รองศาสตราจารย์ชนัญ วงษ์วิภาค เริ่มต้นเส้นทางการศึกษาทางมานุษยวิทยาในระดับอุดมศึกษา ด้วยความสนใจภาษาต่างประเทศ คณะโบราณคดีในช่วงปลายทศวรรษ ๒๕๑๐ คงเป็นคณะวิชาที่สอนวิชาต่างๆ โดยใช้ตำราต่างประเทศ และเลือกมองเห็นช่องทางการศึกษาทางมานุษยวิทยาที่เพิ่มพูน โดยอาศัยความรู้ทางภาษา
การถ่ายทอดความรู้ในสาขามานุษยวิทยา ต้องอาศัยการบรรยายจากอาจารย์ในสถาบันต่างๆ สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ เช่น ศาสตราจารย์ ดร.พัทยา สายหู, ศาสตราจารย์ ดร.สนิท สมัครการ, ศาสตราจารย์ ดร.อัมรา พงศาพิชญ์, รองศาสตราจารย์ ดร.สถิตย์ นิยมญาติ เป็นต้น เมื่อจบการศึกษา ราวพุทธศักราช ๒๕๑๕ รองศาสตราจารย์ชนัญ วงษ์วิภาค ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัย ดร.วรรณ วิบูลย์ แอนเดอร์สัน และสามี จึงได้เรียนรู้กระบวนการมานุษยวิทยา ที่อาศัยฐานคิดทางคติชนวิทยาในการศึกษาสังคมเพิ่มเติม จนราวพุทธศักราช ๒๕๑๙ รองศาสตราจารย์ชนัญ ได้รับทุนการศึกษา “โคลัมโบ” เพื่อศึกษาต่อในระดับมหาบัณฑิตประเทศออสเตรเลีย โดยได้ประสบการณ์ค้นคว้าวิจัยจากนักวิชาการชาวต่างประเทศจากสถาบันการศึกษา ๒ แห่ง คือ General Studies School และ Research School of Pacific รองศาสตราจารย์ชนัญกล่าวถึงอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้คนสำคัญ ได้แก่ Dr. Richard David, Dr. Gehan Wijeyewardene และ Dr.Graham Harison
ในการทำวิทยานิพนธ์ในระดับมหาบัณฑิต รองศาสตราจารย์ชนัญ ได้แรงบันดาลใจจากงานศึกษาของศาสตราจารย์ไมเคิล มอร์แมน และรองศาสตราจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม นั่นหมายถึงงานศึกษาทางด้านโบราณคดีกับมานุษยวิทยาไม่แยกกัน ด้วยเหตุนี้เอง การศึกษาเปรียบเทียบเทคโนโลยีทางการเกษตรและความเปลี่ยนแปลงด้านเทคนิคกลายเป็นหัวข้อวิทยานิพนธ์ และพื้นที่จังหวัดสุโขทัยเป็นสนามศึกษาของรองศาสตราจารย์ชนัญ ในช่วงเวลานั้น ราวพุทธทศวรรษ ๒๕๒๐ สังคมสุโขทัยเพิ่งเปิดรับเทคโนโลยีทางการเกษตร เช่น รถไถ ได้ไม่นาน
แม้ภายหลังจบการศึกษา มีหน่วยงานระหว่างประเทศให้ความสนใจกับรองศาสตราจารย์ชนัญ แต่ด้วยความตั้งใจในการเป็นนักวิชาการและเป็นอาจารย์เพื่อผลิตบัณฑิตออกสู่สังคม อาจารย์เข้ารับราชการที่ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาศิลปากร และทำงานวิจัยอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
แนวทางความสนใจทางวิชาการภายหลังเมื่อรองศาสตราจารย์ชนัญจบการศึกษาจากประเทศออสเตรเลีย คงสืบเนื่องจากงานวิจัยในระดับมหาบัณฑิต ที่เน้นงานด้านมานุษยวิทยาเศรษฐกิจและสังคมชาวไร่ชาวนา จากนั้น รองศาสตราจารย์ชนัญขยายมุมมองและความสนใจในด้านนิเวศวิทยาวัฒนธรรม เพราะมองเห็นถึงความเชื่อมโยงหรือความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมและการทำกินของผู้คน เมื่อนักวิจัยพิจารณาวิธีการทำมาหากินแล้ว ย่อมต้องมองเชื่อมโยงถึงความเชื่อ ที่อาจจะสัมพันธ์กับดินฟ้าอากาศและอื่นๆ การขยายขอบวงของความสนใจดังกล่าว ช่วยให้คำอธิบายด้านสังคมและวัฒนธรรมมีความลุ่มลึกมากยิ่งขึ้น
หลังจากเข้ารับราชการระยะหนึ่ง รองศาสตราจารย์ชนัญมีโอกาสลาราชการเพื่อศึกษาวิจัยเป็นเวลาหนึ่งปีโดยเลือกพื้นที่วิจัยที่บ้านแหลม บ้านปากทะเล จังหวัดเพชรบุรี เมื่อราวพุทธศักราช ๒๕๒๙ เพราะพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ขอบเขตของการทำงานในช่วงเวลานั้นคือ ความเปลี่ยนแปลงด้านป่าชายเลน จึงสร้างบ้านพักใกล้กับชาวประมง แต่ในช่วงเตรียมการก่อนการศึกษาภาคสนาม เริ่มให้ความสนใจกับชีวิตประมง และหาโอกาสศึกษาเพิ่มเติมจากชั้นเรียนของอาจารย์สนิท อักษรแก้ว ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล เนื้อหาในชั้นเรียนเสริมให้เห็นความสำคัญของระบบนิเวศป่าชายเลน ทั้งน้ำขึ้นลง ข้างขึ้นข้างแรม นี่เองชี้ให้เห็นว่า วิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ควรเป็นสองศาสตร์ที่ผสานกัน ในกระบวนการศึกษาสังคม
นอกจานี้ รองศาสตราจารย์ชนัญให้ความสนใจกับประเด็นทางชาติพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น ลาวเวียง ลาวโซ่ง ลาวครั่ง ทั้งระบบความเชื่อ อาหารการกิน และโดยเฉพาะเรื่องผ้าทอในฐานะ “พรมแดนระหว่างชาติพันธุ์” รองศาสตราจารย์ชนัญกล่าวถึงการศึกษาลวดลาย สีสัน โครงสร้างผ้า เทคนิคที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งอิทธิพลส่วนหนึ่งมาจากระบบนิเวศที่หลากหลายในแต่ละพื้นที่ ที่ส่งอิทธิพลต่อเทคนิคการผลิตผ้าเช่นกัน เช่น ในภาคกลาง ชาวบ้านใช้แก่นขนุนในการย้อมเส้นใยเป็นสีเหลือง ส่วนภาคอีสาน ใช้เข หรือบางที่ใช้ขมิ้น เป็นต้น
ในราวพุทธทศวรรษ ๒๕๓๐ รองศาสตราจารย์ชนัญเริ่มเป็นอาจารย์พิเศษในภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามคำแนะนำของศาสตราจารย์ไขศรี ศรีอรุณ โดยเป็นการผสมผสานความรู้ทางศิลปะไทยพื้นบ้าน มานุษยวิทยา และศาสตร์ของการออกแบบ การสร้างสรรค์การออกแบบหลายประเภทอาศัยการพัฒนา “รูปแบบตามหน้าที่ใช้สอย” จากนั้น ให้ความสนใจเพิ่มเติมกับศิลปะไทยในราชสำนักดังเช่นการถ่ายทอดงานศิลปะประเพณีในวิทยาลัยในวัง ซึ่งอาศัยการจัดการอยู่บนกฎเกณฑ์ดั้งเดิม
นอกจากนี้ ยังมีการสอนด้าน “Integrated Humanities, Social Science” ซึ่งเป็นวิชาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ รองศาสตราจารย์ชนัญพยายามผนวกมานุษยวิทยาไว้กับความเป็นวิทยาศาสตร์ และสอดแทรกความเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่ง และยังได้พัฒนารูปแบบการสอนในสถาบันการศึกษาอื่นๆ ที่เชื่อมโยงความรู้กับการทดลองทำกิจกรรม เรียกได้ว่า เป็นความพยายามปรับความรู้และเทคนิคการเรียนการสอน ควบคู่กับการเรียนรู้ถึงเปลี่ยนแปลง ด้วยการแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่อง
เอกสารบันทึกภาคสนามของ รศ.ชนัญ วงษ์วิภาค ประกอบด้วย สไลด์ จำนวน 2082 ระเบียน เป็นภาพจากการทำงานภาคสนามในช่วงทศวรรษ 2520-2540 ภาพถ่ายจำแนกตามประเด็นการศึกษา 5 ประเด็น ได้แก่ การศึกษาเรื่องผ้าทอ วิถีชีวิตพื้นบ้าน กลุ่มชาติพันธุ์ นิเวศวิทยาวัฒนธรรม และการศึกษาจ้วง โดยแต่ละประเด็นจำแนกตามจังหวัดที่ลงไปทำงานภาคสนาม ภาพทั้งหมดมาจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลทั่วทั้งภูมิภาคของประเทศไทย