มาเยือนโซลทั้งที นักท่องเที่ยวคงไม่พลาดที่จะแวะชมความงดงามของพระราชวังคย็องบกกุง (Gyeongbokgung) พระราชวังหลวงเก่าแก่แห่งนี้ถูกสร้างในสมัยโชซอนเมื่อกว่าเจ็ดร้อยปีที่ผ่านมา ระหว่างทางเดินชมพระราชวังจะเห็นสาวเกาหลีหน้าตาแฉล้มใส่ชุดฮันบกสีสันสดใสยืนถ่ายรูปอยู่ตามมุมต่างๆของพระราชวัง ภาพผู้คนแต่งชุดประจำชาติที่ผสมกลมกลืนไปสิ่งปลูกสร้างตรงหน้ายิ่งช่วยให้จินตนาการย้อนไปในอดีตเมื่อครั้งที่พระราชวังแห่งนี้ยังมีชีวิตนับร้อยอาศัยอยู่
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดลงมา ณ มุมหนึ่งของพระราชวังคย็องบกกุง
แต่พระเอกของวันนี้ไม่ใช่พระราชวัง หรือหญิงสาวใส่ชุดฮันบก หากแต่เป็น “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี” ที่ตั้งอยู่ทางด้านฝั่งใต้ของพระราชวัง สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมของสิ่งของทางประวัติศาสตร์กว่าหลายพันชิ้น ซึ่งล้วนแต่ผ่านการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของคนเกาหลีจากหลายยุคสมัยก่อนมาแล้วทั้งสิ้น
นักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาถ่ายรูปด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี
ความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์อยู่ที่วิสัยทัศน์ของพิพิธภัณฑ์ที่จะทำให้มีลักษณะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ปฏิสัมพันธ์กับโลกและเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ “A museum that interacts with the world” โดยนำเอาแนวคิดอย่างเช่น “Edutainment”แนวคิดเรื่องการศึกษาที่ผสมผสานกับความสนุกสนานบันเทิง “Globalism” ที่พยายามทำให้ความรู้เกี่ยววัฒนธรรมท้องถิ่นกับวัฒนธรรมโลกผสมผสานเข้าด้วยกัน และ “Eco – museum” แนวคิดด้านนิเวศพิพิธภัณฑ์หรือการผสานท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม
จากแนวคิดดังกล่าว ทำให้การเข้าชมเป็นเรื่องความรู้พอๆ กับความบันเทิงใจตั้งแต่ย่างเท้าเข้าเขตพิพิธภัณฑ์ อย่างเช่น รูปปั้นนักษัตร 12 ราศีที่ตั้งอยู่ด้านหน้าตึกพิพิธภัณฑ์ที่สะท้อนความเชื่อพื้นบ้านของเกาหลี พอเข้ามาชมนิทรรศการถาวรภายในก็ได้ลองหยิบจับอุปกรณ์หรือสิ่งของต่างๆ ที่ทางพิพิธภัณฑ์จัดวางไว้ให้ได้ลองเล่นได้ลองสัมผัสวิถีชีวิตของชาวเกาหลีในอดีต
รูปปั้นนักษัตร 12 ราศีที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์
มุมนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ทดลองเขียนตัวอักษรลงบนทราย
อย่างที่ชาวเกาหลีสมัยก่อนเคยเขียนกัน
นิทรรศการถาวรแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกจัดแสดงสิ่งของในชีวิตประจำวันที่สะท้อนวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาวเกาหลีตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงยุคสมัยใหม่ ส่วนถัดมาเป็นนิทรรศการที่แสดงให้เห็นว่าชาวเกาหลีมีชีวิตความเป็นอยู่เช่นไรในช่วง Joseon (1392-1910) ซึ่งเกี่ยวพันกับชีวิตทางการเกษตร และวงจรในรอบปีของฤดูกาลทั้งสี่ นิทรรศการในห้องนี้จำลองบรรยากาศหมู่บ้านของวิถีชีวิตคนสมัยก่อนไว้ได้อย่างสวยงาม ในส่วนสุดท้ายของนิทรรศการคือส่วนของสิ่งของทางประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนไปตามหัวข้อต่างๆ แล้วแต่ประเด็นที่ตั้งขึ้นมา
ตัวอย่างหนังสือเขียนมือเก่าเก็บของชาวเกาหลี
ที่ยังคงสภาพความสดใสของสีไว้ได้อย่างชัดเจน
บ้านจำลองในมุมหนึ่งของพิพิธภัณฑ์
สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ประจำวันของชาวเกาหลี
นับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1946 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการศึกษาวิจัยในขั้นต้นเกี่ยวกับวิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวเกาหลี มีการตีพิมพ์รายงาน และจัดบรรยายส่งเสริมความรู้ให้กับบุคคลทั่วไปมาโดยตลอด ผู้เข้าชมยังสามารถชมนิทรรศการผ่านออนไลน์ได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ทางพิพิธภัณฑ์ยังมีความพยายามในการสร้างเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรม
หน้ากากเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความบันเทิงให้แก้ผู้คน
และอยู่ในวัฒนธรรมของชาวเกาหลีมาช้านาน
หุ่นจำลองวิถีชีวิตในโรงเรียนของชาวเกาหลีสมัยก่อน
อีกส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ที่สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้กันคือ Children’s Museum ส่วนที่น่าสนใจและเป็นสีสันของพิพิธภัณฑ์น่าอยู่ที่นิทรรศการถาวรของพิพิธภัณฑ์ที่เป็นเหมือนพื้นที่เรียนรู้ที่น่าสนุกสนานของเด็กๆ มีการดีไซน์รูปแบบของนิทรรศการแบบที่เด็กๆ สามารถใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าได้อย่างเต็มที่ เด็กๆ จะได้รับการกระตุ้นจินตนาการ และความสนุกสนานไปพร้อมๆ กับความรู้ ผ่านการมองเห็นการเล่นการสัมผัส