ผู้อ่าน |
1) ยอร์ช เซเดส์ (พ.ศ. 2507)
2) อำไพ คำโท (พ.ศ. 2515), (พ.ศ. 2529)
|
ผู้แปล |
1) ยอร์ช เซเดส์ (พ.ศ. 2507)
2) อำไพ คำโท (พ.ศ. 2515), (พ.ศ. 2529)
|
ผู้ตรวจ |
1) ประสาร บุญประคอง (พ.ศ. 2515), (พ.ศ. 2529)
2) กองหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร (พ.ศ. 2529)
|
เชิงอรรถอธิบาย |
1. อำไพ คำโท : “โอม” ได้แก่นามของพระเจ้าทั้ง 3 องค์ คือ พระวิษณุ พระศิวะ และพระพรหม โดยเอาคำสุดท้ายชื่อของพระเจ้าทั้ง 3 องค์เหล่านี้ มาย่อเป็น อุ อะ มะ
2. อำไพ คำโท : 863 เป็นมหาศักราช ตรงกับ พุทธศักราช 1484
3. อำไพ คำโท : “ศราวณะ” คือ เดือน 9
4. ตรงใจ หุตางกูร : คำนี้ ศ. ยอร์ช เซเดส์ อ่านว่า “ธูลิ” แต่ อ. อำไพ คำโท อ่านว่า “ธูลี”
5. คณะทำงานฐานข้อมูลจารึกฯ (2547) : ในคำอ่านของจารึกหลักนี้ ที่เผยแพร่ใน ศิลปากร (ปีที่ 16 ฉบับที่ 1) และ ใน จารึกในประเทศไทย เล่ม 3 ตัวพยัญชนะ “ป” บางตัว ถูกอ่าน เป็น “บ” ทั้งที่เมื่อพิจารณารูปอักษรจากสำเนาจารึกแล้ว อักษรที่ถูกอ่านเป็น “ป” และ “บ” ไม่มีความแตกต่างกันแต่ประการใด ดังนั้นเพื่อไม่ให้สับสน คณะทำงานฐานข้อมูลจารึกฯ (2547) จึงแก้ไขคำอ่าน จากที่อ่านเป็น “บ” ให้อ่านเป็น “ป” ทั้งหมด
6. คณะทำงานฐานข้อมูลจารึกฯ (2547) : “บัลลังก์ทองหนึ่งคู่” นี้ ผู้แปลแปลมาจาก “ปรฺยฺยงฺ มาสฺ 2“ ในด้านที่ 1 บรรทัดที่ 9 โดยคำว่า “ปรฺยฺยงฺ” แปลว่า บัลลังก์ (บรรยงก์) และ “มาสฺ” แปลว่า ทอง ซึ่งความหมายที่ใช้ในที่นี้ ขัดกับความหมายที่ให้ไว้ในคำแปลของจารึกสด๊กก๊อกธม 1 (ผู้แปลคนเดียวกัน) ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 10 ที่ว่า “ปรฺยฺยงฺ มาสฺ 3“ แปลว่า “น้ำมัน 3 มาส” และได้อธิบายไว้ในเชิงอรรถว่า “ปรฺยฺยงฺ หรือ เปรียง แปลว่าน้ำมัน” คณะทำงานฐานข้อมูลจารึกฯ (2547) เห็นว่า “ปรฺยฺยงฺ” ที่หมายถึง น้ำมัน ดูเหมาะสมกว่า เพราะความหมายเข้ากับบริบท และในส่วนของคำว่า “มาสฺ” นั้น นอกจากจะแปลว่า ทอง แล้ว ยังหมายถึง มาตราวัดอย่างหนึ่งใช้วัดหรือตวงของเหลว โดยในเชิงอรรถท้ายคำแปลของจารึกสด๊กก๊อกธม 1 ได้อธิบายไว้ว่า “มาสฺ คงจะหมายถึงขวด หรือภาชนะที่ใส่น้ำ” ดังนั้น “ปรฺยฺยงฺ มาสฺ” 2 ในที่นี้ น่าจะหมายถึง น้ำมันจำนวน 2 ขวด
7. อำไพ คำโท : คำว่า “ระเงียง” นี้ เป็นชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง เขมรเรียกว่า ระเงียง หรือ ละเงียง ตรงใจ หุตางกูร : “ไม้ระเงียง” เป็นไม้วงศ์ Guttiferae ในหนังสือพรรณไม้แห่งประเทศไทยของ เต็ม สมิตินันทน์ ไม่ปรากฏคำว่า “ระเงียง” แต่มีชื่อ “ราเง้ง” ซึ่งได้ระบุว่าเป็นไม้สกุล Cratoxylum formosum pruniflorum คำว่า “ราเง้ง” นี้ เป็นคำถิ่นที่เรียกกันแถบสุรินทร์-เขมร ถ้าเป็นภาษากลางจะเป็น “ติ้วขน” หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ไม้ระเงียง ดังกล่าวก็คือไม้ติ้ว
8. อำไพ คำโท : “ชีศรี” เข้าใจว่าเป็นชื่อไม้ไผ่ โดยเพี้ยนมาจากคำว่า “ฤสฺสี” เป็น “ชีศรี”
9. อำไพ คำโท : “กทัมพะ” แปลว่า ต้นตะกู หรือต้นกระทุ่ม แต่ต้นกทัมพะในที่นี้ ศาสตราจารย์ แสง มนวิทูร ได้แนะให้ข้าพเจ้าแปลว่า ตะกู ต้นกทัมพะหรือตะกูนี้ มีดอกสีเหลืองคล้ายดอกกระทุ่ม และมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาพราหมณ์ด้วย
10. อำไพ คำโท : “เมกํตาญ” หมายถึง ไร่หรือสวนผลไม้ ที่ปลูกต้นไม้ต่างๆ มีต้นมะพร้าว ต้นขนุน และต้นมะม่วง เป็นต้น
11. คณะทำงานฐานข้อมูลจารึกฯ (2547) : “ขโลญบรรยงก์(บัลลังก์)” แปลมาจาก “โขฺลญฺปรฺยฺยงฺ” ในด้านที่ 1 บรรทัดที่ 17 โดยคำว่า “ปรฺยฺยงฺ” แปลว่า บัลลังก์ (บรรยงก์) ซึ่งความหมายที่ใช้ในที่นี้ ขัดกับความหมายที่ให้ไว้ในคำแปลของจารึกสด๊กก๊อกธม 1 (ดูคำอธิบายข้อ 4) นอกจากนั้น ในจารึกสด๊กก๊อกธม ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 15 มีข้อความว่า “วฺวํชาปิ ปฺรตฺยฺย ปรฺยฺยงฺ ทารฺ ปรฺยฺยง” และผู้แปลแปลว่า “ไม่ควรที่ปรัตยยะเปรียงริบเอาน้ำมัน” คณะทำงานฐานข้อมูลจารึกฯ (2547) เห็นว่า “ปรฺยฺยงฺ” ที่แปลว่า น้ำมัน นั้นดูเหมาะสมดีแล้ว เพราะมีความเป็นเหตุเป็นผลสอดคล้องกับบริบท
|