เอกสารโบราณในประเทศไทย

Manuscripts of Thailand

Total : 59 pages , Total amount : 1,875 Records , Total amount : 2 Resources.

มหาเวสสันดร กัณฑ์ทศพร
วัดเจ็ดริ้ว มหาเวสสันดร กัณฑ์ทศพร
SKN001-039มหาเวสสันดร กัณฑ์ทศพร
ธรรมคดี

กัณฑ์ทศพร เป็นกัณฑ์ที่พระอินทร์ประสาทพรแก่พระนางผุสดี ก่อนที่จะจุติลงมาเป็นพระราชมารดาของพระเวสสันดร ภาคสวรรค์ พระนางผุสดีเทพอัปสรสิ้นบุญท้าวสักกะเทวราช สวามีทรงทราบจึงพาไปประทับยังสวนนันทวันในเทวโลก พร้อมให้พร 10 ประการ คือ ให้ได้อยู่ในปราสาทของพระเจ้าสิริราชแห่งนครสีพี ขอให้มีจักษุดำดุจนัยน์ตาลูกเนื้อ ขอให้มีคิ้วดำสนิท ขอให้พระนามว่าผุสดี ขอให้มีโอรสที่ทรงเกียรติยศเหนือ กษัตริย์ทังหลายและมีใจบุญ ขอให้มีครรภ์ที่ผิดไปจากสตรีสามัญ คือแบนราบในเวลาทรงครรภ์ ขอให้มีถันงามอย่ารู้ดำและหย่อนยาน ขอให้มีเกศาดำสนิท ขอให้มีผิวงาม และข้อสุดท้ายขอให้มีอำนาจปลดปล่อยนักโทษได้ ------------ เวสสันดรชาดก. จาก https://www.watbuddha.org/th/maha-vessantara-jataka/

มหาเวสสันดร กัณฑ์หิมพานต์
วัดเจ็ดริ้ว มหาเวสสันดร กัณฑ์หิมพานต์
SKN001-040มหาเวสสันดร กัณฑ์หิมพานต์
ธรรมคดี

กัณฑ์ที่ 2 หิมพานต์ เมื่อพระนางผุสดี เทพอัปสรจุติจากสวรรค์ลงมาเกิดเป็นราชธิดาของพระเจ้ามัททราช ครั้นเจริญวัยก็มีสิริรูปงามสมตามที่ปรารถนาไว้ เมื่อมีพระชนมายุได้ 16 พรรษา ก็ได้รับอภิเษกให้เป็นมเหสีของพระเจ้าสัญชัยสิวิรัฐนคร แคว้นสีพีรัฐสมดั่งคำพระอินทร์นั้น ครั้งเมื่อทรงพระครรภ์ครบ 10 เดือน พระอินทร์ก็ทูลอาราธนาพระโพธิสัตว์มาจุติในครรภ์พระนาง ประสูติพระกุมาร วันหนึ่งพระนางผุสดี ทรงทูลขอพระราชาประพาสพระนคร เมื่อขึ้นสีวิกาเสลี่ยงทองเสด็จสัญจร ไปถึงตรอกทาง ของเหล่าพ่อค้าก็เกิดปวดพระครรภ์ และทรงประสูติพระราชาโอรสกลางตรอกนั้น พระราชกุมารจึงได้พระนามว่า "เวสสันดร" ในวันที่พระราชกุมารทรงประสูติ พญาช้างฉัททันต์ได้นำลูกช้างเผือกเข้ามาในโรงช้างต้น ช้างเผือกคู่เผือกคู่บารมี นั้นมีนามว่า "ปัจจัยนาเคนทร์" พระราชกุมารเวสสันดร ทรงบริจาคทานตั้งแต่ 4-5 ชันษา ทรงปลดปิ่นทองคำ และเครื่องประดับเงินทองแก้วเพชรให้แก่นางสนมกำนัลทั่วทุกคนถึง 9 ครั้ง เพื่อมุ่งหวังพระโพธิญาณภายภาคหน้า เมื่อทรงเจริญชันษาได้ 9 ปี ก็ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่าจะบริจาคเลือดเนื้อ และดวงหทัย เพื่อมุ่งพระโพธิญาณ ในกาลข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ครั้นถึงวัย 16 พรรษา ก็แตกฉานในศิลปวิทยา 18 แขนง ทรงได้ขึ้นครองราชย์ และอภิเษกกับพระนางมัทรี และมีพระโอรสกับพระธิดาพระนามว่า "ชาลีกุมาร" และ "กัณหากุมารี" อันหมายถึง ห่วงทองบริสุทธิ์ เวลาต่อมาเมืองกลิงครัฐเกิดกลียุค ฝนแล้งผิดฤดูกาลข้าวยากหมากแพงเป็นที่ยากเข็ญทุกข์ร้อนไปทั่ว ชาวนครมาชุมนุมร้องทุกข์หน้าวังกันแน่นขนัด พระเจ้ากลิงคราชจึงทรงถือศีล 7 วัน เพื่อขอบุญกุศลช่วย ทว่าฝนฟ้าก็ยังแล้งหนัก อำมาตย์จึงทูลให้ทรงขอช้างเผือกแก้วปัจจัยนาเคนทร์ของพระเวสสันดร ด้วยว่าพระเวสสันดรกษัตริย์สีพีรัฐนั้นขี่ช้างคู่บารมีไปหนใด ก็มีฝนโปรยปรายชุ่มชื้นไปทั่วแคว้น พระเจ้ากลิงคราชจึงส่ง 8 พราหมณ์ไปทูลขอช้างแก้วจากพระเวสสันดร เมื่อได้ช้างแก้วจากพระเวสสันดรแล้ว พราหมณ์ก็ขี่ช้างออกจากกรุง บรรดาชาวนคร เห็นช้างพระราชาก็กรูกันเข้าล้อม และตะโกนด่าทอจะทำร้ายพราหมณ์ทั้ง 8 คน แต่พราหมณ์ตวาดตอบว่า พระเวสสันดรพระราชทานช้างให้พวกตนแล้ว เมื่อพราหมณ์นำช้างแก้วไปถึงเมือง ฝนฟ้าก็โปรยปรายลงมาเป็นที่ยินดีทั้งแคว้น แต่ในกรุงสีพีนั้นกลับอลหม่าน มหาชนต่างมาชุมนุมที่หน้าพระลานร้องทุกข์พระเจ้ากรุงสัญชัยว่า พระเวสสันดรยกพระยาคชสารคู่บ้านเมืองให้คนอื่น ผิดราชประเพณี เกรงว่าอีกต่อไปภายหน้าอาจยกเมืองให้คนอื่นก็ได้ ขอให้เนรเทศพระเวสสันดรออกจากนครเถิด ---------- กัณฑ์หิมพานต์. จาก https://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/mahachat/chadok_02.html

มโหสถ ผูก 1
วัดใหม่นครบาล มโหสถ ผูก 1
RBR003-290มโหสถ ผูก 1
ธรรมคดี

RBR_003_290-299 รวมอยู่ใน “เลขที่ 15 มหานิบาตทสชาติ (มโหสถ) อักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลี-ไทยล้านนา ฉบับทองทึบ 10 ผูก” หน้าต้น ระบุ “๚ หนังสือมโหสถ ผูกหนึ่งแล มีสิบผูกกับกันแลนายเหย อย่าไปหื้อพรากเสียกันเนอ ฯฯ๛ หน้าทับเค้า มโหสถ ผูกต้น ตัวบ่มนสักน้อย ค่อยพิจารณาดูเทอะ ที่ผิดก็มี ที่ถูกก็มี บ่ดีไหนหลาย อย่าไปเสียใจเนอ เจ้าใบลานชู่คนเหย ๚ ๚ ๚ ๚ ๚ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๐” / เขียนอักษรไทย ด้วยดินสอ “๑” และปากกาลูกลื่นสีน้ำเงิน “มะโหสด ผูก ๑” ท้ายลาน ระบุ “ปริจเฉทธรรมเทศนามโหสถบัณฑิตอันเป็นปฐมผูกต้น อันพิจารณาถ้อยคำโจรลักงัวเป็นเค้า ตราบต่อเท่าเถิงโตรลักเมีย ก็สมเร็จเสด็จบรมวลเท่านี้ก่อนแล ๚ ๚ รัสสภิกขุธอง เขียนปางเมื่อพื้น (เพิ่น-เพื่อน?) อยู่วัดหนองบักดอแล เสด็จแล้วเดือน ๑๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำ พร่ำว่าเป็นวันเสาร์แล ๚ ข้าเขียนหนังสือมโหสถผูกนี้ ข้าขอกุศลนาบุญแผ่ผายไปรอดไปถึงปิตตามารดาข้าจิ่มเทอะ ครูบาอาจารย์กับทั้งเจ้าใบลานพื้น (เพิ่น-เพื่อน?) ชู่ผู้ชู่คนเทอะ ขอหื้อได้เหมือนกันชู่คนแด่เนอ อย่าไปด่าข้าเนอ ลางเทื่อก็ตามืด ลางเทื่อก็ตาดำ ลางเทื่อก็เจ็บหลัง ลางเทื่อก็เจ็บแอว เ[เ]สนเทื่อก็นั่ง เ[เ]สนเทื่อก็นอน เดิกออนซอนมาจะดาปุนอี้ ฟ้าปันหมอนเท่ามืดมัวฟันมาเป็นทุกบ้านเล่า ไกลกันยากแท้เด ปูนอี้ผีเหยผีสังบ่ตีแผ่นดินหื้อไหลหลิ่งค้อย หื้อบ้านค้อยไหลชูนายพร่องเด นายเจ้าแม่ผู้เดียวเหย ๚ ๛ ข้ าผู้เขียนนี้อย่า ปรารถนาเล่าเกิดมาชาติใดแสนใด(ฉันใด)ขอหื้อมีสติปัญญาสลาดอาจรู้ คู่เยื่องพันอันนั้นเนอ เพราะว่าลำบากเหลือห[ล]าย สายสุดใจแม่คันนาถ้วนสมกระบวนนายธานี ๚ ข้าเขียนบ่ดีสักน้อย พอเป็นถ้อยอยู่ ใบลานครูบาอาจารย์เหย อย่าไปด่าข้าเนอ จบแล้ว”