มะม่วงราวา : พืช
ชื่อท้องถิ่น : มะม่วงป่า ราวอ (มลายู-นราธิวาส) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mangifera griffithii Hook. f. fansá : ANACARDIACEAE
มะม่วงราวา เป็นไม้ยืนต้น สูง ๒๕-๓๕ เมตร เรือนยอดแผ่เป็นพุ่มกลมหรือทรงกระบอก ลำต้นเปลาตรง เปลือกสีน้ำตาลแตกเป็นสะเก็ด หรือแตกตื้นๆ แล้วลอกออกเป็นหลุมตื้น ๆเปลือกชั้นในสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง เมื่อมีบาดแผลจะมียางใสซึมออกมาเป็นเม็ดๆ ใบ เดี่ยว เรียงเวียนสลับตามปลายกิ่งแผ่นใบรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนานถึงรูปหอก ยาว ๑๐-๒๕เซนติเมตร กว้าง ๓-๔ เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลมหรือทู่โคนใบสอบเป็นรูปลิ่มหรือทู่ ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน เส้นแขนงใบนูนเด่นเหนือผิวใบทั้งสองด้าน ๘-๑๐ (-๑๖) คู่ ก้านใบยาว ๒-๕ เซนติเมตร ดอก เล็ก สีนวลถึงเหลืองอ่อนออกเป็นช่อแยกแขนงตามปลายยอด กลีบเลี้ยง ๔ กลีบโคนกลีบเชื่อมติดกัน กลีบดอกและเกสรตัวผู้มีจำนวนเท่ากับกลีบเลี้ยง ผล กลมรี ยาว ๒.๕-๓.๕ เซนติเมตร กว้าง ๒.๕-๓.๐ เซนติเมตร สุกสีแดงคล้ำถึงค่อนข้างดำ รับประทานได้
มะม่วงราวา ขึ้นในป่าดิบชื้นที่ลุ่มและป่าพรุ มีเขตการกระจายพันธุ์ทางภาคใต้ของประเทศไทย ต่างประเทศพบที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตลอดไปจนถึงเกาะบอร์เนียว ออกดอกระหว่างเดือนสิงหาคม-ดุลาคม ผลแก่ประมาณเดือนกันยายน-พฤศจิกายน
เนื้อไม้ใช้ก่อสร้าง ทำเครื่องเรือน และด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ได้ดี
ผลสุก รสชาติเปรี้ยวอมหวาน รับประทานได้ ยางมีพิษทำให้เกิดอาการระคายเคือง เมล็ด ใช้เป็นยาแก้โรคท้องร่วงสมานลำไส้ ฝนทารักษาบาดแผลภายนอก (ชวลิต นิยมธรรม,พ่วง บุษรารัตน์)