1161. รหัส : MM-1-18-217

งานของตำรวจตระเวณชายแดน

| 10 ก.ย. 1960 ตำรวจตระเวนชายแดนให้ข้อมูลกับมอร์แมนว่า สถานการณ์ที่ลาวอยู่ในภาวะล่อแหลม และอาจกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ในไม่ช้า พวกเขาถูกส่งมาทำหน้าที่ 2 ประการ คือ ควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อย และพยายามผูกสัมพันธ์กับชนกลุ่มน้อยบนเขา เพื่อให้คนกลุ่มนี้คอยเป็นสายสืบข่าวการเคลื่อนไหวของทหารลาว หรือทหารกั๋วหมินตั่งที่อาจล่วงล้ำเข้ามาชายแดนไทย นอกจากนี้ การกำจัดฝิ่นเป็นเรื่องยากเพราะแม้จะรู้ตัวคนบงการลักลอบขนฝิ่น แต่คนเหล่านี้ก็ติดสินบนเจ้าหน้าที่ด้วยเงินจำนวนมาก | บัตรบันทึกแบบเจาะ

1162. รหัส : MM-1-18-218

การเก็บภาษี

| 25 พ.ย. 1960 มอร์แมนสอบถามถึงประเภทของภาษี และอัตราของภาษีที่ทาง อ.เชียงคำเรียกเก็บจากราษฎร เช่น ภาษีเงินได้ ภาษีที่ดิน ภาษีอากรแสตมป์ ฯลฯ | บัตรบันทึกแบบเจาะ

1163. รหัส : MM-1-18-219

การเก็บภาษี

| 25 พ.ย. 1960 ภาษีหลักที่เก็บได้ใน อ.เชียงคำเป็นภาษีการค้า และยังมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมจากเจ้าของที่ดินที่ให้เช่าที่ดิน เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปใช้ในกิจการต่างๆ ของสภา (สภาอำเภอ?) นอกจากนี้ ยังมีการจัดเก็บภาษีป้ายร้านค้าต่างๆ ด้วย | บัตรบันทึกแบบเจาะ

1164. รหัส : MM-1-18-220

รถดับเพลิง

| 8 พ.ย. 1960 เงินที่ใช้ในการจัดซื้อรถดับเพลิงครึ่งหนึ่งมาจากรัฐบาล ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมาจากสุขาภิบาล ซึ่งจัดเก็บมาจากภาษีร้านค้าต่างๆ ในตลาด | บัตรบันทึกแบบเจาะ

1165. รหัส : MM-1-18-221

การทำงานของข้าราชการ

| 25 พ.ย. 1960 สมุห์บัญชีบอกกับมอร์แมนว่า อาชีพข้าราชการได้เงินเดือนไม่มากนัก จำเป็นต้องรับสินบนเพื่อนำเงินไปเลี้ยงครอบครัว อย่างไรก็ดี ข้าราชการเป็นอาชีพที่มีหน้ามีตาในสังคม ส่วนปลัดอำเภอเล่าให้มอร์แมนฟังว่า ด้วยความที่เป็นท้องถิ่นทุรกันดาร อ.เชียงคำจึงถูกตัดขาดจากโลกภายนอก อย่างไรก็ดี ในบางครั้งจะมีผู้ตรวจการปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาตรวจตราความเรียบร้อยเป็นระยะๆ จากการสังเกตของมอร์แมน ในช่วง 2 ชั่วโมงแรกของการทำงานในช่วงเช้า (8.30-10.30 น.) ข้าราชการในอำเภอจะมัวแต่นั่งคุยกัน หรือบางคนก็นั่งเหม่อลอย | บัตรบันทึกแบบเจาะ

1166. รหัส : MM-1-18-222

เรือนจำ จ.เชียงราย

| 1 ส.ค. 1960 เรือนจำ จ.เชียงรายไม่มีที่พอสำหรับขังนักโทษ จำเป็นต้องย้ายนักโทษบางส่วนไปขังที่เรือนจำ จ.ลำปาง และ จ.เชียงใหม่ | บัตรบันทึกแบบเจาะ

1167. รหัส : MM-1-18-223

ตำรวจ

| 27 ก.ค. 1960 อ.เชียงคำมีกำลังตำรวจประมาณ 30 นาย ตำรวจส่วนใหญ่จะเป็นคนในท้องที่และทำงานมาเป็นเวลานานแล้ว นายอำเภอทำหน้าที่บังคับบัญชาตำรวจทุกคนในอำเภอ โดยมีนายร้อย (ผู้กอง?) ทำหน้าที่สั่งการในระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านบางคนทำหน้าที่เป็นสายสืบให้กับตำรวจด้วย | บัตรบันทึกแบบเจาะ

1168. รหัส : MM-1-18-224

รายได้จากการจัดเก็บภาษีของ อ.เชียงคำ

| 25 ก.ค. 1960 อ.เชียงคำเก็บภาษีได้เฉลี่ยปีละ 40,000 บาท แต่มีรายจ่ายต่อปีโดยเฉลี่ย 240,000 บาท เงินบางส่วนใช้จ่ายไปกับการศึกษาประมาณ 14,000 บาทต่อเดือน | บัตรบันทึกแบบเจาะ

1169. รหัส : MM-1-18-225

มอร์แมนไปเก็บข้อมูลที่อำเภอ

| 25 ก.ค. 1960 นายอำเภอออกไปตรวจราชการบริเวณชายแดน เพราะมีชาวลาวจำนวนมากอพยพข้ามมา ส่วนศึกษาธิการประจำจังหวัดเล่าให้มอร์แมนฟังว่า ปีที่แล้วเด็กนักเรียนชั้นประถม 4 ของ อ.เชียงคำ สอบไม่ผ่านประมาณ 20% จากจำนวนเด็กนักเรียนทั้งหมด เด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่มีบ้านอยู่ไกลจากโรงเรียน และผู้ปกครองนิยมส่งลูกของตนเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมเอกชนมากกว่า เพราะเนื้อหาการเรียนการสอนเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมของเด็กให้เข้าศึกษาต่อในระดับสูง (มหาวิทยาลัย) ผิดกับโรงเรียนมัธยมของรัฐบาลที่เนื้อหาการเรียนการสอนเน้นไปที่วิชาชีพมากกว่า (งานไม้, งานทำสวน) | บัตรบันทึกแบบเจาะ

1170. รหัส : MM-1-18-226

ตามล่าโจรขโมยสัตว์เลี้ยง

| 12 พ.ค. 1960 คนกลุ่มหนึ่งแวะมาที่ร้านค้าของหลายและบ้านของมอร์แมน พร้อมกับสอบถามเรื่องราวต่างๆ ในหมู่บ้าน ทั้งหมดแนะนำตัวเองว่าเป็นเพียงนักท่องเที่ยว แต่ภายหลังจึงยอมบอกว่าเป็นตำรวจ ทั้งหมดมาตามล่าโจรที่กำลังออกตระเวนขโมยสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านอยู่ | บัตรบันทึกแบบเจาะ