ภาพปริศนาธรรมจากสมุดภาพวัดพระรูป ภาพที่ 11 นี้ประกอบไปด้วยพระสงฆ์ 3 รูป นั่งขัดสมาธิบนธรรมาสน์แบบเตี้ย มีลวดลายแกะสลักสวยงาม ด้านซ้ายมีรูปดอกบัวเรียงกันเป็นชั้น ๆ ในแนวตั้ง 4 ดอก ดอกล่างสุดเป็นดอกบัวตูม และอีก 3 ดอกข้างบนเป็นดอกบัวบาน มีข้อความกำกับดอกบัวทั้งสี่ เป็นชื่อเรียกพระอริยบุคคลทั้ง 4 ขั้น ได้แก่ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และอรหันต์
ภาพปริศนาธรรม ภาพที่ 11
คำอ่านตามรูปอักษร[1]
ในหนังสือ สมุดข่อย[2] ได้อธิบายภาพปริศนาธรรมภาพนี้ไว้ว่า
“ดอกบัวที่เรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ด้านซ้ายของภาพ หมายถึง อริยมรรค อริยผล ดอกที่อยู่ล่างสุด หมายถึงพระโสดาบัน ดอกที่อยู่ลำดับที่ 2 หมายถึง พระสกิทาคามี ดอกชั้นที่ 3 หมายถึง พระอนาคามี และดอกบนสุด หมายถึง พระอรหันต์”
คำอ่าน
(ข้อความกำกับอยู่เหนือดอกบัว 4 ดอก)
บ. 1 อรหตฺต
บ. 2 อนาคา
บ. 3 สกิทาคา
บ. 4 โสฑา
คำปริวรรต
(ข้อความกำกับอยู่เหนือดอกบัว 4 ดอก)
บ. 1 อรหันต์
บ. 2 อนาคา
บ. 3 สกิทาคา
บ. 4 โสดา
คำอธิบายเพิ่มเติม
ข้อความทั้งหมดเป็นชื่อเรียกพระอริยบุคคล 4 ขั้น เรียงจากล่างขึ้นบนคือ โสดาบัน สกิทาคามี อริยบุคคล[3] หมายถึง บุคคลผู้ประเสริฐ ทางพุทธศาสนาถือว่าความเป็นพระอริยบุคคลนั้น กำหนดได้ด้วยการละสังโยชน์ (กิเลสที่ผูกมัดสัตว์) ไว้ในภพ ใครละได้น้อยก็เป็นอริยบุคคลชั้นต่ำ เมื่อละได้มากก็เป็นพระอริยบุคคลชั้นสูงขึ้น ใครละได้หมดก็เป็นพระอรหันต์ สังโยชน์มี 10 อย่าง เทียบตามส่วนที่พระอริยบุคคล ละได้เป็นลำดับดังนี้
ลำดับ 4 พระโสดาบัน ละสังโยชน์ได้ 3 ได้แก่ สักกายทิฏฐิ (ความเห็นว่าร่างกายเป็นของตน) วิจิกิจฉา(ความสงสัยว่าพระรัตนตรัยดีจริงหรือ) และ ศีลพตปรามาส (การเชื่อพิธีกรรมทางไสยศาสตร์) เมื่อบรรลุเป็นพระโสดาบัน ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ แล้วจะบรรลุนิพพาน คือพระอรหันต์
ลำดับ 3 พระสกิทาคามี ละสังโยชน์ทั้ง 3 ที่พระโสดาบันละได้ แต่จิตคลายจากราคะ โทสะ และโมหะมากขึ้น เมื่อบรรลุเป็นพระสกิทาคามี จะเกิดอีกครั้งเดียว
ลำดับ 2 พระอนาคามี ละสังโยชน์ได้ 5 ได้แก่ สังโยชน์ทั้ง 3 ที่พระโสดาบันและพระสกิทาคามีละได้ รวมกับอีก 2 ได้แก่ กามราคะ (ความติดใจในกามารมณ์) และปฏิฆะ (ความขัดเคืองใจ) เมื่อบรรลุเป็นพระอนาคามี จะเลิกครองเรือน ประพฤติพรหมจรรย์ ตายแล้วจะไปเกิดในพรหมโลก
ลำดับ 1 พระอรหันต์ คือพระอริยบุคคล ละสังโยชน์ได้ 10 ได้แก่ สังโยชน์ที่พระโสดาบัน พระสกิทาคามี และพระอนาคามีละได้ รวมกับอีก 5 ได้แก่ รูปราคะ (ความติดใจในรูป เช่น ชอบของสวยงาม) อรูปราคะ (ติดใจในของไม่มีรูป เช่น ความสรรเสริญ) มานะ (ความยึดถือว่าตัวเป็นนั่นเป็นนี่ เช่น ติดในสมณศักดิ์) อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ไม่สงบใจ) และ อวิชชา (ความไม่รู้อริยสัจสี่) เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์ หากสิ้นชีวิตแล้วจะไม่เกิดอีก[4]
เนื้อหาของปริศนาธรรมภาพนี้ เป็นหลักธรรมที่อธิบายถึงลำดับขั้นของ พระอริยบุคคล ที่จะต้องละกิเลสที่ผูกมัดอยู่ได้ ละได้มากสุดจะอยู่ขั้นสูงสุด ละได้ไม่มากก็จะอยู่ในลำดับชั้นถัด ๆ ลงมา
ผู้เขียน : นวพรรณ ภัทรมูล
คำสำคัญ : ปริศนาธรรม สมุดภาพ วัดพระรูป สมุดไทยขาว