูพ่าย การเดินทางโดยรถยนต์ให้ไปตามถนนกรุงเกษม เลียบแนวคลอง
-----------------------------------------
อ้างอิง : แผ่นพับของพิพิธภัณฑ์สุริยานุวัตรเพื่อการพัฒนาประเทศ.
สุริยานุวัตรเพื่อการพัฒนาประเทศ.http://www.nesdb.go.th/Default.aspx?tabid=319 [Accessed 27/08/2011]
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. พิพิธภัณฑ์สุริยานุวัตร เพื่อการพัฒนาประเทศ,ม.ป.ป.
รีวิวของพิพิธภัณฑ์สุริยานุวัตรเพื่อการพัฒนาประเทศ
มหาอำมาตย์เอกพระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) มีชีวิตอยู่ในปลายสมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงต้นสมัยรัชกาลที่ 8 ระหว่าง พ.ศ.2405-2479 เป็นนักเศรษฐศาสตร์คนแรกของประเทศไทย เป็นผู้เขียนตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของไทยและเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าหลายด้านอาคารสุริยานุวัตรเดิมเป็นบ้านพักอาศัยของมหาอำมาตย์เอกพระยาสุริยานุวัตรและครอบครัว ก่อสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในราว พ.ศ.2448 มีรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ออกแบบโดยนายมารีโอ ตามัญโญ (Mario Tamagno) สถาปนิกชาวอิตาลี คนเดียวกับที่ออกแบบก่อสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม บ้านหลังนี้ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องด้วยคุณงามความดีของพระยาสุริยานุวัตรในการปฏิบัติราชการในสมัยที่ดำรงตำแหน่งอัครราชทูตประจำประเทศฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และรัสเซีย ได้มีโอกาสถวายการดูแลพระราชโอรสของรัชกาลที่ 5 หลายพระองค์ด้วยกัน
บ้านหลังนี้ยังเคยใช้เป็นที่ประชุมก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะผู้ก่อการ พ.ศ.2475 เนื่องจากนายประจวบ บุนนาค บุตรชายคนสุดท้องของพระยาสุริยานุวัตรร่วมเป็นผู้หนึ่งในคณะก่อการด้วย ภายหลังคุณหญิงลิ้นจี่ ภรรยาของพระยาสุริยานุวัตรได้ขายบ้านหลังนี้ให้แก่รัฐบาลในช่วงประมาณปี 2483-2484
อาคารสุริยานุวัตรแห่งนี้ เคยใช้เป็นที่ตั้ง สำนักงานเทศบาลนครกรุงเทพมหานคร หรือศาลาว่าการกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน และกรมโลหะกิจ ตามลำดับ และต่อมาได้ใช้เป็นสถานที่ตั้งของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ตั้งแต่ปีพ.ศ.2493 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนอาคารแห่งนี้เป็นโบราณสถานแห่งชาติที่ต้องอนุรักษ์ โดยในปี พ.ศ.2533 ได้ร่วมกับกรมศิลปากรดำเนินการบูรณะอาคารแห่งนี้เป็นครั้งแรก ได้มีการรวบรวมเครื่องใช้ส่วนตัวโดยได้รับบริจาคจากนางประชงค์ บุนนาค ญาติใกล้ชิดของท่านเพียงคนเดียมที่ยังมีชีวิตอยู่ และในปี พ.ศ.2550 ได้จัดทำพิพิธภัณฑ์สุริยานุวัตรเพื่อการพัฒนาประเทศขึ้น เพื่อรำลึกถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ทั้งในแง่ของสถานที่ บุคคล ตลอดจนเป็นแหล่งเรียนรู้วิวัฒนาการของการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยสืบไป
พิพิธภัณฑ์แบ่งห้องจัดแสดงออกเป็น 7 ห้อง ได้แก่ ห้องประวัติพระยาสุริยานุวัตร ห้องประวัติตึกสุริยานุวัตร ห้องแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1 - 7 ห้อง แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 - 10 ห้องเศรษฐกิจพอเพียง ห้อง Hall of Fame และห้องปัจจุบันของ สศช.ฯ
ห้องประวัติพระยาสุริยานุวัตรจัดแสดงเรื่องราวประวัติ ภาพถ่าย ผลงานในด้านต่างๆของพระยาสุริยานุวัตรในยุคสมัยต่างๆ โดยในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ดูแลการศึกษาพระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 แต่งตำราทูตชื่อว่า "ขนบธรรมเนียมราชการต่างประเทศ" ซึ่งถือเป็นตำรากฎหมายและการปฏิบัติระหว่างประเทศเรื่องการทูตภาษาไทยเล่มแรก ขณะดำรงตำแหน่งได้ดำริทำโค้ดโทรเลขเพื่อใช้ในการทูตของไทยเป็นครั้งแรกชื่อ "สุริยาโค้ด" และ "สยามมาคูโต" นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาให้ฝรั่งเศสถอนทหารจากสยาม เสนอความคิดในการเปลี่ยนระบบเงินตราจากระบบมาตราเงินเป็นระบบมาตราทองคำ ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ มีบทบาทในการปฏิรูปการจัดเก็บภาษีอากรโดยโอนกิจการฝิ่นมาเป็นของรัฐบาล พัฒนาระบบเงินตรา และท่านยังเป็นสามัญชนคนแรกที่ได้ลงนามในธนบัตร คือได้ลงนามธนบัตรแบบหนึ่งชนิดราคา 5 บาท รุ่นสอง ประกาศออกใช้เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2449 ช่วงต้นรัชกาลที่ 6ได้แต่งตำรา"ทรัพย์สาตร์" (สะกดตามอักขรวิธีสมัยจัดพิมพ์ครั้งแรก ต่อมาสะกด "ทรัพยศาสตร์") ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของประเทศไทย เป็นองคมนตรีในรัชกาลที่ 7 เป็นรัฐมนตรีที่ปรึกษาอาวุโสของรัฐบาลในสมัยที่พระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ.2476 และถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2479
ห้องประวัติตึกสุริยานุวัตร จัดแสดงเรื่องราวประวัติในด้านต่างๆของอาคารสุริยานุวัตร ประวัติการจัดสร้าง การบูรณะและการเปลี่ยนแปลงการใช้สอยอาคารในยุคสมัยต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน
ห้องต่อไปคือ ห้องแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1 – 7 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นที่รุ้จักกันโดยทั่วไปว่า "สภาพัฒน์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยในระยะแรกใช้ชื่อว่า "สภาเศรษฐกิจแห่งชาติ" มีหน้าที่เสนอความเห็นและคำแนะนำ ตลอดจนข้อชี้แจงต่อรัฐบาลในเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศ ในห้องจัดแสดงนี้บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของหน่วยงาน กรอบความคิดในการวางแผน กระบวนการวางแผน และวิวัฒนาการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1-ฉบับที่ 7 จากนโยบายน้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี การกระจายความเจริญสู่ชนบท นอกจากนี้ยังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมุมมองของคนทำแผนฯ เช่น มุมมองของนายสุนทร หงส์ลดารมภ์ เลขาธิการฯผู้วางรากฐานการจัดทำแผนชาติ ไปจนถึงนายพิสิฐ ภัคเกษม เลขาธิการฯผู้จัดทำแผนฯ 7 เป็นต้น
ห้องที่ 4 คือ “ห้องแผนฯ 8-10” เล่าเรื่องวิวัฒนาการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 - ฉบับที่ 10 ปรัชญาและแนวคิดในการทำแผนฯ ก้าวสู่กระบวนทัศน์ใหม่ในการพัฒนาประเทศ ไปจนถึงการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน
ห้องถัดมา “ห้องเศรษฐกิจพอเพียง” นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง องค์ประกอบของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แนวทางการพัฒนาประเทศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการน้อมนำหลัก "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" มาปฏิบัติ
ห้อง Hall of fame นำเสนอเรื่องราวประวัติ และภาพถ่าย บุคคลสำคัญได้แก่ ผู้ก่อตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ผู้ริเริ่มการวางแผนพัฒนาประเทศ ประธานกรรมการฯ เลขาธิการฯ และผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตข้าราชการ สศช.ที่เข้าร่วมคณะรัฐมนตรี
ห้องสุดท้ายคือ "ห้องปัจจุบันของ สศช.และบริการข้อมูล" นำเสนอวิสัยทัศน์ สศช. บทบาทและภารกิจ ความหมายของตรา สศช. เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์เปิดในวันเวลาราชการ ผู้สนใจเข้าชมสามารถติดต่อได้ที่กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สศช. โทรศัพท์ 0-2280-4085
ข้อมูลจาก: http://www.nesdb.go.th/Default.aspx?tabid=319 [accessed 20081111]
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสื่อออนไลน์
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยบล็อก
แนะนำพิพิธภัณฑ์โดยสารานุกรมไทย
ประวัติศาสตร์ พระยาสุริยานุวัตร เศรษฐศาสตร์ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เศรษฐกิจ
พิพิธภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับ
จ. กรุงเทพมหานคร
พิพิธภัณฑ์นาฬิกาโบราณ
จ. กรุงเทพมหานคร
นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จ. กรุงเทพมหานคร