เปิด “บ้านศาลาดิน” เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน
มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลมหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เปิด “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ บ้านศาลาดิน จ.นครปฐม” เมื่อวันที่ 9 พ.ย.56 เพื่อเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้จากความสำเร็จของการจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ โดยมีส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ร่วมงาน
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ แจงแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชนนั้นเป็นผลจากการเรียนรู้ของชุมชนที่เข้าใจว่า ดิน น้ำ ลม ไฟ นั้นเป็นสมบัติของชุมชนที่ต้องบริหารจัดการ โดยมีการบริหารจัดการตามแนวพระราชดำริ และเรียนรู้แก้ปัญหาด้วยตนเอง เช่น หากคลองตันจะทำอย่างไร หากน้ำท่วมนาจะทำอย่างไร สูบน้ำออกหรือเปลี่ยนไปทำนาบัว เป็นต้น
“เมื่อจัดการน้ำ ดินได้ก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด คุณภาพชีวิตประชาชนก็จะดีขึ้น ความสงบสุขก็เกิด การจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เพราะอยากให้เกิดการเรียนรู้ ให้ชุมชนสอนกันเอง แล้วเขาจะเชื่อกันมากกว่าจะให้หน่วยราชการมาสอน จากนั้นผลักดันให้เกิดเครือข่ายการเรียนรู้ และนำไปสู่การกระทำ สุดท้ายปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งก็ทุเลา” ดร.สุเมธกล่าว
ประธานกรรมการมูลนิธิอุทกพัฒน์กล่าวอีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 6 แห่งทั่วประเทศ ที่แสดงการบริหารจัดการดิน น้ำ ลม ไฟ ส่วนที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชนก็มีการเดินตามแนวพระราชดำริ โดยลักษณะของพิพิธภัณฑ์ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้าง แต่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา มีการเปลี่ยนแปลงทั้งคนและสภาพแวดล้อมไปสู่ความยั่งยืน มั่นคง และสมดุล และมียังชาวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชม
สำหรับประวัติของชุมชนบ้านศาลาดินนั้น เดิมชุมชนมีอาชีพทำนาเพียงปีละครั้ง ทำให้เกษตรกรยากจนและต้องขายที่ทำกินของตัวเอง เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบปัญหาจึงได้พระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ให้แก่เกษตรกรจำนวน 1,009 เมื่อปี 2518 โดยมีสำนักงานปฏิรูปที่ดินเป็นผู้ดูแลและจัดรูปที่ดินให้เกษตรกรแปลงละ 20 ไร่ และเริ่มเข้าทำกินได้ตั้งแต่ปี 2520
ด้าน ดร.รอยล จิตรดอน เลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ให้สัมภาษณ์แก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ฯ ว่า ชาวชุมชนศาลาดินได้น้อมนำแนวพระราชดำริมาเป็น “กรอบคิด” ในการแก้ปัญหาด้วยการพึ่งพาตนเอง ใช้ธรรมชาติแก้ธรรมชาต คำนึงถึงความเหมาะสมของพื้นที่ และทำเป็น “กรอบงาน” ที่มีกระบวนการชัดเจน ด้วยการเก็บข้อมูลและสรุปปัญหาที่แท้จริง โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เช่น แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียม ระบบพิกัดดาวเทียม (จีพีเอส) วางแผนงานแนวคิดที่เชื่อมโยงกับพื้นที่จริง ใช้ทฤษฎีใหม่สร้างรายได้อย่างยั่งยืน แล้วขยายผลไปสู่พื้นที่อื่น จนเกิดเครือข่ายการทำงานร่วมกัน
“การที่พิพิธภัณฑ์ฯ มาเปิดที่นครปฐมนั้น เนื่องจากชาวบ้านที่ชุมชนได้ดำเนินการมาแล้วอย่างชัดเจน และสามารถเป็นแบบอย่างในการพัฒนาได้ ทางมูลนิธิฯ จึงได้มาช่วยเหลือด้านศักยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น แผนที่และจีพีเอส เป็นต้น ชุมชนบ้านศาลาดินเคยประสบปัญหาน้ำเน่าเสียจากสารเคมี การทิ้งขยะและน้ำเสียจากครัวเรือนสู่ลำคลอง และมีปัญหาน้ำท่วมที่มีระยะเวลานานขึ้น การฟื้นฟูคลองมหาสวัสดิ์ ชาวบ้านได้ร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพลำคลอง เช่น ตรวจวัดคุณภาพน้ำ ติดตั้งถังดักไขมัน ใช้จุลินทรีย์ปรับสภาพน้ำ พัฒนากังหันน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ จนปัจจุบันเรือสามารถสัญจรได้โดยสะดวก และจำนวนสัตว์เพิ่มขึ้น” ดร.รอยลกล่าว
บ้านศาลาดินเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริแห่งที่ 2 ตามที่มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ เปิดให้เป็นแหล่งแหล่งถ่ายทอดความรู้จากความสำเร็จของการจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดให้ วังบัวแดง จ.หนองคาย เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริด้วยเช่นกัน
ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 10 ธันวาคม 2556