เอกสารโบราณในประเทศไทย

Manuscripts of Thailand

Total : 59 pages , Total amount : 1,870 Records , Total amount : 2 Resources.

สมุดภาพไตรภูมิโลกวินิจฉัย
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านตลาดน้ำวัดลำพญา สมุดภาพไตรภูมิโลกวินิจฉัย
NPT004-024สมุดภาพไตรภูมิโลกวินิจฉัย
ตำนาน

วรรณคดีเรื่องนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น เตภูมิกถา ไตรภูมิกถา ไตรภูมิวินิจฉยกถา ไตรภูมิโลกวินิจฉัย ไตรโลกวินิจฉยกถา และไตรภูมิฉบับหลวง เป็นต้น ปัจจุบันในวงการวรรณคดีเรียกว่า ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา เพื่อให้ต่างจากไตรภูมิกถาฉบับพญาลิไท ช่วงเวลาที่มีการแต่งไตรภูมิโลกวินิจฉยกถาขึ้นนั้นยังไม่พบไตรภูมิกถาฉบับพญาลิไท ทั้งสองฉบับมีเนื้อความคล้ายกัน แต่ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถามีความละเอียดมากกว่า ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถามุ่งจะอธิบายพระพุทธคุณในส่วนที่ได้ชื่อว่า “โลกวิทู” ซึ่งหมายถึงการรู้โลกของพระพุทธองค์ ได้แก่ สังขารโลก สัตตโลก และโอกาสโลก โดยแสดงละเอียดเฉพาะส่วนที่เรียกว่า โอกาสโลก ซึ่งได้แก่แผ่นดิน จักรวาลเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์โลกทั้งปวง รวมถึงดวงอาทิตย์ดวงจันทร์เนื้อความของไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา แบ่งออกเป็น 8 ภาค คือ โอกาสวินาสโลกกถา โอกาสสัณฐาหนโลกกถา นิริยโลกกถา เปตโลกกถา ติรัจฉานโลกกถา มนุสสโลกกถา เทวโลกกถา พรหมโลกกถา สภาพเอกสารชำรุดมากเหลือเพียงเล็กน้อยในส่วนที่เป็นภาพวาดเท่านั้น

สมุทรโฆษชาดก
วัดใหม่นครบาล สมุทรโฆษชาดก
RBR003-236สมุทรโฆษชาดก
ธรรมคดี

หน้าทับต้น เขียนอักษรธรรมล้านนาด้วยปากกาเมจิกสีดำ “สมุทฺทโฆโสชาตกํ ผูกเดียว” ท้ายลาน ระบุ “สมุทฺทโฆโสชาตกํ นิฏฺฐิตํ กิริยาอันกล่าวยังสมุทรโฆษชาดกก็แลเท่านี้ก่อนแล ฯฯ๛ หน้าทับเค้าพุทธโฆโส ผูกเดียวแล แลนายเหย รัสสภิกขุปูก เป็นศรัทธาเขียน ลลล รัสสภิกขุรีด เป็นศรัทธาใบลานถวาย พี่ปูกเขียนยามเมื่ออยู่วัดดอนมะโก ใจบ่ตั้ง มือบ่เที่ยง เพราะเพิ่งไปตอดห[า]ปลา ข้าพเจ้าหันสาวบ้านขอกฝายแลเหย อิเลยเคยคาย สาวบ้านเขาฝ้ายตกน้ำแม่ ขูดเงย บุญมาเงย บุญมีเงย ข้าเขียนบ่ดีตัวบ่งามสักหน้อยแลเจ้าที่ไหว้เหย ที่ตกก็ตกแล ที่ผิดก็ผิด รัสสภิกขุองค์ใดเทศนาก็ค่อยพิจารณาดูจิ่ม คันตกทัดใด ใส่หื้อจิมเนอ ๛ บ่เคยเขียนสักคำเทื่อเลย บ่เคยแท้แท้หนา XXXXX หนังสือพุทธโฆโสแลมาแต่บ้านวัดดอนทะโกแล ม่วนอาละแล ๛”

สวดแจง
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดคงคาราม สวดแจง
RBR002-0684สวดแจง
ธรรมคดี

คำว่า “แจง” แปลว่า ขยายความ กระจายความ ใช้เรียกการเทศน์สังคายนาหรือเทศน์สอบทานพระธรรมวินัยโดยเฉพาะในการทำสังคายนาครั้งที่ 1 นิยมเรียกการเทศน์ในลักษณะนี้ว่า “เทศน์แจง” ดังนั้น “การเทศน์แจง” คือการเทศน์เรื่องการทำสังคายนาครั้งแรกในพระพุทธศาสนา เนื้อหาของการเทศน์แจงคือขยายความข้อธรรมและข้อวินัยในพระธรรมปิฎกโดยย่อพอให้เป็นกริยาบุญ นิยมเทศน์ในงานศพของผู้ใหญ่ โดยถือว่าการเทศน์แจงเป็นบุญใหญ่ เป็นการรักษาพระธรรมวินัยไว้ เป็นการเลียนแบบการทำสังคายนาครั้งแรก ซึ่งมีผลทำให้รักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ตราบเท่าทุกวันนี้ “การสวดแจง” ก็คือการสวดสาธยายพระวินัย พระสูตรและพระอภิธรรมโดยย่อโดยนิยมสวดในงานฌาปนกิจ อ้างอิง เทศน์แจง-สวดแจง. ข้อมูลจาก https://cybervanaram.net/index.php?option=com_content&view=article&id=776:2012-06-29-02-30-52&catid=5:2009-12-17-14-44-06&Itemid=14 ภาพประกอบ : หน้าปกลงรักปิดทองลายดอกพิกุล ภาพวาดลงสีสวยงาม รหัสเอกสารเดิม : เลขทะเบียนเดิม 27

สวัสดิรักษา
วัดใหม่นครบาล สวัสดิรักษา
RBR003-018สวัสดิรักษา
ตำราโหราศาสตร์

สวัสดิรักษาคำกลอน แต่งโดยสุนทรภู่ ในสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นคำสอนชายไทยชั้นสูง ให้แนวทางประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันและในการรบ ทั้งที่เป็นข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติ ทั้งการปฏิบัติต่อตนเองและการมี ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แนวทางปฏิบัติทุกประการล้วนมุ่งรักษา “สิริ” อันจะทำให้เกิดสวัสดิมงคลแก่ตนเอง เพื่อให้ประสบแต่สิ่งดีงามและส่งผลสู่เชื้อสายวงศ์ตระกูลอีกด้วย คำสอนนั้นเริ่มตั้งแต่การปฏิบัติตนเมื่อตื่นนอนตอนเช้าจนกระทั่งเข้านอนโดยมุ่งหวังให้เกิดสิริมงคลด้วยการปฏิบัติตนในแต่ละวัน ตามลำดับกาลเทศะและเหตุการณ์อย่างเหมาะสม เช่น เมื่อตื่นนอนในตอนเช้า ต้องไม่โกรธ ให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกและทิศใต้ เสกน้ำด้วยพระธรรมคาถา รำลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วจึงล้างหน้าโดยเริ่มกล่าววาจาที่ดีก่อนก็จะบังเกิดความยั่งยืนเพิ่มพูนศักดิ์ศรีอันประเสริฐเพราะยามเช้าราศีสถิตอยู่ที่ใบหน้า เวลากลางวันนั้นราศีสถิตที่ลำตัวให้อาบน้ำและประพรมด้วยน้ำหอมที่อกก็จะมีสุขสำราญไร้โรค ส่วนในเวลาค่ำนั้นราศีสถิตที่เท้าจึงควรล้างเท้าทั้งสองให้สะอาดและห้ามมิให้สตรีข้ามเท้า เวลากินอาหารให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก จะทำให้มีอำนาจและอายุยืน หากหันหน้าไปทางทิศใต้ จะมีคนรักใคร่ไปมาหาสู่มิได้ขาด ถ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันตกจะมีความสุขและมียศ ความทุกข์จะบรรเทาลง ห้ามหันหน้าไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นทิศที่ร้าย จะทำให้ถึงสิ้นชีวิตหรือทำให้อายุสั้นลง ข้อมูลจากฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย https://www.sac.or.th/databases/thailitdir/detail.php?meta_id=245

สฬากริวิชชาสูตร
วัดใหม่นครบาล สฬากริวิชชาสูตร
RBR003-372สฬากริวิชชาสูตร
ธรรมคดี

หน้าต้น เขียนอักษรธรรมล้านนา ด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงิน “(สลากริวิซาสุฑและ)” และอักษรไทย “(เก็บมาจากวัดทุ่งตาล) ข้าพเจ้าได้อ่านทานดูแล้วน่าใช้ได้ พระกิตติปาโล (ปุย) XXXพันธ์” ลานแรก หัวลาน ระบุ “วิชานสูตรแล” ท้ายลาน ระบุ “สฬากริวิชฺชาสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ กริยาสังวรรณนาอันแก้ไขยังสฬากริวิชชาสูตรอันมีในทิพมนต์ผูกเดียว ก็สมเร็จเสด็จบรมวลควรแก่กาลเท่านี้ก่อนแล ก็สมเร็จแล้วเดือน ๓ แรม ๗ ค่ำ พร่ำว่าได้วัน ๗ แลนายเหย เสด็จแล้วยามเมื่อจักใกล้ค่ำ ข้าขอกุศลนาบุญอันนี้ไปรอดไปเถิงบิตตามาดาครูบาอุปัชฌาย์อาจารย์แห่งข้านี้ชู่ผู้ชู่คนแด่เทอะ ส่วนว่าตนตัวข้านี้ขอสุข ๓ ประการ มีนิพพานเป็นที่แล้วเข้าสู่เวียงแก้วเวชไชย ขออย่าหื้อมีโรคาพยาธิเยื่องใด ข้าขอกุศลนาบุญอันนี้ไปได้ขวางหม้า (ควรเป็น หน้า) หับทับอบายภูมิทั้ง ๔ ขออย่าหื้อได้พบได้หันข้าขอหื้อได้พบพระอริยเมตไตยตนจักมาเกิดภายหน้านี้ จุ่งจักมีเที่ยงแท้ดีหลี คันว่ายังเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสารนี้อย่าหื้อได้ทุกได้ยากลำบากเหมือนชาตินี้เลย ธุวํ ธุวํ นิจฺจํ นิจฺจํ แก่ข้าเทอะ ตนตัวข้าเขียน ชื่อว่า รัสสภิกขุเตา เขียนปางเมื่ออยู่วัดนครบาลแล” (ตัวเอียง เป็นตัวเลขไทย)