ปรับขนาดตัวอักษร

| |
  

พรานแมง

ภาค : ใต้

พรานแมง

พรานแมง เป็นพรานโนรา ที่มีลีลาการตลกแพรวพราวชั้นแนวหน้าของภาคใต้ พรานแมงเป็นชื่อเรียกในวงการศิลปินชื่อจริงคือ นายจำแลง ชูนวลศรี ถือกำเนิดที่บ้านเลขที่ ๑๒๔ หมู่ที่ ๕ ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน ๑๑ ปีวอก ตรงกับวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ เป็นลูกชายคนเดียวของนายทอง และนางร่วง ชูนวลศรี พ่อเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุไม่ครบ ๓ ขวบ แม่มีสามีใหม่ มีลูกอีก ๖ คน คือนายเจียน นายเลียน นางชื่น นายบรรชา นายชวนและนางปรานี นามสกุลสุขสม เขาเรียนจบชั้นประถมปีที่ ๔ จากโรงเรียนวัดเขาทอง ตำบลแม่น้ำ ใกล้ๆ บ้านของเขานั่นเอง เขามีภรรยา ๓ คน คนที่ ๑ ชื่อนางผิว ชาวนครศรีธรรมราช มีลูกฝาแฝด ๒ คน คือนายสุเมทและนายสามารถ คนที่ ๒ ชื่อนางผิน มีลูกชายคนเดียว คือนายปราโมทย์ คนที่ ๓ ชื่อนางริ่น มีลูกหญิงคนเดียว คือนางบุญแจ้ว ภรรยาคนที่ ๒ และที่ ๓ เป็นชาวจังหวัดสงขลา พรานแมงถึงแก่กรรมเมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๓๐ ขณะนั้นมีอายุได้ ๖๗ ปีถ้วน

พรานแมงมีนิสัยชอบขับกลอนหนังตะลุง กลอนโนราและกลอนเพลงบอกมาตั้งแต่วัยเยาว์ ออกจากโรงเรียนแล้วช่วยแม่ทำสวนมะพร้าวอยู่ประมาณ ๕ ปี เมื่อน้องๆ เดิบโตขึ้นเขาเดินทางไปฝึกหนังตะลุงกับหนังดำวิน (ดำท่าหนาน) ที่บ้านท่าขนาน อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ออกประชันโรงหลายครั้ง และฝึกร้องเพลงบอกกับนายเนตร ซึ่งเป็นยอดเพลงบอกของเมืองนครศรีธรรมราชอยู่ในสมัยนั้น ประสบความสำเร็จพอสมควรช่วยให้เขาร้องกลอนสดได้ดีขึ้นมาก และต่อมากลับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปเป็นพรานโนรา เมื่อคณะโนราประดับสังวาลย์ ชาวตำบลเขาวง อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพรเชิญชวนให้เขาร่วมคณะ แสดงเป็นตัวตลก จากชื่อนายจำแลงชูนวลศรี ได้รับฉายาใหม่สั้นๆ ว่า "พรานแมง" และผู้คนก็เรียกติดปากว่าพรานแมงตั้งแต่นั้นมา

โนราประดับสังวาลย์ เมื่อได้พรานแมงร่วมคณะเป็นที่นิยมชมชอบของมหาชน ประชันขันแข่งกับโนราคณะใด เป็นผู้กำชัยชนะทุกครั้ง โนราประดับสังวาลย์เป็นโรงแรกที่เปลี่ยนแนวการแสดงนิยายแบบดั้งเดิมเป็นนิยายชีวิตจริงมีฉากประกอบเหมือนละครพูด ใช้ภาษากลางแทนภาษาถิ่น มีดนตรีสลับฉากประสบความสำเร็จอย่างสูง คณะโนราอื่นๆ เลียนแบบตาม การรำแบบเก่าก่อนขาดความนิยมไปชั่วระยะหนึ่ง พรานแมงเป็นตัวตลกเอกของโนราประดับสังวาลย์ เป็นเวลา ๓ ปีกว่าชื่อเสียงของเขาขจรขจายไปทั่วภาคใต้ เวลาออกแสดงเขาไม่สวมหน้าพราน ผิดกับพรานทั่วไป ถือหลักว่าใบหน้าแสดงออกทางอารมณ์ได้ดีชวนให้เกิดความขบขัน เขามีลักษณะโดดเด่นพิเศษ เป็นที่ประทับใจของผู้ชม คือ เวลายิ้มปลายริมฝีปากทั้งสองเกือบจรดใบหู มีมือทั้งสองข้างยาวผิดปกติ เมื่อกระพุ่มมือไหว้ยื่นยาวออกไป เพียงเขาแสดงท่ายิ้มกับยกมือไหว้ ไม่มีใครที่จะกลั้นหัวเราะไว้ได้ (ชื่อประวัติและผลงานของพรานแมง ควรแก่สนใจเป็นอย่างยิ่ง)

โนราเดิม วิน วาด เป็นยอดโนราของจังหวัดตรัง และ ๑๔ จังหวัดภาคใต้ (เกิดคู่แข่งขันที่น่ากลัว) เฝ้าจับตามองพรานแมงอย่างสนใจ และได้ตัวพรานแมงมาร่วมคณะสมความตั้งใจเพิ่มพูนพลังที่แข็งแกร่ง โนราเติมเป็นตัวเอกฝ่ายชาย หนูวินเป็นตัวเอกฝ่ายหญิง หนูวาดเป็นตัวโกง พรานแมงเป็นตัวตลกเอก ความนิยมชมชอบของมหาชน สูงขึ้นอย่างทันตาเห็น แทบหาคู่แข่งไม่ได้ โนราที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น เป็นต้นว่าโนราเชยยูงทอง โนราแป้นเครื่องงาม โนราปุ่นเจริญ โนราพินพันประชันขันแข่งกันกี่ครั้งๆ โนราเติม วิน วาด พรานแมง เป็นฝ่ายชนะทุกครั้ง ลิเกคณะบุษบา ลิเกคณะนายทองเดิม ซึ่งมีชื่อเสียงมากในสมัยนั้นประชันกับโนราเติม วิน วาด พรานแมง หลายครั้งหลายท้องที่เป็นฝ่ายแพ้ทุกครั้งผู้จัดงานสวนสนุกเปลี่ยนแนวให้ประชันกับหนังกั้น ทองหล่อ หนังจูเลี่ยม กิ่งทอง พอสูสีคู่ดี่กันไปได้ ไม่ถึงกับแพ้ชนะกันอย่างขาดลอย โนราเติม วิน วาด แม้จะแสดงเพียงโรงเดียว เมื่อมีพรานแมงร่วมอยู่ด้วยสามารถเรียกร้องผู้คนเข้าชมเป็นพันเป็นหมื่นเสมอ

พรานแมงได้รับความไว้วางใจจากโนราเติม โนราวิน และโนราวาดให้แสดงเดี่ยว แสดงต่อกลอนสดกับโนราเดิมและแสดงเป็นตัวตลกเอกในท้องเรื่องที่ประทับใจผู้ชมมาก คือการร้องต่อกลอนสด โนราเติมเป็นจอมร้องกลอนสด ยากที่จะมีผู้ใดมาเทียบเสมอเหมือนได้ แต่ร้องกลอนสดให้เผ็ดร้อน ขบขัน รวดเร็ว เหมือนพรานแมงไม่ได้ การต่อกลอนไม่เคยมีการติดขัดทั้งสองฝ่าย ร้องกันไปต่อกันไป สุดท้ายพรานแมงจะชิงร้องเสียคนเดียว โนราเดิมร้องรับไม่ทัน เป็นการให้ความสนุกสนานแก่ผู้ชมขั้นสุดยอด

ในการร้องต่อกลอนสดกันบางครั้ง พรานแมงใช้ถ้อยคำเผ็ดร้อนรุนแรงกระทบกระเทียบอย่างคมเฉียบ หนูวินมีรูปร่างบอบบาง หนูวาดอวบอ้วน พรานแมงเปรียบเทียบอวัยวะเพศของสองพี่น้องสุดที่รักของโนราเติมว่า

"หนูวินเท่าถาด              หนูวาดเท่าดัง"

ครั้งหนึ่งในการร้องต่อกลอนสด เกี่ยวกับเรื่องของหนูวิน หนูวาด ดังคำร้องว่า

"หนูวินกับหนูวาดคิดคาดหมาย ถ้าพี่เติมตายได้พรานแมง

จะเป็นเพราะกลอนพาไป หรือเพราะกลอนหลั่งไหลรวดเร็ว หรือเพราะต้องการให้เกิดความขัน แต่เป็นเหตุให้โนราเติมไม่พอใจ หาว่า "เล่นเชี่ยน" (ละลาบละล้วงผู้มีอุปการะคุณ) พรานแมงต้องขอขมาโทษ และหลาบจำไปอีกนาน

พรานแมงร่วมแสดงกับโนราเติม วิน วาด รวมเวลา ๑๔ ปี ชื่อพรานแมงอยู่ในความทรงจำของชาวภาคใต้ แสดงไปทั่วทุกท้องที่ใน ๑๔ จังหวัด ตลอดถึงมาเลเซียและสิงคโปร์หลังจากโนราเติมศิลปินผู้ยิ่งใหญ่เสียชีวิตไปแล้ว ชีวิตของพรานแมงไม่ราบรื่นนักไปอยู่ร่วมแสดงกับโนราหลายคณะ เช่นโนราปรีชาอำนวยศิลป์ โนราเฉลิมทองแฉล้ม โนราพินพันโนราแปลกท่าแค เมื่อโนราพินพันเข้าทำงานประจำในศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดพัทลุง โดยทำหน้าที่สอนการรำโนราแบบดั้งเดิมแก่กลุ่มผู้สนใจ ซึ่งมีการฟื้นฟูขึ้นใหม่ โนราพินพันเห็นความสามารถในทางศิลปะของพรานแมงเชิญมาร่วมฝึกสอนท่ารำด้วย และได้ไปแสดงร่วมกับโนราพินพันที่โรงละครแห่งชาติ เผยแพร่วัฒนธรรมของชาวใต้ ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางออกไป

พรานแมงได้ร่วมแสดงตลกกับดี้ ดอกมะดัน และสีเทาจอมตลกเอกของเมืองไทย ซึ่งเป็นชาวภาคใต้ด้วยกัน ที่วัดพิชัยญาติการามเนื่องในเทศกาลทำบุญวันสารทเขาได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากคณะผู้แทนราษฎร ๑๔ จังหวัดภาคใต้นับเป็นเกียรติประวัติที่เขามีความภูมิใจมาก

พรานแมงมีลูกศิษย์ที่เป็นพรานหรือตัวตลกหลายคน เช่น พรานบุญลือพัทลุง พรานสว่างพัทลุง พรานทองอินทร์ตรังพรานเจริญนครศรีธรรมราช พรานจางสงขลา พรานอำสุราษฎร์ธานี พรานที่กล่าวชื่อมานี้พรานแมงได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจฝึกฝนให้เป็นพิเศษล้วนมีชื่อเสียงโด่งดัง ยืดเป็นอาชีพหลักได้ดีทุกคน

พรานแมงเป็นศิลปิน เพื่อศิลปินอย่างแท้จริง เขาไม่มีอาชีพอื่น ๆ รองรับเลย บั้นปลายชีวิตเขาประสบความลำบากมาก เขายากจนในเรื่องทรัพย์สินเงินทอง แต่ร่ำรวยทางศิลปะการแสดง เขาจากโลกศิลปินไปแล้ว แน่นอนเหลือเกินศิลปะอันบริสุทธิ์ของเขา คงไม่มีวันตาย (พ่วง บุษรารัตน์)

 


พรานแมง

ดูเพิ่มเติมที่ : เติม อ๋องเซ่ง