ข่าวสารพิพิธภัณฑ์

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง จัดงานครบรอบเปิดบริการ 24 ปี

ดร.สุธีรา ศรีเบญจโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย เปิดเผยว่า พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้เปิดตัวตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2532 โดยเป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสแห่งแรกของประเทศไทย ภายในมีห้องท้องพระโรง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระมหากษัตริย์ไทยราชวงศ์จักรี โดยเป็นการจำลองแบบมาจากปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง มีห้องความทรงจำอันงดงามของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และห้องสมเด็จพระปิยมหาราชกับการเลิกทาส รวมทั้งมีพระภิกษุสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของสังคมไทย         สำหรับในวันอาทิตย์ที่ 24 มิ.ย.56 เวลา 09.45 น. จะมีพิธีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ งานครบ 24 ปี พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย โดยมีพระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) รองเจ้าคณะใหญ่สงฆ์จีนนิกาย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยจะมีการกล่าวสัมโมทนียกถา โดยเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และการถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ภายในงานจะมีการจัดแสดงนิทรรศการพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย         ทั้งนี้ นายสุธี ศรีเบญจโชติ ประธานกรรมการพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ขอเชิญชวนให้ผู้ปกครองได้นำบุตรหลานเข้าชมเพื่อเป็นการหาความรู้ และความบันเทิง เป็นการให้สติปัญญาแก่เด็กและเยาวชนไทย ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทยได้รับใช้สังคมในการสร้างแสงสว่างทางด้านปัญญาให้แก่คนไทยมาหลายรุ่น เพื่อทำให้คนไทยมีความมั่นคงต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์   ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 13 มิถุนายน 2556  

ทุนเกาหลีบุกเชียงใหม่ เปิดพิพิธภัณฑ์ภาพจิตรกรรม 3 มิติ

แหล่งข่าวในวงการธุรกิจของจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนในพื้นที่ ว่า ล่าสุดมีกลุ่มนักลงทุนจากประเทศเกาหลี เข้ามาเช่าพื้นที่ของห้างสีสวนพลาซ่า ย่านถนนช้างคลาน ตำบลช้างคลาน จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนวอาร์ตแห่งใหม่ หรือ พิพิธภัณฑ์ภาพจิตรกรรม 3 มิติในนามบริษัท อาร์ต อินพาราไดซ์ (เชียงใหม่) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงสถานที่คาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในสิ้นปี 2556 นี้ทั้งนี้ กลุ่มทุนเกาหลีได้เข้ามาทำสัญญาเช่าพื้นที่เป็นระยะเวลา 20 ปี เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมภาพจิตรกรรม 3 มิติ โดยเก็บค่าเข้าชมเด็ก 100 บาท และผู้ใหญ่ 150 บาทธุรกิจดังกล่าวมีผู้บริหารเป็นชาวเกาหลีซึ่งเป็นกลุ่มทุนเดียวกันกับที่ลงทุนอาร์ต อินพาราไดซ์ พัทยา เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน 2555 ที่ผ่านมา แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวว่า การทำสัญญาครั้งนี้ กลุ่มทุนเกาหลีได้ทำสัญญากับนายสุรชัย เหลืองชัยรัตน์ เจ้าของสีสวนพลาซ่า ซึ่งแม้ว่าศูนย์การค้าเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่แห่งนี้จะถูกสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ยึดไปแล้วและอยู่ระหว่างรอขายทอดตลาด แต่เจ้าของเดิมยังมีสิทธิ์และอำนาจเป็นคู่สัญญาได้เพราะเป็นข้อตกลงที่ทำไว้กับสถาบันการเงิน กลุ่มทุนเกาหลีได้ทำสัญญาเช่าเฉพาะตัวอาคารด้านหน้า ขณะที่พื้นที่อาคารด้านหลังยังเป็นของสีส่วนพลาซ่า ซึ่งเตรียมปรับพื้นที่สำหรับเปิดเป็นช้อปปิ้งมอลล์อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้เคยเปิดเป็นช้อปปิ้งมอลล์แล้วครั้งหนึ่ง ส่วนมูลค่าของศูนย์การค้าสีสวนพลาซ่า ด้วยราคาประเมินที่ดินย่านถนนช้างคลานที่สูงถึง ตารางวาละ 100,000 บาท หรือ ไร่ละ 40 ล้านบาท หากมีการซื้อขายจำนวนที่ดิน 11 รวมสิ่งปลูกสร้างจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 - 600 ล้านบาท แต่ราคาซื้อขายอาจลดลงเพราะที่ดินมีจุดอ่อนเนื่องจากบริเวณด้านหลังมีการขุดดินลึกลงไปกว่า 4 -5 เมตร จนกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่กินพื้นที่ประมาณ 1 ไร่   ข้อมูลจาก http://breakingnews.nationchannel.com วันที่ 12 มิถุนายน 2556

กิจกรรมเรียนรู้ลวดลายผ้าไทย

พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขอเชิญเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี เข้าร่วม กิจกรรมเรียนรู้ลวดลายผ้าไทย โดยการทำตรายางสำหรับพิมพ์บนผ้า ณ ห้องประชุมและห้องนิทรรศการ  ในวันที่ 29 มิถุนายน 2556 ตั้งแต่ 9.00 น. - 12.00 น. (ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 9.00 น.- 9.30 น.) กิจกรรมมีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน 150 บาท ซึ่งสามารถชำระได้ในวันเข้าร่วมกิจกรรม สนใจสำรองที่นั่งได้ที่ 0-2225-4520 หรือ 0-2225-4530 เพียงแค่มีอุปกรณ์ไม่กี่อย่าง ก็สามารถสร้างสรรค์ลายผ้าต่างๆ ได้อย่างใจคุณ  ตราประทับสวยๆ จากลวดลายของผ้าอินเดีย ตราประทับลวดลายนี้ สามารถใช้ตกแต่งบนกระเป๋าผ้าดิบ หรือเสื้อยืดสีขาว ซึ่งจะทำให้ของใช้ธรรมดาๆ ดูแปลกตาขึ้น ตราประทับลายสาวสวยในชุดไทยเรือนต้น น่ารักและแสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ข้อมูลจาก Queen Sirikit Museum of Textiles

ยิ่งใหญ่! "กิเลน"เตรียมเปิดพิพิธภัณฑ์สโมสร

ความเคลื่อนไหวของทีม “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ล่าสุดเตรียมลุกคืบตอกย้ำความเป็นผู้นำสโมสรฟุตบอล ต่อยอดความยิ่งใหญ่ด้านการตลาดและการจัดการ เปิด “พิพิธภัณฑ์สโมสรฯ” เป็นของตัวเอง ซึ่งนอกเหนือจากจะเป็นทีมแรกของเมืองไทยที่ผุดโปรเจกต์ใหญ่นี้แล้ว ยังเตรียมขยายธุรกิจพ่วง “สเตเดี้ยม ทัวร์” ซึ่งจะเป็นการเสริมความต้องการของแฟนบอลและเพิ่มช่องทางในการหารายได้เข้าสโมสรฯ ในอนาคตอีกด้วย โดยสำหรับตัวพิพิธภัณฑ์ วางโครงการบริเวณอัฒจันทร์โซน E หรือฝั่งธันเดอร์โดม ข้างห้องสื่อมวลชนของสนาม เอสซีจี สเตเดี้ยมซึ่งขณะนี้ขั้นตอนการออกแบบรวมถึงเนื้อหาต่างๆ ภายในตัวพิพิธภัณฑ์เสร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเตรียมเปิดให้แฟนบอลที่สนใจเยี่ยมชมในช่วงต้นเลก 2 นี้ (ครึ่งฤดูกาลหลัง ต้นเดือน ก.ค.)         โดยทางด้าน วสันต์ จันทร์ประนต ผู้จัดการสนามและพิพิธภัณฑ์สโมสรฯ เผยถึงโครงการใหญ่ครั้งนี้ว่า “เป็นภารกิจที่ท้าทายมากสำหรับผมตั้งแต่เข้ามาเริ่มงานกับสโมสรแห่งนี้ เพราะอย่างที่ทราบ ธุรกิจฟุตบอลสโมสรบ้านเราพึ่งบูมจริงๆ จังๆ มาไม่เกิน 4-5 ปีที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งแต่ละทีมรวมทั้งสโมสรฯ เราเองก็อยู่ในขั้นตอนการเรียนรู้การทำธุรกิจในเชิงฟุตบอลจากสโมสรระดับโลก มีการส่งทีมงานไปประเทศต่างๆ เพื่อศึกษาข้อมูลเพื่อนำมาปรับเข้าใช้กับสโมสรฯ และประเพณีบ้านเราเอง ซึ่งพิพิธภัณฑ์สโมสรในต่างประเทศถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญมากๆ เพราะเป็นสถานที่รวบรวมประวัติศาสตร์ความเป็นมา ความสำเร็จ เกียรติยศ สิ่งของที่มีค่า เช่น เสื้อแข่งขัน รองเท้านักฟุตบอล และอุปกรณ์ในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ         อย่างที่รู้ทีมในต่างประเทศจะมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเป็นร้อยปี และเอสซีจี เมืองทองฯ ของเรา ถึงแม้จะมีระยะเวลาก่อตั้งเพียง 7 ปี แต่ถ้านับเรื่องประวัติศาสตร์และความสำเร็จ เราก็มีแง่มุมต่างๆ มากมาย ที่พร้อมและพอที่จะนำเสนอสู่สังคมเพื่อได้มาเยี่ยมชมและศึกษาประวัติการทำทีมของเราซึ่งรับรองว่าน่าติดตามชมแน่นอน ก็หวังว่าเมื่อพิพิธภัณฑ์เปิดตัวแล้วจะได้รับการสนใจจากแฟนบอลและหน่วยงานองค์กรต่างๆ ที่จะเข้ามาเยี่ยมชมครับ” อนึ่งนอกจากตัวพิพิธภัณธ์สโมสรฯ ที่จะเปิดให้บริการแล้ว สนนราคาเข้าชมทางสโมสรฯ จะแจ้งให้ทราบเร็วๆนี้ ส่วนโปรโมทพิเศษสำหรับสมาชิกรายปีจะได้เข้าชมฟรี และครึ่งราคาสำหรับสมาชิกทั่วไป นอกจากนี้ทางสโมสรฯ เตรียมจะเปิดตัวแอลอีดี สกอร์บอร์ด และ แอลอีดี เอบอร์ด พร้อมพรีเซนเทชั่นลูกเล่นต่างๆที่เลื่อนกำหนดการเปิดตัวช่วงต้นฤดูกาล มาเปิดตัวพร้อมกันกับตัวพิพิธภัณธ์สโมสรฯ ในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อเพิ่มความตื่นตาตื่นใจอีกด้วย   ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 11 มิถุนายน 2556

3 หน่วยงาน จัดโครงการพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามฯ

นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดตั้งโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอานในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จัดเก็บคัมภีร์อัลกุรอานโบราณ และเอกสารสำคัญของพี่น้องชาวมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยขณะนี้ทราบว่าโรงเรียนสมานมิตรวิทยา จังหวัดนราธิวาส ได้นำคัมภีร์อัลกุรอานโบราณจำนวน 70 เล่มมามอบให้ และได้นำออกมาจัดแสดงจำนวน 37 เล่ม ซึ่งได้มาจากชาวไทยมุสลิมในท้องถิ่น บางเล่มได้มาจากการบริจาคของชาวมุสลิมในพื้นที่ชายแดนไทย- มาเลเซีย   นอกจากนี้ ยังมีคัมภีร์ภาษาบาลีแบบทิเบตที่รวบรวมไว้ แต่ยังไม่ได้นำมาจัดแสดง เบื้องต้นจึงเห็นว่าจะต้องรวบรวมศิลปะวัตถุ โบราณวัตถุ และข้าวของเครื่องใช้วิถีชีวิตของมุสลิมในจังหวัดนราธิวาส และใกล้เคียงเหล่านี้มาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม และศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิม รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ นำมาสู่สันติสุขแก่ประชาชนในท้องถิ่นและผู้มาเยือน   ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 9 มิถุนายน 2556

ขุดภาพความทรงจำกับของเล่นวัยเด็ก ในนิทรรศการ"เล่น ๆ"

สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอเชิญชมนิทรรศการ “เล่น ๆ” ร่วมย้อนอดีตไปกับ ของเล่นหลากหลายรูปแบบ ที่เต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน สร้างเสริมทักษะและจินตนาการ ทั้งยังแฝงเรื่องราววัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม ศิลปะ และเทคโนโลยีในแต่ละยุคสมัย ของเล่นพื้นบ้านจากวัสดุธรรมชาติรุ่นปู่ย่า เช่น ตุ๊กตาดินเผา ปลาตะเพียนสานใบลาน กระดิ่งลมจากก้ามปูและเปลือกหอย สู่ของเล่นวิทยาศาสตร์ในรุ่นพ่อแม่ จำพวกสังกะสี โลหะ พลาสติก แก้ว ผ้า เช่น รถยนต์ หุ่นยนต์ ตุ๊กตาขนปุย รถราง ลูกโป่ง ลูกบอล มาจนถึงของเล่นไฮเทครุ่นลูกหลาน เช่น ตุ๊กตาบลายธ์ เกมกด เฟอร์บี้ ฯลฯ ขอเชิญร่วมขุดภาพความทรงจำกับของเล่นวัยเด็กร่วมกันในนิทรรศการ “เล่น ๆ” ทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 8.00 – 16.30 น. ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2556 ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  0-5569-1218 ข้อมูลจาก สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน ม.นเรศวร

พิพิธภัณฑสถานเมืองตราดเปิดแล้ว!

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. นายสุระ เตชะทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดพิพิธภัณฑสถานเมืองตราดจังหวัดตราด และพิธีส่งมอบพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ให้เป็นพิพิธภัณฑสถานประจำเมือง และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ส่งเสริม เผยแพร่มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยมีนายธีระ สลักเพชร ส.ส.ตราด อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้ผลักดันให้มีการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว น.ส.เบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นายวิเชียร ทรัพย์เจริญ นายก อบจ.ตราด นายชนินท์ สุทธิวารี นายกเทศมนตรีเมืองตราด และประชาชนกว่า 300 คน ร่วมในพิธี         โดยนายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า อาคารพิพิธภัณฑ์จังหวัดตราด คืออาคารศาลากลางหลังเก่า ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2465 ในสมัยรัชกาลที่ 6 และกรมศิลปากรได้ประกาศให้เป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2539         ต่อมา อาคารได้ถูกไฟไหม้เสียหายเกือบทั้งหลัง และในปี 2543 ประชาชน และหน่วยงานราชการต่างๆ ของ จ.ตราด ได้เห็นควรที่จะสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ และใช้เป็นพิพิธภัณฑสถาน ซึ่งเทศบาลเมืองตราด ได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 16.14 ล้านบาท ให้กรมศิลปากรดำเนินการ และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2549         และในระหว่างปี 2553-2555 นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ขณะนั้น ได้ตั้งงบประมาณให้กรมศิลปากร ดำเนินการงานทางวิชาการ และเทคนิคการแสดงภายใน กระทั่งในวันที่ 26 พฤษภาคม 2556 ได้ส่งมอบพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ให้เทศบาลเมืองตราด ดำเนินการบริหารจัดการ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้มรดกทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และวิถีชีวิตเมืองตราดต่อไป         สำหรับพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ตั้งอยู่ที่ถนนสันติสุข อำเภอเมือง จังหวัดตราด มีพื้นที่ใช้สอย 793 ตารางเมตร ห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวร แบ่งออกเป็น 6 หัวข้อประกอบด้วย 1) มรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งตราด 2) ผู้คนเมืองตราด 3) ลำดับทางโบราณตดีและประวัติศาสตร์เมืองตราด 4) เหตุการณ์สำคัญในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 5) เหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง และ 6) ตลาดเมืองตราด         เปิดให้เข้าชมในวันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.30-16.30 น. หยุดวันจันทร์ 1 วัน    ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 26 พฤษภาคม 2556

Museum Family ตอน "คน เชิด ..."

สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) เปิดตัวโครงการ “Museum Family” จับมือเครือข่ายพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ 20 แห่ง พร้อมยกขบวนความรู้และกิจกรรมหลากหลายมาจัดแสดงที่ “มิวเซียมสยาม” ตลอดทั้งปี !!   Museum Family : คน เชิด ...   สืบสานและสร้างสรรค์ภูมิปัญญาไทย : ศิลปะการเชิดหุ่น โดย ศูนย์วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ • นิทรรศการ “หุ่นไทยในสยาม” วันที่ 1 – 30 มิถุนายน 2556เวลา 10.00 – 18.00 น.   ร่วมเดินทางเรียนรู้ไปกับเรื่องราวศิลปะการแสดงหุ่น มหรสพของไทยที่มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งปรากฏหลักฐานในกลอนสวดเรื่อง “เนมิกราช” ซึ่งเขียนในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่า มีหุ่น มีโขน   • การแสดง “ศิลปะการเชิดหุ่น” ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตลอดเดือนมิถุนายน 2556  เวลา 13.00 น. และ 15.00 น. (วันละ 2 รอบ)   พบกับการแสดงศิลปะการเชิดหุ่นประเภทต่างๆ อาทิ หุ่นกระบอก หุ่นละครเล็ก หุ่นคน ผ่านเรื่องราวในวรรณกรรมและวรรณคดี คน เชิด หนัง โดย พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน จังหวัดราชบุรี • การแสดงหนังใหญ่ ชุด “ศึกมรรคา” และ “ยกรบ” วันที่ 29 มิถุนายน (ชุด “ศึกมรรคา”) และ 30 มิถุนายน 2556 (ชุด “ยกรบ”)เวลา 14.00 น. และ 16.00 น.   • เสวนา “เล่าเรื่องราวเส้นทางหนังใหญ่ที่หายไป” วันที่ 30 มิถุนายน 2556 เวลา 15.00 – 16.00 น.     วิทยากร: หลวงพ่อพระครูพิทักษ์ -- เจ้าอาวาสวัดขนอน จังหวัดราชบุรี คุณจฬรรณ์ ถาวรนุกูลพงษ์ -- ผู้จัดการการแสดงหนังใหญ่วัดขนอน   ผู้ดำเนินรายการ: คุณทวีศักดิ์ วรฤทธิ์เรืองอุไร -- นักจัดการความรู้อาวุโส สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ   ทำไมหนังใหญ่ของไทยจึงหายไป แล้วหนังใหญ่หายไปไหน ร่วมค้นหาเรื่องราวของหนังใหญ่ ศิลปะการแสดงมหรสพชั้นสูงของไทย แต่ทำไมถึงไปอยู่ที่วัดขนอน • กิจกรรมสาธิต “แกะสลักตัวหนัง” โดย กลุ่มอนุรักษ์หนังใหญ่วัดขนอน วันที่ 29 – 30 มิถุนายน 2556เวลา 10.00 – 18.00 น.    ร่วมเรียนรู้และทดลองการแกะสลักลวดลายตัวหนัง ของดีเมืองราชบุรีที่คุณก็สามารถทำได้   * ทุกรายการร่วมกิจกรรม ฟรี!! สอบถามโทร. 02-225-2777 ต่อ 400 หรือ facebook.com/MuseumSiamFan   หมายเหตุ: กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม   ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มิวเซียมสยาม  

อพวช.-เนคเทคจับมือพัฒนาแอปฯ นำเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทย์

อพวช.-เนคเทคจับมือพัฒนาแอปฯ นำเที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทย์ สนับสนุนโครงการแท็บเล็ตสำหรับนักเรียน ให้ข้อมูลตั้งแต่เริ่มต้นการเดินทาง ตลอดจน 8 จุดไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์ ให้ข้อมูลทั้งภาพและวิดีโอที่มากกว่าแค่แสดงในพิพิธภัณฑ์ พร้อมฟังก์ชันอ่านบาร์โค้ดเข้าสู่ข้อมูลที่มากกว่า แต่ยังอยู่ในขั้นพัฒนา หลังปิดจุดอ่อนแล้วจะเปิดให้ดาวน์โหลดใน Google Play         องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ลงนามความร่วมมือการวิจัยและพัฒนาระบบนำชมอิเล็กทรอนิกส์สำหรับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ด้วยอุปกรณ์สมาร์ทโฟน เมื่อวันที่ 21 พ.ค.56 ณ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ได้เข้าร่วมในงานดังกล่าวด้วย ส่วนหนึ่งของความร่วมมือดังกล่าวคือแอปพลิเคชั่น iQ@Museums สำหรับมือถือและแท็บเล็ตระบบแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 3.2 ขึ้นไป ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับนำชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ โดยเบื้องต้นได้นำเสนอนิทรรศการ 8 จุดน่าสนใจ อาทิ นิทรรศการป้าลูซี่ นิทรรศการ นิทรรศการจานกระซิบ นิทรรศการทรงกลมพลาสมา นิทรรศการแรงเสียดทาน เป็นต้น         นอกจากนี้แอปพลิเคชั่นดังกล่าวยังมีฟังก์ชันแผนที่เพื่อนำทางจากบ้านมายังพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา และพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศที่อยู่ใกล้เคียงกันด้วย และผู้ใช้งานยังสามารถใช้กล้องอ่านแถบ QR Code ที่หน้าชิ้นงานเพื่อแสดงข้อมูลที่มากกว่า         ทางด้าน ดร.ละออ โควาวิสารัช นักวิจัยจากเนคเทคผู้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาแอปพลิเคชั่น กล่าวว่า เพิ่งพัฒนาแอปพลิเคชันมาได้ 3-4 เดือน ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้เพื่อนำไปปรับปรุง ซึ่งอนาคตคาดว่าจะสามารถเปิดให้ดาวน์โหลดทาง Google Play ได้         หากแต่ระหว่างนี้ยังเปิดให้ใช้แอปพลิเคชั่นดังกล่าวเฉพาะในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้ไว-ไฟ ชื่อ NSM-SmartGuide ของ อพวช.เพื่อติดตั้งแอปพลิเคชั่นผ่านทางบราวเซอร์ http://iQ.nsm.or.th/download แต่ต้องตั้งค่า Security หรือ application ในเมนู settings เป็น Unknow sources เสียก่อน         เหตุผลที่ทีมวิจัยเลือกพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับระบบแอนดรอยด์เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายแท็บเล็ตสำหรับนักเรียนซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการดังกล่าว แต่อนาคตจะพัฒนาเพื่อให้รองรับระบบปฏิบัติการ iOS ด้วยนอกจากนี้ ดร.ละออกล่าวด้วยว่า ข้อมูลจากแอปพลิเคชั่นยังช่วยให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลพฤติกรรมของผู้เข้าชมนิทรรศการเพื่อวางแผนการจัดนิทรรศการต่อไปได้   ข้อมูลและรูปประกอบจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 21 พฤษภาคม 2556

จี้ให้ปรับทะเบียนโบราณวัตถุเป็นดิจิตอล

นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามโบราณวัตถุหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมอดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่โจรกรรมโบราณวัตถุอายุหลายร้อยปีในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี จ.ชัยนาทไปขาย 50 รายการ จำนวน 59 ชิ้น ว่า ขณะนี้ติดตามโบราณวัตถุที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาได้แล้ว 19 รายการ จำนวน 28 ชิ้น เหลืออีก 31 รายการ จำนวน 31 ชิ้น ส่วนใหญ่เป็นภาชนะเครื่องเคลือบดินเผา ถ้วยชามเขียนลาย ส่วนงาช้างจำนวน 2 คู่ ติดตามคืนมาได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะติดตามได้มาบางส่วน แต่ตนได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ ถ้าพบว่าเจ้าหน้าที่บกพร่องต้องมีมาตรการลงโทษด้วย         อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ตนได้ส่งหนังสือแจ้งให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 44 แห่งทั่วประเทศ เข้มงวดเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยและตรวจสอบโบราณวัตถุในคลังพิพิธภัณฑ์ว่าอยู่ครบตามทะเบียนหรือไม่ โดยให้แต่ละแห่งรายกลับมายังส่วนกลาง รวมทั้งปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขด้วย รวมทั้งให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทุกแห่งปรับปรุงระบบการตรวจสอบโบราณวัตถุ โดยเฉพาะการปรับปรุงการทำทะเบียนโบราณวัตถุใหม่ ซึ่งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยเปลี่ยนรูปแบบการทำทะเบียนเป็นระบบดิจิตอลจากเดิมจดบันทึก โดยได้เก็บข้อมูลอย่างละเอียดของโบราณวัตถุแต่ละชิ้นใหม่ทั้งหมดทั้งรูปภาพ ขนาดและประวัติ   ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 9 พฤษภาคม 2556