ข่าวสารพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน เชิญชมคอนเสิร์ต "ไหมไทยราชินี"

พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ขอเชิญชมคอนเสิร์ตเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม 2556 ใน "ไหมไทยราชินี" วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม เวลา 19.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย         รังสรรค์ท่วงทำนองแห่งดนตรี โดยนักประพันธ์และวาทยากรระดับแนวหน้าของเมืองไทย “ดนู ฮันตระกูล” พร้อมด้วย “วงไหมไทยออร์เคสตรา” ร่วมด้วยศิลปินชั้นนำระดับตำนานของวงการดนตรีกว่า 30 ชีวิต อาทิ สุรสีห์ อิทธิกุล, คณะนักร้องประสานเสียง “เดอะ เรโซแนนซ์” (The Resonance) ฯ บัตรราคา 500/800/1,000/1,200/1,500 และ 2,000 บาท หาซื้อได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์   ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 29 กรกรฎาคม 2556

สั่งปิด"พิพิธภัณฑ์ปลอม"ในจีน ด่วน!

 รายงานข่าว (16 ก.ค.) เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนได้เข้าตรวจสอบและสั่งปิดทำการพิพิธภัณฑ์ “จี้เป่าไจ” (冀宝斋) ในหมู่บ้านเอ๋อผู่ เมืองจี้โจว มณฑลเหอเป่ย หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและชาวเน็ตจีนถึง “ความไร้คุณสมบัติที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ได้ เนื่องจากสิ่งของที่สะสมและจัดแสดงอยู่นั้นล้วนเป็นของปลอม”         กรณีการเปิดโปง 'พิพิธภัณฑ์ปลอม' แห่งนี้ เกิดขึ้นหลังจากนักเขียนนวนิยายชื่อดังชาวปักกิ่ง นามว่า หม่า โป๋หย่ง ได้ไปเยี่ยมชมและพบสิ่งผิดปกติ จากนั้นเขาได้เขียนข้อความลงในเวยปั๋ว (เว็ปไมโครบล็อคคล้ายทวิตเตอร์) ว่า สิ่งของหลายชิ้นที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ว่า “ดูเป็นการหลอกลวงนักท่องเที่ยว” ขนานหนักเลยทีเดียว         นอกจากนี้ ซีอาร์ไอ (CRI) สำนักข่าวจีนก็ได้โพสต์รูปภาพผ่านหน้าเว็ปไซต์ของตน แสดงภาพแจกันใบหนึ่งที่ตั้งโชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว โดยมีลวดลายที่ดูคล้ายตัวการ์ตูนสัตว์ประหลาดปลาหมึกหน้ายิ้ม ซึ่งพิพิธภัณฑ์ฯ ระบุว่าเป็นวัตถุโบราณในสมัยราชวงศ์ชิง อันมีอายุย้อนหลังไปเกือบ 200 ปี สร้างความประหลาดใจและตลกขบขันให้กับผู้พบเห็นอย่างมาก   ซีอาร์ไอ รายงานเพิ่มเติมว่า พิพิธภัณฑ์ขนาด 25 ไร่แห่งนี้ น่าจะเริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 2550 ด้วยงบประมาณ 50 ล้านหยวน (ราว 250 ล้านบาท) ประกอบด้วยห้องจัดแสดงวัตถุโบราณ จำนวน 12 ห้อง และจากการประเมินเบื้องต้น พบวัตถุโบราณปลอมกว่า 40,000 ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นถูกซื้อมาในราคา 100 - 2,000 หยวน (ราว 500 - 10,000 บาท) โดยวัตถุบางชิ้นถูกกล่าวอ้างว่าเป็นสิ่งของที่พบในยุคจักรพรรดิเหลือง (the Yellow Emperor - 黄帝) จักรพรรดิตามตำนานจีนที่ปรากฏในศตวรรษที่ 27 ก่อนคริสต์ศักราช         อย่างไรก็ดี จากการสอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ฯ ต่างแสดงความไม่พอใจในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า “โครงการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ปลอมนี้ เป็นฉากบังหน้าที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบางรายใช้ในการทุจริต ยักยอกเงินเข้ากระเป๋าของตัวเอง”         ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า ขณะนี้ผู้ก่อตั้งและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดครั้งนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน โดยผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองจี้โจว มณฑลเหอเป่ย กล่าวว่า “เขาตั้งใจให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่จะช่วยส่งเสริมและเผยแพร่วัฒนธรรมจีน” “มีแต่เพียงพระเจ้าเท่านั้น ที่จะรู้ว่าวัตถุเหล่านี้เป็นของจริงหรือของปลอม”         อนึ่ง มีรายงานจากสื่อตะวันตกว่า ไม่ว่าจีนจะถูกโจมตีจากทุกสารทิศถึงกรณีการปล่อยให้มีการคัดลอก ปลอมแปลงสินค้าได้อย่างเสรีอย่างไร ก็ยังสามารถพบวัตถุโบราณปลอมเช่นนี้ได้ทั่วไปในตลาดค้าของเก่าทั่วประเทศ         “พิพิธภัณฑ์ปลอมแบบนี้พบได้ทั่วไปในจีน เพราะมันสามารถนำเงิน และผลประโยชน์จำนวนมหาศาลสู่มือคนบางกลุ่ม” หม่า เว่ยโตว ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณชาวจีน กล่าวกับซีอาร์ไอ   ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 17 กรกรฎาคม 2556

ในหลวงเสด็จฯ ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน

เมื่อเวลา 16.22 น.วันที่ 15 ก.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินลงจากอาคารที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ทรงประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จยังลานพลับพลาประดิษฐานพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯเจ้าอยู่หัว ทรงอุ้มพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช (บริเวณสถานีรถไฟธนบุรีเดิม)         ทันทีที่เสด็จฯถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนมาประทับรถเข็นพระที่นั่ง โดยมี ศ.คลีนิก นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผอ.โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุญย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถเข็นพระที่นั่ง โดยมี ศ.คลีนิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยทีมแพทย์และพยาบาล ตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพักตร์ที่สดใส ทรงฉลองพระองค์เชิ๊ตสีเหลืองอ่อนลายตาราง สนับเพลาสีกรมท่า รองพระบาทหนังสีดำ ทรงนำพวงมาลัยไปถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอุ้มพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ก่อนเสด็จฯยังภายในพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณอาคารสถานีรถไฟธนบุรีเดิม ด้านหลังลานพลับพลาพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัว ทรงอุ้มสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์         สำหรับพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน เป็นนามพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า แต่เดิมเคยเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลัง ต่อมามีการสร้างสถานีรถไฟธนบุรีและโรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งเป็นพื้นที่ซึ่งผูกพันกับวิถีชีวิตของชุมชนบางกอกน้อย โรงพยาบาลศิริราชจึงได้รวบรวมประวัติศาสตร์ของพื้นที่นี้ นำมาจัดแสดงในอาคารสถานีรถไฟธนบุรี (เดิม) ที่เป็นอาคารอนุรักษ์ มีสถาปัตยกรรมงดงาม นิทรรศการ ประกอบด้วย พระราชประวัติกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ประวัติสถานีรถไฟสายใต้แห่งแรก พัฒนาการทางการแพทย์ของไทยและโรงเรียนแพทย์ศิริราช ชุมชนบางกอกน้อย มีสิ่งจัดแสดงที่น่าสนใจ อาทิ ศาสตราวุธในราชการสงครามที่ได้รับมอบจากทายาทของกรมพระราช วังบวรสถานพิมุข ชิ้นส่วนเครื่องถ้วยที่ขุดพบ         นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์สี่มิติประวัติสถานีรถไฟธนบุรี ห้องผ่าตัดจำลอง ห้องการแพทย์ของไทย เรือโบราณ โรงหุ่นประบอก และวิถีชีวิตชุมชนบางกอกน้อย โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งฉาก ระบบแสง สี เสียง ภาพ และเทคนิคพิเศษตามมาตรฐานสากล มีพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมพิเศษ ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการจัดทางสัญจรเพื่อผู้พิการและผู้สูงอายุพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และการแพทย์ของไทยแล้ว ยังช่วยประสานประโยชน์ของประชาชนในละแวกคลองบางกอกน้อย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร ฯลฯ ให้สามารถใช้พื้นที่นี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ   ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 15 กรกฎาคม 2556

คนเชียงแสนหอบวัตถุโบราณล้ำค่านับร้อยชิ้นมอบให้พิพิธภัณฑ์ฯ

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. น.ส.ฉัตรรดา สินธุสอน หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางไปยังบ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ใกล้สามเหลี่ยมทองคำ เพื่อตรวจพิสูจน์วัตถุโบราณ หลังมีชาวบ้านแจ้งว่าได้พบวัตถุที่คาดว่ามีค่ามาก และเก็บใส่ถุงเอาไว้จำนวน 1 ถุงใหญ่         เมื่อไปถึงหมู่บ้านดังกล่าว ชาวบ้านก็ได้นำวัตถุที่ชาวบ้านเก็บไว้เป็นเครื่องประดับ เช่น สร้อย แผ่นทอง ฯลฯ ซึ่งทำจากทองคำประดับตกแต่งอย่างสวยงามรวมจำนวนประมาณ 100 ชิ้นใส่ถุงมาให้ จึงได้นำวัตถุทั้งหมดไปทำการตรวจสอบที่พิพิธภัณฑ์ฯ พบว่าทั้งหมดเป็นวัตถุที่เรียกชื่อกันว่า “สร้อยตัว” ทำด้วยแผ่นทองดุนลายหุ้มเงิน 11 ชิ้น แหวนทองจำนวน 6 วง กำไลทองแบบขด 6 วง เต้าปูน 2 ชิ้น ขันเงิน 3 ใบ ถาดเงิน 1 ชิ้น ตลับเงิน 1 ชิ้น เงินปากหมู เงินผักชี และโลหะเงินหลอมเป็นแผ่นกลมอีกหลายสิบชิ้น รวมทั้งหมดประมาณ 100 ชิ้น จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการบันทึกลักษณะรายละเอียดเอาไว้เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินของชาติต่อไป         น.ส.ฉัตรรดากล่าวว่า เบื้องต้นคาดโบราณวัตถุทั้งหมดน่าจะมีอายุอยู่ในช่วงสมัยอาณาจักรล้านนา พุทธศตวรรษที่ 22 หรือราวปี 2101 หรือประมาณ 400 ปีก่อน ถือว่าเครื่องประดับเหล่านี้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อย่างมาก ยังไม่บุบสลาย และคาดว่าเป็นเครื่องประดับของชนชั้นสูงเพราะมีลวดลายที่ละเอียดมากอย่างเห็นได้ชัด และส่วนของเงินปากหมู หรือเงินผักชีเป็นทรัพย์สินที่ใช้ใส่ในขันหมากพิธีสู่ขอหญิงสาวเพื่อแต่งงาน         อย่างไรก็ตาม คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านโบราณคดี ด้านเครื่องเงิน และทอง หรืออัญมณีตรวจสอบอีกครั้งเพื่อหาจุดกำเนิด หรืออายุของเครื่องประดับที่ชัดเจนอีกครั้ง         ด้าน น.ส.เยาวลักษณ์ อินต๊ะ อายุ 29 ปี หนึ่งในชาวบ้านสบรวกที่นำเอาวัตถุดังกล่าวมอบแก่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ฯ ระบุว่า ผู้ที่เก็บสะสมโบราณวัตถุดังกล่าวเอาไว้คือนายนิทัศน์ อินต๊ะ บิดาของตน ที่ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ก่อนจะเสียชีวิตไม่มีใครรู้ว่าบิดาได้เก็บวัตถุทั้งหมดเอาไว้ กระทั่งไม่กี่วันที่ผ่านมาตนได้ทำความสะอาดภายในห้องนอนเก่าของบิดาก็พบโบราณวัตถุดังกล่าวใส่ถุงเอาไว้อย่างแน่นหนา เมื่อสอบถามมารดาของตนก็ทราบแต่เพียงว่าบิดาเคยไปหาปลาที่ป่าท้ายหมู่บ้าน และนำถุงใส่วัตถุดังกล่าวมาด้วย แต่ไม่เคยเปิดออกดูอีกเลยจนกระทั่งได้เสียชีวิตลง   ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 7 กรกฎาคม 2556

ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดบ้านดอน มรณภาพแล้ว

พระครูบรุเขต วุฒิกร เจ้าอาวาสวัดบ้านดอน และผู้ก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดบ้านดอน ได้มรณภาพในคืนวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ณ โรงพยาบาลระยอง   วัดบ้านดอนขอเชิญร่วมสวดพระอภิธรรมศพ พระครูบรุเขต วุฒิกร ณ วัดบ้านดอน เลขที่ 60 หมู่ 4 ถ.ประเสริฐพัฒนา ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ในวันที่ 1-10 กรกฎาคม 2556 และร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูบรุเขต วุฒิกร ณ วัดบ้านดอน ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2556 เวลา 16.00 น.   พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดบ้านดอน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงตัวหนังใหญ่ที่มีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ และความน่าสนใจด้านประเพณีการแสดงและพิธีกรรมในท้องถิ่น วัดแห่งนี้มีการจัดตั้งคณะแสดงหนังใหญ่จากการฝึกฝนนักเรียนในโรงเรียน และความร่วมมือองค์การต่างๆ “พระครูบรุเขต วุฒิกร” เจ้าอาวาสวัดบ้านดอน เป็นบุคคลสำคัญที่สืบทอดการอนุรักษ์หนังใหญ่จากเจ้าอาวาสวัดบ้านดอนท่านก่อน  ขณะเดียวกัน ท่านได้นำเยาวชนด้อยโอกาสในชุมชน มาฝึกฝนการแสดงหนังใหญ่ เป็นการสืบทอดคณะแสดงหนังใหญ่วัดบ้านดอนให้คงอยู่ต่อไป ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ในฐานะองค์กรที่ร่วมทำงานกับพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดบ้านดอน ในโครงการวิจัยและพัฒนาพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น เมื่อปี 2548  ขอแสดงความไว้อาลัยต่อการมรณภาพของท่านพระครูบรุเขต วุฒิกร ไว้ ณ ที่นี่ด้วย   คลิกชมวีดีโอ บันทึกไว้เพื่อความทรงจำ แด่พระครูบุรเขตวุฒิกร เจ้าอาวาสวัดบ้านดอน คลิกอ่านตัวอย่าง "หนังสือหนังใหญ่วัดบ้านดอน" หนึ่งในผลงานที่ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดบ้านดอน ร่วมทำกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การหมาชน)  

นักท่องเที่ยวยก “ช่องเขาขาด” ติดอันดับเอเชีย

  จากผลการโหวตของนักท่องเที่ยว “นับล้านคน” จากทั่วโลก พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดได้คะแนนมากเป็นอันดับ 4 ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถัดจากพิพิธภัณฑ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ตูลสะแลง (Toul Sleng) กรุงพนมเปญ กัมพูชาซึ่งอยู่ในอันดับ 3 ของเอเชีย พิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum) นครโฮจิมินห์ เวียดนาม (5) กับ พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์ (Museum of Ethnology) กรุงฮานอย (6) เวียดนาม         ในเวียดนามยังมีพิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่งเป็นแห่งที่ 3 ที่ติดอันดับเอเชีย ซึ่งได้แก่พิพิธภัณฑ์สตรีเวียดนาม (Vietnam Women's Museum) กรุงฮานอย (11)         พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด สร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลออสเตรเลียกับกองทัพไทย เพื่อรำลึกถึงเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่เสียชีวิตจากการถูกกองทัพญี่ปุ่นบังคับให้ทำงานหนักก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะ ที่ตัดผ่านช่องเขาบริเวณช่องเขาแห่งนี้         เชลยศึกนับหมื่นคนถูกบังคับให้สกัด หรือตัดหินด้วยเครื่องมือง่ายๆ ที่พอจะหาได้ในยามนั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคนในบริเวณช่องเขาขาด ด้วยสาเหตุจากการถูกบังคับให้ทำงานหนัก อดอยาก ล้มป่วย รวมทั้งถูกทรมาน กลุ่มที่เสียชีวิตมากที่สุดเป็นเชลยศึกชาวออสเตรเลีย         พิพิธภัณฑ์ฯ อยู่ในเขต อ.ไทรโยค อยู่ห่างจากน้ำตกไทรโยกน้อยราว 18 กิโลเมตร โดยแยกจากทางหลวงสายหลัก ทั้งไทย และพม่าในยุคใหม่มีแผนการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายมรณะให้กลับคืนมาใช้การได้อีกครั้งหนึ่ง แต่คาดกันว่าจะไม่ตัดผ่านบริเวณช่องเขาขาดแห่งนี้         พิพิธภัณฑ์มีทั้งบริเวณกลางแจ้งที่แสดงเศษสิ่งของเหลือใช้ของทหาร มีแผ่นจารึกรำลึกถึงผู้เสียชีวิต กับส่วนที่อยู่ในอาคารซึ่งวางแสดงเรื่องราวต่างๆ ประกอบแสง และเสียง ปัจจุบันกลายเป็นปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งสามารถใช้เวลาเที่ยวชมน้ำตก สถานที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดได้ในวันเดียว         อันดับ 1 ในเอเชียได้แก่พิพิธภัณฑ์เทอร์ราค็อตตา (ทหารกับม้าที่ปั้นจากดินเหนียว) ในเมืองซีอาน สาธารณรัฐประชาชนจีน และอันดับ 2 ได้แก่เขตเมืองต้องห้าม (Forbidden City) ในบริเวณพระราชวังเก่า กรุงปักกิ่ง และอันดับ 4 คือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งสันติภาพ เมืองฮิโรชิมา ญี่ปุ่น         ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังพิพิธภัณฑ์สถานในสิงคโปร์อีก 3 แห่งติดอันดับเอเชียซึ่งได้แก่พิพิธภัณฑ์อารยธรรมเอเชีย (Asian Civilizations Museum) ในอันดับ 12 พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ (National Museum of Singapore) อันดับ 16 และพิพิธภัณฑ์และโบสถ์ชางงี (Changi Chapel and Museum) อันดับ 17         อีก 2 แห่งอยู่ในมาเลเซีย ซึ่งได้แก่พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลาม กรุงกัวลาลัมเปอร์ อันดับ 13 และพิพิธภัณฑ์ปีนังเปรานากัน (Pinang Peranakan Museum) ที่จอร์จทาวน์ (Georgetown) อันดับ 20   คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกชมภาพพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำช่องเขาขาด ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 30 มิถุนายน 2556

ชวนแม่-ลูกชมนิทรรศการมหัศจรรย์สัตว์น้ำฯ ตามรอยไดโนเสาร์เมืองไทยที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร

นางสุรีย์ ธีระรังสิกุล ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สิรินธร จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า พันธกิจหลักของพิพิธภัณฑ์สิรินธร นอกจากเป็นศูนย์กลางศึกษาวิจัย รวบรวมความรู้ด้านธรณีวิทยา ซากดึกดำบรรพ์ และความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สำคัญของประเทศไทยแล้ว ยังต้องให้บริการเผยแพร่ความรู้แก่ผู้สนใจได้เรียนรู้วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เปิดโลกทัศน์เชิงวิทยาศาสตร์ เข้าใจโลกธรรมชาติ ซึ่งเป็นการตอบสนองภารกิจหลักของกรมทรัพยากรธรณี ในการให้บริการด้านการศึกษา เผยแพร่ความรู้ ข่าวสารของกรมฯ รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของชุมชน พิพิธภัณฑ์ฯจึงได้จัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้หัวข้อ “วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า ธรณีวิทยาก้าวไกล ไดโนเสาร์เมืองไทย ดังไกลทั่วโลก” ขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี   สำหรับปีนี้ พิพิธภัณฑ์ฯ กำหนดจัดนิทรรศการดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 10-24 สิงหาคม ที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร จ.กาฬสินธุ์ โดยไฮไลท์ของงานเป็นการนำเสนอความรู้เกี่ยวกับปลาในสมัยบรรพกาลจนถึงปลาปัจจุบัน ซึ่งในปีนี้ได้รับความร่วมมือจากสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต (Phuket Aquarium) สังกัด กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดส่งพันธุ์ปลาหลากหลายชนิดนับ 10 ตู้ ได้แก่ ปลาการ์ตูน ซึ่งเป็นไฮไลท์ของงาน แมงกระพรุน ม้าน้ำ ปลาอมไข่ ปลาสิงโต ปลาวาฬบลูด้า พะยูน เต่ามะเฟือง รวมถึงสร้างแอ่งน้ำจำลอง ที่มีสัตว์น้ำตื้นอาศัยอยู่ อาทิ ปลิงทะเล ปลาดาว มาช่วยจัดนิทรรศการให้ความรู้เรื่อง “มหัศจรรย์สัตว์น้ำและความหลากหลายทางชีวภาพใต้ท้องทะเลไทย”   ผอ.พิพิธภัณฑ์สิรินธร กล่าวต่อว่า วัตถุประสงค์ของการจัดนิทรรศการดังกล่าว นอกจากเป็นการเผยแพร่ความรู้ ผลงานศึกษาวิจัยด้านธรณีวิทยา บรรพชีวินวิทยา และซากดึกดำบรรพ์ของกรมทรัพยากรธรณี ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงความรู้ใต้ท้องทะเลแล้ว อีกทั้ง เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม เนื่องในวโรกาสสำคัญที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 81 พรรษา ในปี 2556 รวมทั้ง เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านวิทยาศาสตร์ ทรงเป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ประจำปี 2556 ด้วย โดยเฉพาะในวันที่ 12 สิงหาคม และ วันที่ 18 สิงหาคม ทางพิพิธภัณฑ์เปิดบริการให้ทุกท่านเข้าชมฟรี สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ “มหัศจรรย์สัตว์น้ำและความหลากหลายทางชีวภาพใต้ท้องทะเลไทย” ได้ที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร จ.กาฬสินธุ์ ระหว่างวันที่ 10 – 24 สิงหาคม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานกิจกรรม โทร. 043-871-014, 043-871-613-6 ต่อ 107   ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์บ้านเมือง วันที่ 23 มิถุนายน 2556

Muse Pass บัตรท่องเที่ยวในเกาะรัตนโกสินทร์

นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ และพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ มิวเซียมสยาม ขอเชิญทุกท่านท่องเที่ยว เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตคนไทยในแหล่งวัฒนธรรมอันเก่าแก่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ร่วมเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมแหล่งมรดกมีชีวิต อาทิ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โลหะปราสาท และชิมอาหารอร่อยในย่านเก่าแก่ บางลำพูและท่าเตียน สะดวกสบายไปกับบริการรับส่งตลอดเส้นทาง กับ โครงการ Muse Pass บัตรท่องเที่ยวในเกาะรัตนโกสินทร์ เริ่ม 23 มิถุนายน – 30 กันยายน 2556     Muse Pass คือ โครงการพัฒนาธุรกิจและการตลาดร่วมกับแหล่งท่องเที่ยวในเกาะรัตนโกสินทร์ (Muse Pass) เป็นบริการใหม่ ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างมิวเซียมสยามและนิทรรศน์รัตนโกสินทร์  รวมถึงพันธมิตรแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆในเกาะรัตนโกสินทร์  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสร้างให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวในแหล่งเรียนรู้ ทำให้รู้สึกว่าการท่องเที่ยวในแนวนี้เป็นไลฟ์สไตล์ของคนที่มีหัวคิดทันสมัย   เงื่อนไขการใช้บัตร Muse Pass และสิทธิพิเศษ  บัตรมีจำหน่ายที่มิวเซียมสยามและนิทรรศน์รัตนโกสินทร์เท่านั้น โปรดแสดงบัตร Muse Pass ก่อนชมนิทรรศการ ณ จุดจำหน่ายบัตรที่พิพิธภัณฑ์ที่เข้าร่วมโครงการ (1บัตร ต่อ 1 ท่าน) โปรดแสดงบัตร Muse Pass พร้อมคูปอง เพื่อเข้าชมมิวเซียมสยามและนิทรรศน์รัตนโกสินทร์รับส่วนลดใน ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Muse Pass (ร้านฟู้ดรูท ,ร้านโคโค่นัทปาล์ม ,ร้านฟาร์มทูเทเบิล, ร้านกาแฟใต้ต้นเกด , ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดย่างบางลำภู) โดยการแสดงบัตร Muse Pass ก่อนรับบริการ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายใน 30 กันยายน 2556 รับส่วนลด 10% ที่ร้าน Muse Shop มิวเซียมสยาม ยกเว้นสินค้าประเภทของเล่น รับส่วนลด 10% ที่ร้าน R Shop นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ *เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ  บริการรถรับ-ส่ง ณ จุดให้บริการ ที่มิวเซียมสยาม นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ และถนนข้าวสาร ปากซอยรามบุตรี กำหนดใช้สิทธิ์ไม่เกิน 30 กันยายน 2556 ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nitasrattanakosin.com/activity_details.php?type=3&a_id=192&lang=th ข้อมูลจาก ข่าวสารและกิจจกรรม นิทรรศน์รัตนโกสินทร์

พิพิธภัณฑ์นิวยอร์กประกาศคืนเทวรูปสมัยเกาะแกร์ให้เขมร

พิพิธภัณฑ์ประกาศว่า รูปแกะสลักหิน “เทวรูปในท่าคุกเข่า” สมัยเกาะแกร์ 2 ชิ้น จะถูกส่งกลับคืนให้กัมพูชา หลังถูกจัดแสดงอยู่ในพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะจากเอเชียของพิพิธภัณฑ์มาเป็นเวลา 20 ปี         พิพิธภัณฑ์ได้รับบริจาคประติมากรรมทั้ง 2 ชิ้น ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และ 1990 ตามลำดับ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม พิพิธภัณฑ์เพิ่งจะได้สืบค้นวิจัยทางเอกสารถึงความเป็นเจ้าของ เนื่องจากทางพิพิธภัณฑ์ไม่มีข้อมูลดังกล่าวขณะได้รับประติมากรรม เทวรูปสลักคุกเข่า (Kneeling Attendant) จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิตัน (Metropolitan Museum of Art) ในนครนิวยอร์ก 1 ใน 2 ชิ้นจากสมัยเกาะแกร์ ที่จะส่งคืนให้แก่กัมพูชา. -- Courtesy of The Metropolitan Museum of Art.        “พิพิธภัณฑ์มุ่งมั่นที่จะระบุแหล่งที่มาที่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่กับผลงานศิลปะที่ได้รับมาใหม่เท่านั้น แต่รวมทั้งศึกษาชิ้นงานต่างๆ ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติเจ้าของชิ้นงานให้มากที่สุดเท่าที่เป็นได้” โธมัส แคมป์เบลล์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ ระบุ         “ในกรณีนี้ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทวรูปในท่าคุกเข่าทำให้พิพิธภัณฑ์ต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงที่ไม่เคยทราบในช่วงเวลาที่ได้รับชิ้นงานดังกล่าว และทางพิพิธภัณฑ์จะดำเนินการตามที่ได้ประกาศในวันนี้” โธมัส แคมป์เบลล์ กล่าว.    ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2556