ข่าวสารพิพิธภัณฑ์

นิทรรศการ หลักธรรมยุคแรกของพระพุทธเจ้า

  นิทรรศการ เรื่อง หลักธรรมยุคแรกของพระพุทธเจ้าพบที่จังหวัดลพบุรี   นิทรรศการร่วมเฉลิมฉลองโอกาสพระพุทธเจ้าตรัสรู้ครบ ๒๖๐๐ ปี (สัมพุทธชยันตี) ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี วันที่ ๒  มิถุนายน – ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕   จัดโดย ชมรมอนุรักษ์โบราณวัตถุสถานและสิ่งแวดล้อม จังหวัดลพบุรี และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ กรมศิลปากร (หมายเหตุ :  พิพิธภัณฑ์เปิดวันพุธ-อาทิตย์ ๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. ติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ ๐๓๖ ๔๑๑๔๕๘)     เนื้อหาที่นำเสนอ   ๑.  ประวัติการสถาปนาพระพุทธศาสนาที่จังหวัดลพบุรี                 จากหลักฐานโบราณวัตถุสถานที่พบ เช่น ซากสถูปโบราณที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วัดนครโกษา(เมืองลพบุรี)ซากสถูปโบราณที่เมืองโบราณซับจำปา(อำเภอท่าหลวง)  เมืองพรหมทิน(อำเภอโคกสำโรง) และการค้นพบพุทธศิลปกรรมต่าง ๆ เช่น พระพุทธรูป พระพิมพ์ พระธรรมจักร ฯลฯ ตามที่ต่าง ๆ ที่จังหวัดลพบุรี ทำให้ทราบว่าการสถาปนาพุทธศาสนาเกิดขึ้นครั้งแรกในพื้นที่นี้อย่างน้อยเมื่อ ๑๕๐๐ ปีก่อน                 ชาวอินเดียและชาวมอญคงมีบทบาทสำคัญในการนำพระพุทธศาสนาเข้ามายังดินแดนแถบนี้   ๒. ความแพร่หลายของการนับถือพุทธศาสนา                 พบว่าชาวลพบุรีเมื่อประมาณ ๑๕๐๐ ปีก่อน ให้ความสำคัญกับเรื่องของแก่นแห่งพระพุทธศาสนาคือหลักธรรมสำคัญต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้ารวมทั้งความสำคัญในฐานะพระศาสดาของพระพุทธเจ้า  และมีการนับถือพุทธศาสนาทั้ง ๒ นิกายคือ เถรวาท(หินยาน) และอาจาริยวาท(มหายาน)   ๓.  หลักธรรมยุคแรกของพระพุทธเจ้าพบที่จังหวัดลพบุรี                 หลักฐานของหลักธรรมยุคแรกของพระพุทธเจ้าพบที่จังหวัดลพบุรีคือข้อความหลักธรรมที่เป็นแก่นแห่งคำสอนและคำอุทานต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้าซึ่งปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก ที่สำคัญคือ                                 หลักอริยสัจ                                 หลักปฏิจจสมุปบาท                                 การหมุนของพระธรรมจักร                                 ปฐมพุทธอุทาน                                 พุทธอุทาน                 หลักธรรมและพุทธอุทานของพระพุทธเจ้าที่พบดังกล่าวปรากฏอยู่บนแผ่นหิน เสาหิน พระพุทธรูป พระธรรมจักร พระพิมพ์ มีอายุประมาณ ๑๕๐๐-๑๓๐๐ ปีก่อนที่พบที่จังหวัดลพบุรี เป็นหลักฐานประเภทหลักธรรมและพุทธอุทานชุดที่เก่าที่สุดที่พบในประเทศไทยแห่งหนึ่งนอกเหนือจากที่พบหลักฐานเนื้อหาคล้าย ๆ กันนี้ที่เมืองโบราณยุคสมัยเดียวกันเช่นที่เมืองนครปฐม เมืองอู่ทอง เป็นต้น  แต่ที่จังหวัดลพบุรีพบเนื้อหาหลักธรรมและพุทธอุทานยุคแรกที่มีเนื้อหาหลากหลายกว่า   ๔.  เรื่องน่าสังเกต                 ชาวพุทธที่จังหวัดลพบุรีเมื่อประมาณ ๑๕๐๐ ก่อนให้ความสำคัญกับแก่นแห่งคำสอนของพระพุทธเจ้าคือหลักอริยสัจและหลักปฏิจจสมุปบาท ซึ่งเป็นหลักธรรมที่ชวนให้สมาชิกของสังคมปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพื่อให้เป็นสังคมที่น่าอยู่ และไม่เบียดเบียนกัน รวมทั้งชวนให้สมาชิกของสังคมแสวงหาทางพ้นทุกข์และนิพพาน                 นักบวชและชนชั้นปกครองคงเอาใจใส่ในการปลูกฝังอุดมการณ์ของชาวพุทธดังกล่าว จึงพบว่าจารึกความดังกล่าวจารึกด้วยตัวอักษรอินเดียที่งดงาม และจารึกบนวัตถุสำคัญ ๆ เช่น พระธรรมจักร พระพุทธรูป ซึ่งทำจากหินและทำขึ้นอย่างปราณีตที่ควรดำริให้สร้างขึ้นโดยชนชั้นปกครอง   (ที่มา นายภูธร ภูมะธน ชมรมอนุรักษ์โบราณวัตถุสถานและสิ่งแวดล้อม จังหวัดลพบุรี)

พิพิธภัณฑ์ภาพจิตรกรรม 3 มิติแห่งเดียวในไทยที่เมืองพัทยา

เมื่อเร็วๆนี้มีการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ศิลปะภาพจิตรกรรมสามมิติ (Art  in  paradise) ที่เมืองพัทยาขึ้นเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย โดยมีนายชิน แจยอล ชาวเกาหลี เป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งใหม่ของพัทยาและประเทศไทย โดยเปิดให้ผู้มีใจรักศิลปะ ประชาชนทั่วไป และเด็กนักเรียนได้เข้ามาชมความงามและร่วมถ่ายภาพศิลปะสามมิติที่เสมือนจริงและแปลกใหม่ ทำให้ผู้ชมกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะ หรือหลอมรวมเข้ากับภาพเขียนจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผลงานศิลปะเหล่านี้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีพื้นที่กว่า 5,800 ตารางเมตร ภายในแบ่งเป็นห้องแสดงงาน 10 ห้อง ได้ แก่ 1.ห้องลวงตา 2.ห้องใต้สมุทร 3.ห้องแห่ง สัตว์ป่า 4.ห้องภาพจิตรกรรมของศิลปินระดับ โลก 5.โถงอารยธรรม 6.ห้องศิลปะเหนือความจริง 7.ห้องไดโนเสาร์ 8.ห้องน้ำตกในซอกเขาอันสูงชัน 9.ห้องนิทรรศการศิลปะหมุนเวียน ซึ่งจะจัดแสดงงานศิลปะที่มีชื่อเสียงทั้งของศิลปินไทยและต่างประเทศ และ 10.ห้องวิวทิวทัศน์ที่แสนงดงาม นายชิน แจยอล กล่าวว่า การจัดแสดงนิทรรศการศิลปะนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมักจะประสบปัญหา ว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ผู้ชมทั่วๆไปเข้าใจและมีปฏิสัมพันธ์กับงานศิลปะ การชมงานศิลปะจึงเป็นเรื่องของผู้ชมเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในวงการศิลปะเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถชื่นชมศิลปะอย่างเพลิดเพลินใจได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดแนวคิดที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งความสนุกสนาน ผลงานศิลปะที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ นอกจากจะทำให้ทุกๆ คนสามารถเข้าใจงานศิลปะอย่างง่ายดายแล้ว ยังทำให้เพลิดเพลินกับงานศิลปะและสร้างความสนุกสนานกับทั้งครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย เพื่อนพ้องน้องพี่ และคู่รัก รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยอีกด้วย "ทุกๆ ห้องผู้ชมสามารถเข้าชมและสัมผัสกับศิลปะได้อย่างใกล้ชิด ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชมยังสามารถสร้างสรรค์และจินตนาการการจัดท่าทาง เพื่อถ่ายภาพกับงานศิลปะได้อิสรเสรีและแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร เหนือสิ่งอื่นใดคือภาพทุกภาพที่ถ่ายในพิพิธภัณฑ์ Art in Paradise นอกจากจะเป็นภาพที่แสนประทับใจแล้ว ยังเป็นภาพแห่งความทรงจำที่งดงามอีกด้วย" ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ศิลปะภาพจิตรกรรมสามมิติ เมืองพัทยา กล่าว. (ไทยโพสต์ วันที่ 30 พฤษภาคม 2555)  

นิทรรศการ และบรรยายพิเศษ เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เปิดนิทรรศการ และบรรยายพิเศษ เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ในวันที่ 30 พฤษภาคม ของทุกปีเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทย โดยในปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 30 พฤษภาคม 2555 ซึ่งพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดพิธีเปิดนิทรรศการถาวรที่ปรับปรุงใหม่ ณ อาคารพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานในพิธีเปิด ส่วนในช่วงบ่ายเวลา 13.00 — 15.00 น. มีการบรรยายพิเศษในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของพิพิธภัณฑ์ฯ เรื่อง “พระพุทธปฏิมาและศิลปกรรมอันเกี่ยวเนื่องในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” โดย ศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ชัย สายสิงห์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดีมหาวิทยาลัยศิลปากร และ เวลา 15.00 — 16.30 น. การบรรยาย เรื่อง “เหรียญที่ระลึกเนื่องงานเฉลิมพระนคร ๑๕๐ ปี พ.ศ.๒๔๗๕ ” โดย นายภุชงค์ จันทวิช อนุกรรมการอนุรักษ์และจัดหาโบราณวัตถุ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษ ได้ตั้งแต่เวลา 13.00 นาฬิกา เป็นต้นไป ณ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อาคารรำไพพรรณี ชั้น 6 (เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ) สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณวรรัตน์ ชัยชนะ และคุณต้น เขียวแพรศูนย์ประชาสัมพันธ์ สถาบันพระปกเกล้า หมายเลขโทรศัพท์ (02) 141-9511-12 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สถาบันพระปกเกล้า โทรศัพท์ 0-2141-9511-12 โทรสาร 0-2143-8171 email : worarat@kpi.ac.th, ton@kpi.ac.th (ThaiPR.net วันที่ 21 พฤษภาคม 2555)  

ขอเชิญชมนิทรรศการ ศิลปะยิ้ม

  ชื่อนิทรรศการ ศิลปะยิ้ม (Smiling Art) ศิลปิน ศุภเดช มหามาตร วันเวลาจัดแสดง เปิดงาน 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 14.00 น. จัดแสดงทุกวันไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลา 9.00-16.00 น. สถานที่ พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 แนวความคิดทั่วไป ศิลปินมีความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดความรู้สึกเชิงบวกในเรื่องมุมมองของความสุข จะเห็นได้จากผลงานที่ผ่านมาชุด ความสุขที่หาได้ง่ายๆ (A Simple Happiness) และ โลกที่ฉันรัก (The World I Love) ที่ต้องการสะท้อนถึงวิธีที่ได้มาซึ่งความสุขแบบเล็กๆ ง่ายๆ แต่บ่อยครั้งจากคนรัก ครอบครัว การท่องเที่ยว การทำงาน และการใช้ชีวิต เพียงปรับความคิด และมุมมองต่อการมองสิ่งต่างๆ รอบตัวเพียงเล็กน้อย แนวความคิดสำหรับผลงานชุดนี้ เป็นการเสนอมุมมองที่น่ารัก มีเสน่ห์ น่าสนใจ น่าค้นหาของเด็กไทย จากการที่ได้เล่น เฝ้าสังเกต เด็กเป็นวัยที่มีพลังมากมายภายใต้ข้อจำกัดของร่างกายเล็กๆ การเล่นกับพวกเขาช่วยเติมเต็มสิ่งที่หลงลืมและขาดหายไป เมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่ ศิลปินต้องการเป็นตัวแทนของเด็กๆ ผสมผสานกับความเป็นไทยในการเพิ่ม ลด ตัดทอนเรื่องราว เพิ่มสีสันและความหมาย บนความลงตัวและพอดี และส่งผ่านให้ผลงานเป็นผู้ถ่ายทอด ให้รับรู้และสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มและความสุขที่มีมากมายในเด็ก เล่น ยิ้ม หัวเราะ สนุก มีความสุข (ThaiPR.net วันที่ 21 พฤษภาคม 2555) คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม  

วัดบางพลีน้อยวางศิลาฤกษ์พิพิธภัณฑ์ฯ

วัดบางพลีน้อย ตั้งอยู่หมู่ ๑ ต.บางพลีน้อย  อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดย ชาวบางพลีน้อยยังได้นำวัตถุที่มีค่าในสมัยโบราณต่างๆ  นำมาบริจาคและรวบรวมไว้ที่วัดบางพลีน้อย ซึ่งได้จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์  รวบรวมจัดเก็บวัตถุโบราณพระพุทธรูปในสมัยต่างๆ  สมุดข่อย หนังสือโบราณ ซึ่งอยู่ในความดูแลของสภาวัฒนธรรมตำบล และสภาวัฒนธรรมอำเภอบางบ่อ ร่วมกันจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นใน พ.ศ. 2542 โบราณวัตถุต่างๆ ล้วนแต่เป็นของเก่าแก่ที่หลวงพ่ออนันต์ ท่านเก็บสะสมสืบทอดต่อกันมาเป็นระยะเวลานาน ของแต่ละชิ้นถือได้ว่ามีอายุเก่าแก่มาก เนื่องจากความชื่นชอบดั้งเดิมของท่าน และที่สำคัญของแต่ละชิ้นหลวงพ่ออนันต์จะถูกซ่อมแซมให้มีสภาพคงเดิมที่สามารถใช้การได้ โบราณวัตถุ เช่น 1.ตะเกียงเจ้าพายุ ประกอบไปด้วยตะเกียงรุ่นต่างๆ ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง 2.นาฬิกาโบราณ ประกอบด้วย นาฬิกาเก่าแก่ที่มีอายุการใช้งานมานานแล้ว ซึ่งนาฬิกาบางเรือนเจ้าอาวาสซื้อมาเพื่อปรับปรุงให้มีสภาพใช้งานได้ และบางเรือนชาวบ้านที่มีจิตเมตตาร่วมกัน บริจาคให้แก่วัด เพื่อให้วัดเก็บรักษาไว้ 3.พระพุทธรูป ประกอบด้วย หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อฉิม (หลวงพ่อครูประโสติสารคุณ) พระพุทธรูปปางไสยาสน์ หลวงพ่อพระครูแถบ ติกเขยโย 4.บาตรพระ เป็นบาตรที่มีอายุเก่าแก่ ซึ่งมีแค่ 3 ลูกเท่านั้น ที่มีประวัติยาวนาน          อย่างไรก็ตามเพื่อให้การจัดแสดงโบราณวัตถุเป็นสัดส่วน และง่ายต่อการเข้าชม คณะกรรมการวัดจึงมีโครงการจัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์เป็นรูปพญาวานร เพื่อนำโบราณวัตถุมาจัดแสดง รวมทั้งนิทรรศการเรื่องราวเกี่ยวกับพญาวานร หรือลิง สายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับวัตถุมงคลของวัดที่จัดสร้างมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีกำหนดงานวางศิลาฤกษ์ในวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2555 เวลา 08.09 น. เริ่มบวงสรวง เวลา 10.09 ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์พิพิธภัณฑ์ โดยมีคุณชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานในพิธี และขอเชิญร่วมสั่งจองเหรียญเสมาฉลุ หลวงพ่ออนันต์ รุ่นแรก รุ่นมหามงคล 58 ปลุกเสกไตรมาส สอบถาม 0-2337-6465 และ 08-0098-8088 (คมชัดลึก วันที่ 21 พฤษภาคม 2555)

"ลูกฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก" พิพิธภัณฑ์ในสก๊อตแลนด์

ประวัติศาสตร์ของกีฬาฟุตบอลนั้นเริ่มต้นขึ้นที่แฮมป์เดน สก๊อตแลนด์ ด้วยเหตุนี้ ชาวสก๊อตจึงกำลังจะได้รับโอกาสสุดพิเศษ ในการได้สัมผัสกับลูกฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างใกล้ชิด   ลูกบอลดังกล่าวถูกผลิตขึ้นจากหนังวัวและกระเพาะปัสสาวะหมู มันถูกพบหลังไม้บุฝาผนังในห้องบรรทมของสมเด็จพระราชินีในปราสาทสเตอร์ลิง ซึ่งถูกตกแต่งในช่วงทศวรรษ 1540 อย่างไรก็ตาม มีการประเมินว่าลูกบอลลูกนี้อาจมีอายุเก่าแก่ยิ่งกว่านั้น   "มีลูกฟุตบอลจำนวนสี่ลูกถูกสั่งซื้อเข้ามาในปราสาทแห่งนี้โดยพระเจ้าเจมส์ที่ 4 ในช่วงทศวรรษ 1490" ไมเคิล แม็คกินเนส ผู้จัดการฝ่ายโบราณวัตถุแห่งพิพิธภัณฑ์สมิธ ในเมืองสเตอร์ลิง ระบุ และว่า "ดังนั้น นี่อาจเป็นหนึ่งในสี่ของลูกฟุตบอลเหล่านั้น ซึ่งตกทอดมาจากช่วงเวลาอันยาวนาน นอกจากนั้น มันเคยถูกนำไปถวายเป็นของเล่นให้แด่สมเด็จพระราชินีแมรี่แห่งสก๊อต ในช่วงที่ยังทรงพระเยาว์"    นักประวัติศาสตร์ต่างรับทราบว่า พระราชินีแมรี่แห่งสก๊อตในวัยเด็กนั้น เล่นกีฬาฟุตบอลกับกอล์ฟ จากบันทึกประจำวันของพระองค์ และแม็คกินเนสก็ชี้ว่า สถานที่ที่ลูกฟุตบอลลูกนี้ถูกพบนั้น มีความเชื่อมโยงกับประเด็นดังกล่าว   ด้วยเหตุนี้ ลูกฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จึงเป็นโบราณวัตถุล้ำค่าที่ถูกเก็บรักษาอย่างดีโดยพิพิธภัณฑ์สมิธ ด้วยการถูกตั้งโชว์ในตู้กระจกที่มีระบบล็อคอย่างแน่นหนา   อย่างไรก็ตาม ช่วงสุดสัปดาห์นี้ เหล่าแฟนบอลจะได้รับโอกาสให้ได้สัมผัสและโพสท่าถ่ายรูปกับลูกฟุตบอลลูกนี้ ซึ่งถึงแม้ทางพิพิธภัณฑ์จะยอมรับว่า การเปิดโอกาสเช่นนั้นจะนำมาสู่ความเสี่ยง แต่แม็คกินเนสก็บอกว่า "สรรพสิ่งล้วนแต่มีความเสี่ยงในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น"   "ลูกบอลลูกนี้ยังมีสภาพแข็งแรงดี ดังนั้น ตราบใดที่คุณสัมผัสมันอย่างปกติผ่านถุงมือ นั่นก็จะช่วยลดทอนความเสี่ยงลงไปได้" ผู้จัดการฝ่ายโบราณวัตถุ ชี้แจง   ทั้งนี้ ใครก็ตามที่ต้องการสัมผัสลูกฟุตบอลประวัติศาสตร์ลูกนี้ จะต้องแตะต้องมันบนโต๊ะกันกระแทก และพวกเขาไม่สามารถที่จะโหม่ง, เตะ หรือ เดาะมันได้เหมือนที่ทำกับลูกฟุตบอลปกติทั่วไป   ลูกฟุตบอลที่มีอายุเกินกว่า 5 ศตวรรษลูกนี้ มีน้ำหนักเบาและเล็กกว่าลูกฟุตบอลสมัยใหม่ ใครที่ได้สัมผัสมันคงจะอดนึกถึงผู้คนที่เคยเล่นฟุตบอลลูกนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อนไม่ได้   และนั่นคือประเด็นสำคัญที่พิพิธภัณฑ์สมิธเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับโบราณวัตถุดังกล่าว   "โบราณวัตถุต่างๆ จะพูดคุยกับคุณ และหากผู้คนสามารถสัมผัสกับวัตถุเหล่านี้ เพียงแค่ครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขา พวกเขาก็จะจดจำสิ่งของนั้นๆ ไปตราบจนวาระสุดท้ายในชีวิต"   (บีบีซี) (มติชนออนไลน์ วันที่ 19 พฤษภาคม 2555)  

งานครบรอบ ๑๒ ปี พิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุกรมประชาสัมพันธ์

เตรียมพบกับงานครบรอบ ๑๒ ปี พิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุกรมประชาสัมพันธ์ (๒๕๔๓ - ๒๕๕๕) ในวันอังคารที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ ห้องประชุม ๑ อาคารหอจดหมายเหตุกรมประชาสัมพันธ์ งานนี้ผู้ที่จะขึ้นเวทีเสวนาแบบเนื้อหาเข้มเต็มข้อมูล คือ ท่านอาจารย์กรรณิกา ชีวภักดี ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุกรมประชาสัมพันธ์เป็นผู้ดำเนินรายการ นายชูศักดิ์ วรพิทักษ์ ที่ปรึกษาพิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุกรมประชาสัมพันธ์ ท่านอาจารย์เอนก นาวิกมูล (บิดาแห่งวงการเพลงพื้นบ้านของประเทศไทย) ท่านอาจารย์โดม สุขวงศ์ (บิดาแห่งการอนุรักษ์ฟิล์มภาพยนตร์ของประเทศไทย) และผู้บุกเบิกงานอนุรักษ์ด้านเสียงของชาติที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=349219238477906&set=a.103840809682418.6548.100001694983517&type=1

เชิญชมนิทรรศการ Please Mind The Gap โปรดระวังห้องว่างระหว่างเรา

นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือ มิวเซียมสยาม เปิดนิทรรศการ Please MIND THE GAP “โปรดระวังห้องว่างระหว่างเรา” ผลงานของกลุ่มนักศึกษาสุดยอดนักคิดที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจาก Young Muse Project โครงการปั้นนักพิพิธภัณฑ์สายพันธุ์สยาม ครั้งที่ 2โดยได้รับเกียรติจาก คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา กวีซีไรท์และ คุณวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักพัฒนาสังคมรุ่นใหม่ ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องความแตกต่างและช่องว่างระหว่างรุ่นก่อนกับรุ่นใหม่ Please MIND THE GAP “โปรดระวังห้องว่างระหว่างเรา” คือนิทรรศการที่ชักชวนให้ผู้ชมร่วมค้นหา “ตัวตน” ของคน 3 ยุค ได้แก่ ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุค 60s และยุคปัจจุบัน ที่มีความแตกต่างกันทั้งความคิดและพฤติกรรม ซึ่งสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของแต่ละยุคสมัย เพื่อให้รุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ในครอบครัวยุคปัจจุบัน เข้าใจถึงความเป็นตัวตนของกันและกันมากขึ้น นิทรรศการนำเสนอผ่าน “ห้องนอนและห้องน้ำ” ของคน 3 ยุค โดยกระตุ้นให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในยุคนั้นด้วยสิ่งของเครื่องใช้ แสง และเสียงประกอบเสมือนจริง สรุปคำตอบเรื่องความแตกต่างด้วย “ภาพยนตร์สั้น” ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณวิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล นักร้องและนักแสดง รับบทเป็นลูกชายในแต่ละยุคสมัย เนื้อเรื่องเล่าถึงวิถีการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติตนต่อกันระหว่างพ่อกับลูก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย เข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันที่ 17 — 31 พฤษภาคม 2555 เวลา 10.00 — 18.00 น. ที่มิวเซียมสยาม ท่าเตียน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. 02-2252777 ต่อ 411 หรือ www.facebook.com/museumsiamfan และ www.museumsiam.com  (ThaiPR.net วันที่ 10 พฤษภาคม 2555)  

อบจ.ตรังนำเงินรางวัล 5 ล้านสร้างพิพิธภัณฑ์เรือพระ

นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง กล่าวว่า ทาง อบจ.จะนำเงินที่ได้จากรางวัลที่ 2 ด้านองค์กรที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปีงบประมาณ 2554 จำนวน 5 ล้านบาท ไปจัดสร้างพิพิธภัณฑ์เรือพระ เพื่อให้ลูกหลานชนรุ่นหลังไว้ใช้ในการศึกษา หลังจากที่ทาง อบจ.ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณแก่ชาวบ้านเพื่อร่วมกันตกแต่งเรือพระ นับตั้งแต่เมื่อปี 2544 หรือเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ก่อนจะลากจูงมาประกวด ณ ลานบริเวณสนามกีฬาเทศบาลนครตรัง 2 ทุ่งแจ้ง หลังวันออกพรรษา ทั้งนี้ ปรากฏว่า ได้รับความสนใจจากวัดต่างๆ ในจังหวัดตรัง ส่งเรือเข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมากปีละ 50-60 ลำ และชาวบ้านเดินทางมาชมเรือพระปีละหลายหมื่นคน โดยบางลำใช้เวลาในการตกแต่งยาวนานนับหลายเดือน และมีความสวยสดงดงามตระการตาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยคุณค่าของประเพณีวัฒนธรรมแบบชาวปักษ์ใต้ดั้งเดิม แต่น่าเสียดายที่เรือพระบางลำต้องถุกทำลายทิ้งไป หรือต้องปล่อยไว้ให้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และกว่าจะหาชมได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อถึงคราวจัดงานในปีต่อไป         ทาง อบจ.ตรัง จึงเห็นควรนำเงินที่ได้จากรางวัล จำนวน 5 ล้านบาท มาเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างพิพิธภัณฑ์เรือพระ และสมทบกับงบประมาณที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว จำนวน 15 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้หนทางในการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมแบบชาวปักษ์ใต้ สามารถสืบทอดต่อเนื่องกันไปได้อีกยาวนาน โดยการคัดเลือกเรือพระลำเด่นๆ ที่มีความสมบูรณ์ คงทนแข็งแรง และสวยงาม มาเก็บเอาไว้ในตัวอาคาร ให้ได้ปีละประมาณ 3 ลำ แต่คาดว่า คงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี กว่าจะเก็บเรือพระได้ตามเป้าหมาย   นอกจากนั้น ยังจะมีการจัดเจ้าหน้าที่มาอยู่ประจำพิพิธภัณฑ์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการตกแต่งเรือพระ และให้ข้อมูลถึงประเพณีลากพระ ถือเป็นของดีที่จังหวัดตรังมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดเข้ามาชมได้ตลอดทั้งปี แทนที่จะต้องเดินทางมาเฉพาะหลังวันออกพรรษาเท่านั้น โดยเบื้องต้น จะขอสร้างพิพิธภัณฑ์ใกล้กับสนามกีฬาเทศบาลนครตรัง 2 ทุ่งแจ้ง ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับที่จะสร้างลานพุทธมณฑล ในเนื้อที่ 40 ไร่ แต่ขณะนี้กำลังรอการอนุมัติให้ใช้พื้นที่จากทางจังหวัด (ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 9 พฤษภาคม 2555)