ข่าวสารพิพิธภัณฑ์

เชียงใหม่จัดกอล์ฟการกุศลระดมทุนบูรณะ “พิพิธภัณฑ์หมอเจ้าฟ้า”

เชียงใหม่จัดแข่งขันกอล์ฟการกุศล “โครงการพิพิธภัณฑ์หมอเจ้าฟ้า” ระดมทุนอนุรักษ์และบูรณะบ้านประวัติศาสตร์ที่ประทับของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (หมอเจ้าฟ้า) ในสมัยที่เสด็จมาเป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค         ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประดิษฐ์ เถกิงรังสฤษฏ์ หัวหน้าโครงการพิพิธภัณฑ์หมอเจ้าฟ้า มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานจัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศล “โครงการพิพิธภัณฑ์หมอเจ้าฟ้า” เปิดเผยว่า ทางโครงการกำหนดที่จัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศลรายการดังกล่าวขึ้นในวันที่ 3 มี.ค. 56 ที่สนามเดอะรอยัล เชียงใหม่ กอล์ฟแอนด์รีสอร์ท ในรูปแบบ Shot Gun Start จำนวน 2 รอบ โดยรอบเช้าเริ่มการแข่งขันเวลา 06.30 น. และรอบบ่ายเริ่ม 12.30 น.         ทั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อฉลองครบรอบ 120 ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (หมอเจ้าฟ้า) ในปี 2555 ฉลองครอบรอบ 180 ปี ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ ในปี 2556 เพื่อรณรงค์หาทุนในการอนุรักษ์และบูรณะ “พิพิธภัณฑ์หมอเจ้าฟ้า” และเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและสำนึกในคุณูปการที่พระองค์ทรงมีต่อการแพทย์และการสาธารณสุขสมัยใหม่ของประเทศไทย         “การจัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศลในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเพื่อระดมทุนในการอนุรักษ์บ้านประวัติศาสตร์ของนายแพทย์เอ็ดวิน ซี คอร์ท ที่ตั้งอยู่บนที่ดินตรงข้ามโรงพยาบาลแมคคอร์มิค ในปัจจุบัน ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (หมอเจ้าฟ้า) ในสมัยที่เสด็จมาเป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เมื่อปี พ.ศ. 2472 โดยการอนุรักษ์และบูรณะจะใช้งบประมาณ 6 ล้านบาท และจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2557” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประดิษฐ์กล่าว   ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556

โปรแกรมฉายภาพยนตร์ ก.พ. 56

โปรแกรมฉายภาพยนตร์เดือนกุมภาพันธ์ 2556 ณ โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)   จันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ เวลา 17.30 น. นางอาย (โปรแกรมรักข้ามรุ่น) 2533 / กำกับโดย สักกะ จารุจินดา / บริษัทไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด อภิรดีหรือนาง หญิงสาวแก่นแก้ว ถูกส่งตัวมาเรียนที่โรงเรียนคอนแวนต์แห่งหนึ่ง ในโรงเรียนใหม่แห่งนี้เธอต้องพบเพื่อนใหม่ที่มีทั้งเป็นมิตร และไม่เป็นมิตร รวมทั้งการเข้มงวดของบรรดาเหล่าซิสเตอร์ นอกจากนี้ เธอยังได้ พบรักกับธนาธิป กงสุลหนุ่มหล่อ ซึ่งดันเป็นพี่ชายของหนึ่งในคู่ปรับของเธอ ขณะเดียวกันเพื่อนสนิทของเธอก็ใจให้กับชายหนุ่มคนเดียวกัน   อังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ เวลา 17.30 น. ทางโค้ง (โปรแกรมรักข้ามรุ่น) 2518/ กำกับโดย ชนะ คราประยูร / สร้างโดย บริษัทนครพิงค์ โปรดักชั่น จำกัด ความบาดหมางระหว่างพ่อและลูกชายกลายเป็นปมให้ วัน เด็กหนุ่มเลือดร้อนเกลียดนายวิศวัตรผู้เป็นบิดา มาตั้งแต่เขายังจำความได้ ความเข้มงวดเจ้าระเบียบของวิศวัตรรังแต่จะทำให้วันต่อต้านเขามากขึ้น ดีที่ได้คุณครูแสงอุษาอาจารย์ประจำชั้นคอยปลอบประโลมช่วยเหลือให้เขายังมีกำลังใจกลับมาเป็นเด็กดี จนวันรู้สึกตกหลุมรักอาจารย์แสงอุษาเข้าโดยไม่รู้ตัว         พุธที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลา 17.30 น. First Love (Hatsu-koi) (โปรแกรมภาพยนตร์โลก) 2543 / กำกับโดย Tetsuo Shinohara / สนับสนุนโดยมูลนิธิญี่ปุ่น (ภาษาญี่ปุ่น คำบรรยายไทย) เรื่องราวของซาโตกะ ไอดะ นักเรียนไฮสคูล วัย 17 ปี เมื่อแม่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็ง ทำให้ความสัมพันธ์ในบ้านยิ่งแย่ลง วันหนึ่งเธอได้พบจดหมายที่แม่ของเธอเขียนเรื่องราวรักครั้งแรกเอาไว้แต่ยังไม่ได้ถูกส่ง เพื่อเติมเต็มความต้องการของแม่ เธอจึงออกตามหารักครั้งแรกนี้ด้วยตนเอง ดูรายละเอียดโปรแกรมอื่นๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.494412653942273.134899.110731632310379&type=1  

เรียนรู้อาเซียนผ่านวัฒนธรรมดอกไม้

 “พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้” กลายเป็นลานกิจกรรมของเด็กๆ ไปโดยปริยาย เนื่องด้วยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แทรกตัวอยู่กลางชุมชน ประชาชนในย่านนี้จึงรู้จักที่นี่กันแทบทุกคน และเมื่อผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ฯ มีแนวคิดอยากจะจัดกิจกรรม การเรียนรู้อาเซียนผ่านวัฒนธรรมดอกไม้ ให้แก่เยาวชน จึงได้รับการตอบรับจากผู้ปกครองและน้องๆ เป็นอย่างดี   สกุล อินทกุล คือผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ฯ คนที่ว่า ทั้งยังเป็นศิลปินนักจัดดอกไม้ที่มีฝีมือโด่งดังไปไกลระดับโลก เขาเล่าย้อนถึงต้นกำเนิดของพิพิธภัณฑ์วัฒธรรมดอกไม้แห่งแรกและแห่งเดียวในโลกว่า จุดเริ่มต้นนั้นมาจากการที่ได้ลงมือทำหนังสือดอกไม้ไทยออกมา เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่พระองค์เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 77 พรรษา ซึ่งครั้งนั้นก็ทำให้มีข้อมูล เรื่องราว รูปภาพ และข้าวของที่เกี่ยวกับงานวัฒนธรรมดอกไม้ที่ได้สืบค้นมาอยู่ในมือมากมาย จึงเกิดไอเดียว่า อยากจะทำให้สิ่งของเหล่านี้มาถ่ายทอดความรู้ไปสู่คนในชุมชนของตนเอง   และเนื่องด้วยคำว่า 'วัฒนธรรมดอกไม้' หมายถึง การใช้ดอกไม้ในวิถีชีวิตของผู้คน ในแต่ละจังหวะของชีวิตที่คนเราจะมีการใช้ดอกไม้ที่แตกต่างกันไป มีการบูชา การไหว้ การใช้ตั้งแต่เกิดจนตาย เช่น งานแต่งงาน งานบวช งานศพ จึงเป็นที่มาที่ทำให้ศิลปินคนนี้อยากผูกโยงเรื่องการใช้ดอกไม้ของไทยไปสู่ดอกไม้ของชาติสมาชิกอื่นๆ ในอาเซียนบ้าง โดยเริ่มจากการเรียนรู้ดอกไม้ประจำชาติ ได้แก่ ดอกซิมปอร์ บรูไน, ดอกลำดวน กัมพูชา, ดอกกล้วยไม้ราตรี อินโดนีเซีย, ดอกจำปาลาว สปป.ลาว, ดอกพู่ระหง มาเลเซีย, ดอกพุดแก้ว ฟิลิปปินส์, ดอกกล้วยไม้แวนด้า สิงคโปร์, ดอกราชพฤกษ์(ดอกคูน) ไทย, ดอกบัว เวียดนาม และ ดอกประดู่ พม่า   "ดอกไม้มันเป็นเรื่องที่ทุกคนชอบอยู่แล้ว เห็นแล้วมันชื่นใจ ที่นี่จะมีอยู่ห้องหนึ่งเรียกว่าโลกแห่งวัฒนธรรมดอกไม้ เราจัดแสดงวัฒนธรรมดอกไม้ของหลายประเทศในอาเซียน มีลาว มาเลเซีย กัมพูชา หรือแม้แต่จีนกับอินเดียก็มี เพราะอาเซียนเองก็มีวัฒนธรรมที่มาจากอินเดียหรือจีน เพราะฉะนั้นมันก็กลายเป็นเรื่องราวที่ผูกร้อยเอาคนในอาเซียนไว้ทั้งหมดด้วยดอกไม้เหล่านี้" ส่วนเด็กๆ ที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ สกุลบอกว่า อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็จะเกิดจุดประกายว่า ตอนนี้ต้องตระหนักเรื่องอาเซียน ได้เริ่มเรียนรู้ง่ายๆ จากดอกไม้ประจำชาติของแต่ละประเทศก่อน จากนั้นเขาจะสามารถไปเรียนรู้ในแง่มุมอื่นจากแหล่งอื่นๆ ต่อไป ที่สำคัญเด็กๆ จะได้รับรู้ว่าแม้จะอยู่ในชุมชนเล็กๆ แต่ก็มีสถานที่แห่งนี้ที่พวกเขาสามารถมาเรียนรู้และทำกิจกรรมร่วมกันได้   สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้อาเซียนผ่านวัฒนธรรมดอกไม้ (สำหรับเด็กอายุ 7 - 14 ปี) ได้ทุกวันเสาร์ต้นเดือนของทุกเดือน สมัครได้ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ สามเสน28 ซอยองครักษ์13 เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เปิดวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น. โทร 0 2669 3633- 4   กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2556

เปิดแล้ว!! “หอประวัติศาสตร์สุขภาพ” แหล่งเรียนรู้ร่องรอยระบบสุขภาพไทย อันทรงคุณค่า

นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการบริหารหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย กล่าวว่า หอประวัติศาสตร์สุขภาพแห่งนี้ นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์สุขภาพครั้งแรกของเมืองไทย ซึ่งทีมงานที่เกี่ยวข้องได้ทำงานค้นคว้ากันอย่างเข้มข้นเพื่อทบทวนเรื่องราว รวบรวมข้าวของชิ้นสำคัญๆ และประมวลทุกอย่างที่คัดสรร ภายใต้แนวคิด “๑๐๐ บุคคล ร้อยความคิด ร้อยสิ่งประดิษฐ์ ร้อยเรื่องราว” จนพัฒนามาเป็นการนำเสนอและสะท้อนคุณค่าผ่านการจัดแสดงเป็นโซนต่างๆ ที่เชื่อมร้อยทั้งข้อมูล ความรู้ และแรงบันดาลใจ เพื่อส่งต่อให้ผู้ที่เข้าชมหอประวัติศาสตร์แห่งนี้ ได้เห็นถึงความทรงจำทางสังคมเกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ผ่านห้วงเวลาต่างๆ สะท้อนให้เห็นการเรียนรู้และการใช้ภูมิปัญญาที่แตกต่างไปตามบริบททางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งเรื่องราวที่นำมาจัดแสดงทั้งหมดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “หอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย” ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่รอการจัดแสดงในโอกาสต่อไป   ภาพจาก เฟซบุ๊คของหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย หลังจากมีพิธีเปิดหอประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 12 ก.พ.นี้ ท่านที่สนใจสามารถเข้าชมและร่วมเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ในหอประวัติศาสตร์สุขภาพได้ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น. บริเวณชั้น 1 อาคารสุขภาพแห่งชาติ โดยไม่เสียค่าบริการ สำหรับผู้ที่สนใจและกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น บุคลากรทางด้านสาธารณสุข นักศึกษา ฯลฯ สามารถติดต่อขอเข้าชมเป็นหมู่คณะได้ตามวันและเวลาดังกล่าว ส่วนกิจกรรมอื่นๆ คาดว่าจะจัดกิจกรรมเชิงรุกกับสถาบันการศึกษาทุกๆ 2-3 เดือน สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์และเฟซบุ๊คของหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย www.nham.or.th www.facebook.com/nham.thailand อ่านข่าวเพิ่มเติม http://www.ryt9.com/s/prg/1589220      

16 ก.พ.นี้ เชิญร่วมงานตลาดนัดศิลปวัฒนธรรมฯ ครั้งที่ 4

ตลาดนัดศิลปวัฒนธรรมและเวทีสาธารณะชุมชน ครั้งที่ 4 ตอน อัตลักษณ์ของชาวไทยเบิ้ง วันที่  16 กุมภาพันธ์ 2556 ณ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยเบิ้งโคกสลุง   ภาพจาก ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย   วัตถุประสงค์ เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้เด็กเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมตามโครงการได้เอาสิ่งที่เรียนรู้มาแลกเปลี่ยนกันเอาของดีของชุมชนที่ได้ฝึก มาอวด มาแสดงผลงานในรูปแบบนิทรรศการ การสาธิตและการแสดง  จัดเวทีเสวนาพูดจาภาษาไทยเบิ้ง  “เรื่องอัตลักษณ์ของชาวไทยเบิ้ง”   สื่อศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์/ของดีในชุมชน ที่ใช้ในการสร้างการเปลี่ยนแปลง การละเล่นพื้นบ้าน  อาหารพื้นบ้าน  ความเชื่อ  ภูมิปัญญาพื้นบ้าน คลิกดูรายละเอียดและกำหนดการ

งาน "พิพิธภัณฑ์ทันสมัย และ แสงไฟสยามราตรี ปีที่ 4"

กลุ่มเมืองโบราณ จัดงาน “พิพิธภัณฑ์ทันสมัย และแสงไฟสยามราตรี ปีที่ 4” ให้กับผู้ที่สนใจทุกท่านไปแวะชม เริ่มจัดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 17.00-21.00 น. เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 9 ก.พ.-วันเสาร์ที่ 30 มี.ค.56 ซึ่งเป็นกิจกรรมพิเศษหนึ่งในรูปแบบ สยามสามฤดู ร่วมชมความงดงามของงานช่างศิลป์ชั้นครู ณ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ทั้งงานวิจิตรศิลป์ งานประติมากรรมปูนปั้นสดประดับเบญจรงค์ และงานศิลปะประยุกต์ภาพสลักดุนดีบุกที่หาชมได้ยาก พร้อมไหว้พระในท้องช้างเอราวัณเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเดินทางมุ่งสู่เมืองโบราณ พิพิธภัณฑ์เอกชนกลางแจ้งแห่งสยามประเทศ สัมผัสบรรยากาศของดินแดนสยามในอดีต อิ่มอร่อยกับอาหารหลากหลาย (บุฟเฟ่ต์) พร้อมชมการแสดงพื้นบ้านภายในตลาดน้ำเมืองโบราณ และร่วมบันทึกความทรงจำอันรุ่งเรืองโดยการนั่งรถรางชมสถาปัตยกรรมยามค่ำคืน การจัดงานพิพิธภัณฑ์ทันสมัย และแสงไฟสยามราตรีปีที่ 4 นี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีเมืองโบราณ ร่วมเก็บภาพความประทับใจในบรรยากาศสุดพิเศษ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวยามเย็นในรูปแบบพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่พร้อมให้ทุกท่านร่วมกันย้อนรอยอดีต บอกเล่าเรื่องราวของอารยธรรมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมกับผลงานทางศิลปวัฒนธรรมที่เก็บรวบรวมมาเพื่อให้คนไทยได้ภูมิใจในวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ดังคำกล่าวที่ว่า 50 ปีแห่งความภูมิใจเป็นคนไทยต้องไปเมืองโบราณ สนใจเที่ยวชมสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ancientsiam.com หรือ www.facebook.com/AncientSiam โทร.0-2709-1644-8 หนังสือพิมพ์บ้านเมือง วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2556

ขอเชิญร่วมฟังเสวนาวิชาการ เรื่อง “ฟื้น (ราก) ชาวกรุง?”

โครงการเสวนาวิชาการ เรื่อง “ฟื้น (ราก) ชาวกรุง?” จัดโดยเครือข่ายอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม ในวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 13.15 - 16.30 น. ณ ห้องประชุมชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร   เนื่องด้วยพื้นที่ต่อเนื่องจากกรุงรัตนโกสินทร์ ไปจนจรดคลองผดุงกรุงเกษมนั้น ถือเป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมสำคัญแห่งหนึ่งของชาติ เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าที่มาของความเจริญรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์ อันประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อสายที่ได้อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และเป็นส่วนหนึ่งในการก่อร่างสร้างเมือง สร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน เยาวราช ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในย่าน China Town ของกรุงเทพฯ ที่มีชาวจีนหลากหลายกลุ่มมาตั้งรกราก และมีบทบาทสำคัญต่อการวางรากฐานทางเศรษฐกิจการค้าให้กับประเท ศชาติ พร้อมๆ ไปกับการสร้างวิถีประเพณีจีนที่มีเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ตลอดรวมไปถึงสร้างอาคารสถาปัตยกรรมที่สะท้อนให้เห็นวิวัฒนาการของอาคารพาณิชย์รุ่นแรกๆของกรุงรัตนโกสินทร์เหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองได้อย่างดียิ่ง   ทว่า ปัจจุบันการวางผังเมืองและการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน มักให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ขาดวิสัยทัศน์ทางด้านวัฒนธรรม จนเป็นผลให้ชุมชนเก่าแก่เช่นเดียวกับเยาวราชถูกไล่รื้ออยู่เนืองๆ แทนที่จะหาแนวทางพัฒนาเชิงอนุรักษ์ สร้างความสมดุลระหว่างสิ่งเก่าและใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างลงตัว กลับเป็นการทำลายรากเหง้าอันเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และมรดกวัฒนธรรมของชาติให้สูญหายไป   ปัญหาที่กล่าวมานี้ หาได้เกิดขึ้นกับย่านเยาวราชเท่านั้น หากแต่ยังเกิดขึ้นกับชุมชนประวัติศาสตร์แหล่งอื่นๆ อีกจำนวนมาก  การหาแนวทางเพื่อปกป้องมรดกวัฒนธรรมชุมชนในย่านเยาวราช จึงเปรียบเสมือนกรณีศึกษาให้กับชุมชนอื่นๆได้พึงตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและเตรียมตัวตั้งรับกับปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นกับชุมชนของตนต่อไปด้วย เครือข่ายอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม ซึ่งประกอบไปด้วย สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันอาศรมศิลป์ สมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมูลนิธิเล็ก -ประไพ วิริยะพันธุ์ จึงเห็นร่วมกันว่าน่าจะได้มีการจัดสนทนาแลกเปลี่ยนพูดคุยในปัญหาของชาวกรุง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในกรุงและคนในสังคมได้ตระหนักรู้และเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเมือง ที่เสี่ยงต่อการทำลายมรดกวัฒนธรรมและชุมชนที่เป็นดั่ง “ราก” และ “หัวใจ” ของเมือง อันเป็นองคาพยพสำคัญที่จะทำให้เมืองนั้นๆ มีชีวิตเมืองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนั้นการจะรักษา “ราก” ของเมืองให้ดำรงอยู่ได้นั้น ผู้อาศัยในเมืองนั้นๆ ย่อมต้องเข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ของชุมชน ตลอดจนเรียนรู้เรื่องราวมรดกวัฒนธรรมท้องถิ่นของตนเอง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาหย่อมย่านแต่ละถิ่นที่ประกอบขึ้นเป็นบ้านเมือง ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีสุขและสันติ   รายการช่วงเช้าสำหรับสื่อมวลชน   9:00 - 11:00 น. รายการ “สื่อเดินชน” สำหรับสื่อมวลชน ลงทัศนศึกษาสัญจร ในย่านเยาวราช โดยมีคุณสมชัย กวางทองพาณิชย์ ผู้รู้ในท้องถิ่น นำเดินและเล่าเรื่อง   รายการช่วงบ่ายสำหรับผู้สนใจทั่วไป   12:30 น.       13:15 - 13:20 น.   13:20 - 13:50 น.     13:50 - 14:10 น.     14:10 - 16:00 น.                     16:00 - 16:30 น. 16:30 น. ลงทะเบียนเข้าฟังปาฐกถาและร่วมเสวนา ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่ง กรุงเทพมหานคร และชมนิทรรศการ”ย่านเก่าเยาวราชกับผลกระทบ จากการพัฒนาทางกายภาพ” ชม Presentation ตอน “(ราก) ชาวกรุง”   รับฟังปาฐกา เรื่อง “โคตรเหง้าเหล่ากอชาวกรุง” โดย  รองศาสตราจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม นักวิชาการด้านมานุษยวิทยา และโบราณคดี  “บทเรียนจากป้อมมหากาฬ” โดยคุณธวัชชัย วรมหาคุณ  ผู้แทนชุมชนป้อมมหากาฬ   การเสวนาเรื่อง  “ฟื้น (ราก) ชาวกรุง?” โดย  รองศาสตราจารย์ ดร. กิตติศักดิ์ ปรกติ  อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  คุณพงษ์สวัสดิ์ อักษรสวาสดิ์  อุปนายกฝ่ายกฎหมายสมาคมอนุรักษ์ ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม กรรมการผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์กฎหมายสิ่งแวดล้อมประเทศไทย รองศาสตราจารย์ชูวิทย์ สุจฉายา  นักวิชาการ สถาบันอาศรมศิลป์ คุณศิริณี อุรุนานนท์ คณะทำงานกลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูชุมชนเจริญไชย                          คุณวรวิมล ชัยรัต  กลุ่มรักษ์บ้านรักษ์เมืองเชียงใหม่  แลกเปลี่ยนความคิดเห็น จบรายการ   ดำเนินรายการโดย คุณวิมล อังสุนันทวิวัฒน์ กรรมการสมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม   โปรดแจ้งชื่อเพื่อลงทะเบียนล่วงหน้าที่ จารุณี คงสวัสดิ์  เจ้าหน้าที่ประสานงานเครือข่ายอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม  ที่ jarunee@siam-society.org   ข้อมูลจาก พิทักษ์มรดกสยาม โดยสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์

ร่วมย้อนเวลา ตามร่องรอยระบบสุขภาพไทย ในงานเปิด “หอประวัติศาสตร์สุขภาพ”

หอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย ร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคี ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ (สวสส.) สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) (สรพ.) และ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ขอเชิญร่วมงานเปิด “หอประวัติศาสตร์สุขภาพ” ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 ตั้งแต่เวลา 9.00-14.00 น. ณ หอประวัติศาสตร์สุขภาพ บริเวณ ชั้น 1 อาคารสุขภาพแห่งชาติ ภายในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมทบทวนคุณค่า สร้างพื้นที่เรียนรู้ แลกเปลี่ยนความภาคภูมิใจ จากเรื่องราวข้าวของ แนวคิด และบุคคลสำคัญ ที่ร่วมบันทึกองค์ความรู้ประวัติศาสตร์สุขภาพของประเทศไทยที่เปลี่ยนผ่านยุคสมัยและกาลเวลาทางสังคม กิจกรรมภายในงาน อาทิ การเปิดตัวหนังสือ “รอยเวลา เส้นทางประวัติศาสตร์สุขภาพ” บรรยายพิเศษ “เราอยู่ ณ ตรงไหนของประวัติศาสตร์สุขภาพ” โดย นพ.วิชัย โชควิวัฒน พร้อมชมนิทรรศการ “๑๐๐ บุคคล ร้อยความคิด ร้อยสิ่งประดิษฐ์ ร้อยเรื่องราว” ที่รวบรวมข้าวของและเรื่องราวน่าสนใจและยังไม่เคยเปิดการแสดงที่ไหนมาก่อน อาทิเช่น โซนแสดงสุขภาวะทางจิตวิญญาณ โซนสงครามกับสุขภาพ โซนสุขภาพกับความตาย เป็นต้น มาร่วมแสดงไว้ ณ หอประวัติศาสตร์สุขภาพแห่งนี้ ตลอดจนพิธีรับมอบเอกสารจดหมายเหตุและเครื่องมือเก่าจากกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และพิธีเปิด “หอประวัติศาสตร์สุขภาพ” อย่างเป็นทางการ สำหรับสื่อมวลชนเปิดให้ชมนิทรรศการในรอบพิเศษ และการแถลงข่าว “ย้อนรอยเวลา เส้นทางประวัติศาสตร์สุขภาพ” กับหอประวัติศาสตร์สุขภาพ : คุณค่าข้าวของ — ร่องรอยระบบสุขภาพไทย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เช่นกัน ตั้งแต่เวลา 12.30-13.30 น. ซึ่งได้รับเกียรติจาก นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานการเปิดงาน โดยมี นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานกรรมการบริหารหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย ที่มาร่วมฉายภาพจุดริเริ่มแรงบันดาลใจ ของการก่อตั้งหอประวัติศาสตร์สุขภาพ พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกับการสร้างความยั่งยืนให้หอประวัติศาสตร์สุขภาพได้เป็นพื้นที่เรียนรู้ร่วมกัน และ นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้อำนวยการหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์สุขภาพไทย กับไฮท์ไลท์ข้าวของและเรื่องราวที่ทรงคุณค่าต่อระบบสุขภาพไทยที่ถูกเก็บอย่างมากมายไว้ภายในหอประวัติศาสตร์สุขภาพแห่งนี้ สอบถามรายละเอียด เพิ่มเติม คุณปารณัฐ สุขสุทธิ์ 081 802 8761, 02 832 9280 หรือคุณสุนีย์ สุขสว่าง 081 962 0707, 02 832 9111 ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสด พิธีเปิดฯ ได้ในวันที่ 12 ก.พ.นี้ ตั้งแต่เวลา 12.30 น. เป็นต้นไป ทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์สุขภาพแห่งชาติ http://www.healthstation.in.th/ ThaiPR.net วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556

“ฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ” เสด็จฯ วางศิลาฤกษ์สร้างพิพิธภัณฑ์หลวงตาบัว

เมื่อวันที่ 30 ม.ค. เวลา 09.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ฯ พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมศิษยานุศิษย์หลวงตามหาบัว เฝ้าฯ รับเสด็จ ทั้งนี้มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่มาร่วมในพิธีดังกล่าวจำนวนมาก                สำหรับการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล ก่อสร้างด้วยหินอ่อนขาวไวต์การ์รารา จากประเทศอิตาลี ครอบจิตกาธานที่ใช้พระราชทานเพลิงสรีรสังขารหลวงตามหาบัว เพื่อให้เป็นอนุสรณ์สถานในการบรรจุอัฐิธาตุ เครื่องอัฐบริขาร ประวัติหลวงตามหาบัว ตั้งแต่วัยเด็ก ชีวิตชาวนา ออกบวช ก่อตั้งวัดป่าบ้านตาด และโครงการผ้าป่าช่วยชาติ                 ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน และเพื่อเตือนใจให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงคุณูปการ ทั้งทางโลกและทางธรรม ถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติและทำความดี ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี การนี้ทรงประธานให้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เป็นองค์ประธานดำเนินการออกแบบพระธรรมเจดีย์                ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคได้ที่ บัญชีสะสมทรัพย์ “มูลนิธิจุฬาภรณ์ เพื่อการสร้างพิพิธภัณฑ์ฯ หลวงตามหาบัว ณ วัดป่าบ้านตาด” ธนาคารกรุงเทพ สาขาหลักสี่พลาซ่า เลขที่บัญชี 229-0-98333-3 ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 30 มกราคม 2556

ว.เพาะช่าง ทุ่มงบ 100 ล้าน สร้าง"หอศิลป์-พิพิธภัณฑ์เพาะช่าง"

 รศ.ดร.อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.) รัตนโกสินทร์ เปิดเผยว่า วิทยาลัยเพาะช่าง มทร.รัตนโกสินทร์ ถือเป็นสถาบันการศึกษาที่จัดการเรียนการสอนด้านศิลปหัตถกรรมแรกเริ่มของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และปีนี้ครบรอบ 100 ปี ในวันที่ 7 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองของวิทยาลัยเพาะช่างที่ได้สนองพระราชดำริและพระราชประสงค์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5และรัชกาลที่ 6ในการทำนุบำรุงศิลปะการช่างของไทยให้คงไว้ตลอดระยะเวลา พร้อมแสดงถึงความสำเร็จของเหล่าบรรดาศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงตามแวดวงสังคมต่างๆ ที่ทุกคนภูมิใจ         "ปีนี้มหาวิทยาลัยจึงได้จัดเตรียมของขวัญให้กับวิทยาลัยเพาะช่างเป็นการเฉพาะ โดยได้ดำเนินการของบประมาณในการสนับสนุนกว่า 100ล้านบาท เพื่อจัดสร้างอาคารหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์เพาะช่าง ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปะที่ได้มาตรฐาน ประกอบด้วยห้องแสดงผลงานศิลปะของศิลปินแห่งชาติจำนวน 30ท่าน ซึ่งล้วนแต่เป็นศิษย์เก่าของวิทยาลัย ,ห้องแสดงผลงานของศิลปินนานาชาติที่มาร่วมงาน International Arts Workshop ห้องพิพิธภัณฑ์ แสดงผลงานทางทัศนศิลป์ ศิลปะนิพนธ์ของอาจารย์และนักศึกษา อีกทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอน หรือเก็บรักษางานศิลปะที่บรรดาครูบาอาจารย์ได้สร้างและสะสมกันมา ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและเรียนรู้ผลงานของวิทยาลัยเพาะช่างต่อไป ปรับปรุงอาคารเรียนภายในวิทยาลัยเพาะช่าง ยังคงรักษารูปทรงลักษณะภายนอกของตัวอาคารไว้เช่นเดิม เพียงแต่ปรับปรุงภายในให้ทันสมัยมากขึ้น ให้สมกับเป็นวิทยาลัยศิลปะแห่งแรกของประเทศไทย" ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 21 มกราคม 2556

28 มี.ค. 56 สมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดพิพิธภัณฑ์ตำรวจไทย

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 22 มกราคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เดินทางมาเป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อม การเปิดพิพิธภัณฑ์ตำรวจไทย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณวังปารุสกวัน ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมีพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วยผบ.ตร.พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น. เข้าร่วมประชุม จากนั้นผบ.ตร.พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจความพร้อมของพิพิธภัณฑ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บรรยายความเป็นมาในการก่อตั้งกรมตำรวจ และวิวัฒนาการของเครื่องแบบตำรวจไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภาพจาก Facebook พิพิธภัณฑ์ตำรวจ ภายหลังจากการประชุมและตรวจความพร้อม พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยว่า สำหรับพิพิธภัณฑ์ตำรวจไทย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวังปารุสกวัน ขึ้นตรงกับกองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยวันที่ 28 มีนาคม 2556 เวลา 09.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดพิพิธภัณฑ์ และเยี่ยมชมภาพประวัติศาสตร์ความเป็นมาของตำรวจไทย โดยหน้าที่หลักในการรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวได้มอบหมายให้พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบ เบื้องต้นจากการประชุมและเดินตรวจความพร้อมบริเวณโดยรอบรวมทั้งภายในพิพิธภัณฑ์พบว่ามีความสมบูรณ์เกือบจะทั้งหมดแล้ว เหลือบางส่วนที่ต้องปรับปรุง อย่างเช่นภูมิทัศน์รอบๆพิพิธภัณฑ์ ซึ่งพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้เสนอแนะในที่ประชุมแล้วว่าควรจะปรับในจุดใดบ้าง อย่างไรก็ตามภายหลังจากมีการเปิดพิพิธภัณฑ์ตำรวจไทยอย่างเป็นทางการแล้ว จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งว่าจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ในวันและเวลาใดบ้าง คาดว่าพิพิธภัณฑ์นี้จะเป็นจุดแข็งทำให้ประชาชนเข้าใจ และเห็นถึงพัฒนาการของตำรวจไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน น่าจะเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของตำรวจไทย ทำให้ประชาชนรู้สึกประทับใจอีกทางหนึ่ง สำหรับบรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ตำรวจไทย ได้จัดทำเป็นห้องกระจก มี 2 ชั้น ภายในอาคารกระจก ชั้นล่าง เป็นการจัดแสดงบทบาทของตำรวจแต่ละหน่วยที่คอยดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน รวมทั้งการฝึกประสบการณ์การเป็นพลเมืองดี เพื่อชี้เบาะแสของคนร้ายให้ตำรวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชั้นบนจะเป็นการจัดแสดงสถาบันกษัตริย์กับตำรวจไทย เรื่องราวประวัติศาสตร์และบทบาทของตำรวจไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วิดีทัศน์พิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของเหล่าข้าราชการตำรวจครั้งแรก ต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2495 ซึ่งเป็นวันตำรวจไทย ก่อนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะอนุมัติให้ย้ายการจัดพิธีดังกล่าวไปที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สามพราน จ.นครปฐม   มติชนออนไลน์ วันที่ 23 มกราคม 2556