ปรับขนาดตัวอักษร

| |
  

เพลงบอก

ภาค : ใต้

เพลงบอก

เพลงบอก เป็นเพลงพื้นเมืองที่นิยมเล่นแพร่หลายที่สุด ในสมัยก่อนเมื่อถึงหน้าสงกรานต์ ยังไม่มีปฏิทินบอกสงกรานต์แพร่หลายอย่างปัจจุบัน แม่เพลงจะนำรายละเอียดเกี่ยวกับสงกรานต์ออกป่าวประกาศแก่ชาวบ้าน โดยร้องเป็นเพลงพื้นบ้าน มีลูกคู่รับเป็นทำนองเฉพาะ เพลงดังกล่าวจึงได้ชื่อว่า "เพลงบอก" ด้วยเหตุนี้

กลอนเพลงบอก ดัดแปลงมาจากเพลงพื้นบ้านโบราณชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า "เพลงเห่" บ้าง "เพลงฉะ" บ้าง และ "แปดบท" บ้าง เพลงชนิดนี้แม่เพลงว่าเป็นแบบกลอนต้นครั้งละ ๒ วรรค แล้วลูกคู่รับ ดังตัวอย่าง

(แม่เพลง) รักเมียเสียนายจะคลายยศ

               รักกระบือเสียสวนควรจะอดผล

(ลูกคู่)       เอ เห มา เหย

               รักกระบือเสียสวนควรจะอดผล....เหอ

(แม่เพลง) รักนวลเสียงานป่วยการตน

              รักชนม์เสียชื่อคือคนร้าย

(ลูกคู่)     เอ เห มา เหย

              รักชนม์เสียชื่อคือคนร้าย....เหอ

แปดบทเฟื่องฟูอยู่ทางเมืองนครศรีธรรมราชประมาณ ๑๕๐-๒๐๐ ปีที่แล้ว ศิลปินที่มีชื่อเสียงและมีผลงานสืบมาจนปัจจุบันคือ นายเรือง นาใน นายเรืองมีชีวิตอยู่ราวสมัยพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีความสามารถเชิงแปดบทเป็นอันมาก จนได้สมญาว่า "นายเรืองแปดบท"

ต่อมาขุนประดิษฐ์ได้ดัดแปลงกลอนแปดบทขึ้นเป็นกลอนเพลงบอก เรียกติดปากกันในครั้งนั้นว่า "เพลงบอกขุนประดิษฐ์" นักกลอนเพลงบอกในระยะแรกที่มีชื่อเสียง เช่น นายควาย นายสุขปราชญ์ นายช่วย ขุนเสก นายแดง เป็นต้นแต่รูปแบบกลอนระยะแรกนั้นยังไม่ลงตัวนัก ล่วงมาถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ พระรัตนธัชมุนี (ม่วง รตนธชเถร) เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราชได้จัดระเบียบกฎเกณฑ์กลอนเพลงบอกขึ้นใหม่ดังปรากฏในเรื่องศาลาประดู่หก เป็นตัวอย่าง ดังนี้

มีนครามหาสถาน นามขนานนครสถิต ปัจฉิมทิศและบูรพา มีทุ่งนาเรียง

มีสนามหญ้าอยู่หน้าเมือง เจริญเรืองครั้งโบราณ

ป้อมปราการเถกิงยศ ยังปรากฏเสียง

เป็นเมืองเอก ณ ฝ่ายใต้ ทั้งพลไพร่ก็พร้อมเพรียงรุกขเรียงแถววิถี เมธนีดล

มีศาลาหน้านครินทร์ พื้นเป็นดินก่อด้วยอิฐ หลังคาปิดบังร้อน ทั้งได้ซ่อนฝน

ศาลานี้มีเป็นหลัก ที่พำนักประชาชน ผู้เดินหนได้หยุดอยู่ทุกฤดูกาล

มีประดู่อยู่หกต้น ซึ่งสูงพ้นหลังคา รอบศาลากิ่งโตใหญ่แผ่อยู่ไพศาล

อยู่ในถิ่นปราจีนถนน เป็นที่ชนได้สำราญ แต่ก่อนกาลดึกดำบรรพ์ เป็นสำคัญกล่าว ฯลฯ

จากตัวอย่างกลอนเพลงบอกที่ยกมา จะเห็นแผนบังคับได้ดังนี้

แผนบังคับดังกล่าว เวลาขับร้องกลอนสดอาจยืดหยุ่น

ได้บ้างทั้งจำนวนคำสัมผัส และจำนวนวรรค ซึ่งอาจลดหรือเพิ่มในแต่ละบาทได้ ๑ วรรค ส่วนการร้องของแม่เพลงและการรับของลูกคู่กำหนดไว้ เป็นแบบแผนตายตัว ดังตัวอย่าง


(แม่เพลง)         มีนครามหาสถาน

(ลูกคู)              เอ ว่า เห มหาสถาน

(ถ้าแม่เพลงว่าซ้ำข้อความเดิมอีก) มีนครามหาสถาน

(ลูกคู่)              ทอย ฉา ช้า เหอ สถาน

(แม่เพลง)         นามขนานนครสถิต ปัจฉิมทิศและบูรพามีทุ่งนาเรียง

(ลูกคู่)             มีทุ่งนาเรียง ปัจฉิมทิศและบูรพา มีทุ่งนาเรียง

การรับของลูกคู่ อาจแทรกวลีหรือถ้อยคำระหว่างจังหวะกลอนที่แม่เพลงกำลังว่าอยู่ได้ เพื่อให้ลีลากลอนครึกครื้นสนุกสนาน และช่วยแก้ปัญหาการติดกลอนของแม่เพลงได้วิธีการเช่นนี้ของลูกคู่เรียกว่า "ทอยเพลงบอก"กลอนเพลงบอกตามแบบที่พระรัตนธัชมุนีคิดดัดแปลงขึ้นนี้ มีผู้ให้ความสนใจศึกษาและฝึกฝนจนมีชื่อเสียงโด่งดังในยุคแรกหลายคน เช่น เพลงบอกเนตร ชลารัตน์ อำเภอพรหมคีรี เพลงบอกรอด (หลอ) อำเภอปากพนัง เพลงบอกปาน (บอด) อำเภอหัวไทร และเพลงบอกรุ่ง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น ศิลปินเหล่านี้มีลูกศิษย์สืบทอดต่อมา ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน ได้แก่ เพลงบอกเผียน เพชรคงทอง อำเภอหัวไทร เพลงบอกสร้อย ดำแจ่ม อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช และเพลงบอกแย้ม ธรรมเสน อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เป็นต้น

เพลงบอกคณะหนึ่งๆ ประกอบด้วยแม่เพลง ๑ คน ลูกคู่ ๒-๓ คน ทุกคนแต่งกายธรรมดา ดนตรีใช้ฉิ่งตีกำกับจังหวะ ๑ คู่ การเล่นเดิมนิยมเล่นในเทศกาลสงกรานต์เพื่อบอกสงกรานต์ ภายหลังเล่นในงานทั่วไปและมีวัตถุประสงค์ต่างๆ กัน เช่น เพื่อประชาสัมพันธ์บอกข่าวคราวต่างๆ เพื่อร้องบวงสรวงในพิธีกรรม เพื่อสดุดียกย่องชมเชยบุคคล เพื่อความครึกครื้นในวงสมาคมทั่ว ๆ ไป และที่นับว่าเด่นเป็นที่ชื่นชอบกันมากที่สุดคือ เพื่อร้องโต้ประชันอวดฝีปากกัน

เพลงบอกบอกสงกรานต์ ตั้งแต่เดือน ๕ ขึ้น ๑ ค่ำ

จนถึงวันเถลิงศกอันเป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนไทย เป็นช่วงของการเล่นเพลงบอกบอกสงกรานต์ การเล่นนิยมตอนกลางคืนโดยเพลงบอกจะออกตระเวนว่ากลอนไปตามบ้านเรือนต่างๆโดยมีคนที่รู้จักกันดีในหมู่บ้านเป็นผู้นำทาง เมื่อเพลงบอกถึงเขตรั้วบ้านใด ก็จะรัวฉิ่งขึ้นเพลงเป็นสัญญาณให้รู้ แล้วแม่เพลงเริ่มว่าบทไหว้ครู ไหว้นนทรีซึ่งเป็นเทพรักษาประตู ไหว้พระภูมิและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จากนั้นจึงก้าวเข้าสู่ลานบ้านเมื่อเจ้าบ้านได้ยินเสียงเพลงก็จะฟังจนแน่ใจว่าเป็นเพลงบอกคณะไหน จึงเปิดประตูรับ (ถ้าเจ้าบ้านนิ่งเงียบอยู่ คนนำทางจะออกชื่อดัวเองและเรียกหาขึ้น) เอาเสื่อออกมาปูให้นั่ง (ไม่นิยมเชิญให้นั่งบนเรือน เพราะเชื่อกันว่ามีผีมากับคณะเพลงบอกด้วย จึงให้หยุดไว้แต่บันไดเรือน) มีหมากพลู บุหรี่และขนมซึ่งทำขึ้นในเทศกาล ตอนนี้เพลงบอกจะว่าเพลงเล่าตำนานสงกรานต์และบอกสงกรานต์ในปีนั้น ๆ ว่า เป็นปีอะไรนางสงกรานต์ชื่ออะไร ทรงอะไรเป็นพาหนะ ทรงอะไรเป็นอาวุธเสวยอะไรเป็นภักษาหาร นาคให้น้ำกี่ตัว ฝนตกกี่ห่า ในมหาสมุทรเท่าไร บนพื้นโลกเท่าไร พืชพรรณธัญญาหารเป็นอย่างไรบ้างเป็นต้น เจ้าบ้านมีอะไรสงสัย อยากรู้หรืออยากลองภูมิปัญญาของเพลงบอกในเรื่องใดก็จะตั้งปัญหาขึ้น ปัญหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับสงกรานต์และข้อธรรมต่างๆ เพลงบอกจะร้องตอบให้ทราบ ถ้าเจ้าบ้านพอใจก็จะตกรางวัลให้ ถ้าไม่พอใจก็วางเฉยหรือกล่าวปรามาสเอาก็มี แต่โดยทั่วไป เมื่อได้ยินเสียงเพลงบอกก็จะเตรียมรางวัลไว้ล่วงหน้าแล้วทุกครัวเรือน ในตอนจบเพลงบอกจะกล่าวชา (ชม) เจ้าบ้านและอำนวยพรต่างๆ ให้แล้วร้องอำลาไปบอกสงกรานต์ยังบ้านอื่นๆ ต่อไป

รายได้จากการเล่นเพลงบอกบอกสงกรานต์นิยมแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งถวายวัด อีกส่วนหนึ่งแบ่งปันกันในคณะสำหรับเที่ยวและเล่นพนันในงานสงกรานต์ซึ่งเรียกว่า "เล่นว่าง"

เพลงบอกบอกข่าวคราวทั่วไป นอกจากเพลงบอกจะบอกสงกรานต์อันถือเป็นสัญลักษณ์เฉพาะ แล้วยังบอกข่าวคราวทั่วๆ ไปด้วย เช่น บอกบุญเรี่ยไรในงานบุญงานกุศลประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งและเชิญชวนใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงตลอดจนโฆษณาสินค้าต่างๆ เป็นต้น ข่าวที่ใช้เพลงบอกเป็นสื่อจะเข้าถึงและได้รับความสนใจจากชาวบ้านกว่าการสื่อสารธรรมดา เพราะท่วงทำนอง ลีลาจังหวะ ถ้อยคำ และน้ำเสียงชวนให้เกิดความหรรษาไปด้วย

เพลงบอกร้องบวงสรวงในพิธีกรรม โดยปรกติพิธีกรรมต่างๆ ของชาวใต้ที่มีการสวดหรือร้องแหล่ บทแหล่จะแต่งด้วยคำประพันธ์แบบใดแบบหนึ่งใน ๔ แบบ คือกาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ (ราบ) และร่าย แต่ถ้าผู้ประกอบพิธีถนัดที่จะใช้กลอนเพลงบอกต่างบทแหล่ก็ใช้ได้เช่น ใช้ในพิธีทำขวัญเด็ก ทำขวัญข้าว ทำขวัญวัวควาย เป็นต้นสำหรับลำดับและระเบียบของพิธีกรรมยังคงเหมือนกันกับที่ใช้คำประพันธ์อย่างอื่นทุกประการ

เพลงบอกประชัน ในการประชันหรือโต้เพลงบอกนิยมยกพื้นเวทีสูงขึ้นกว่าพื้นปรกติเพื่อให้ผู้ชมเห็นได้ชัดเจนคู่โต้พร้อมลูกคู่นั่งฝ่ายละฟากเวที มีผู้อาวุโสนั่งกลางเป็นประธาน แต่เดิมการโต้ไม่กำหนดหัวข้อหรือญัตติและเวลา เรื่องที่โด้แล้วแต่ใครจะหยิบยกอะไรขึ้นว่า แต่ส่วนใหญ่จะว่าเป็นเรื่องเชิงเปรียบเทียบ เช่น ถ้าฝ่ายหนึ่งว่าเรื่องไก่ชนหรือวัวชนอีกฝ่ายก็ต้องว่าเรื่องนั้นด้วย และต่างพยายามนำเรื่องไก่ชนวัวชน มาเปรียบเทียบกับคนโดยเฉพาะแม่เพลงทั้งสอง และต้องว่าในทำนองข่มกัน บางครั้งอาจว่าเกี่ยวกับธรรมะและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ การประชันครั้งสำคัญ ๆ ก่อนประชันต่างฝ่ายต้องสืบประวัติ ตลอดจนชั้นเชิงความสามารถของฝ่ายตรงข้ามอย่างละเอียดถ่องแท้ เพื่อจะได้หาทางกล่าวโจมตีและกล่าวแก้ได้ทันควัน การโต้เพลงบอกต้องอาศัยไหวพริบความฉับไวเข้าแย่งกันว่าเมื่อสบโอกาส ในการตัดสินแพ้ชนะใช้เสียงของผู้ชม ผู้ฟังเป็นหลัก โดยฟังจากเสียงโห่ฝ่ายใดโห่สิ้นเสียงก็เป็นฝ่ายชนะ หรือไม่ก็โต้กันจนฝ่ายหนึ่งยอมแพ้ไปเลย

การโต้เพลงบอกในปัจจุบันต่างไปจากสมัยโบราณเป็นอันมาก มีการกำหนดญัตติให้โต้กัน มีฝ่ายเสนอ ฝ่ายค้าน มีการกำหนดเวลาในการว่า มีกติกากำหนดไว้ชัดเจน และมีกรรมการตัดสินเช่นเดียวกับการโต้วาที โดยวิธีนี้ทำให้เพลงบอกคณะที่เตรียมตัวมาดีกว่าได้เปรียบ การโต้ก็ไม่ค่อยสนุกและไม่เห็นปฏิภาณไหวพริบของเพลงบอกได้เด่นชัดนัก

เพลงบอกร้องชา เป็นการร้องบูชาหรือชมเชยสิ่งของหรือบุคคลที่ควรชมเชยหรือบูชา เช่น ชาขวัญข้าว ชาพระธาตุชาเจ้านายหรือข้าราชการผู้ใหญ่ ชาผู้อาวุโสและครูอาจารย์เป็นต้น การร้องชาแม่เพลงจะสรรหาแต่สิ่งดีงาม สวยงามขึ้นมากล่าว เพื่อให้สิ่งของหรือผู้ที่ถูกชาเกิดความมีคุณค่า รู้สึกอิ่มเอมใจ การชาพบได้บ่อยในงานบุญ โดยเพลงบอกจะชาผู้ทำบุญว่าเป็นผู้สูงส่งด้วยคุณธรรมต่างๆ

การร้องกลอนเพลงบอกยังพบได้ทั่วไปในวงสมาคมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงเหล้า การร้องไม่มีแบบแผนอะไรนักทันใครว่าอะไรก็ว่า เอาให้พอลงกลอนและให้สนุกเป็นหลักใหญ่

กลอนเพลงบอกเป็นกลอนปฏิภาณหรือกลอนด้นทั้งรูปแบบของกลอนซับซ้อนและยุ่งยากกว่ากลอนที่ใช้ในการละเล่นอย่างอื่น ผู้ว่ากลอนประเภทนี้จึงต้องมีความรอบรู้มีไหวพริบและปฏิภาณดี ทั้งต้องได้รับการฝึกฝนจนแม่นยำในเชิงกลอน การเล่นก็ไม่มีการออกท่าทางหรือการแสดงใดๆประกอบ เรียกว่าขับร้องเพื่ออวดฝีปาก ความฉลาดหลักแหลมและศิลปะในการขับกลอนโดยแท้ เหตุนี้จึงหาเพลงบอกดีๆ ได้ไม่ง่ายนัก และไม่ค่อยมีใครริหัดฝึกฝน ทางด้านผู้ที่จะชื่นชมกับเพลงบอกก็ต้องเป็นนักฟังที่ดี ฟังด้วยปัญญาและสมาธิเพราะเพลงบอกไม่มีอะไรให้ดูให้ชม มีแต่เสียงเท่านั้นเป็นสื่อยุคหลัง ๆ จึงหาคนฟังและคนเล่นเพลงบอกได้ไม่มากนักเพลงบอกจึงมีเค้าว่าจะเสื่อมสูญหากไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างจริงจัง

(อุดม หนูทอง)


คณะเพลงบอกกำลังแสดง