ทำขวัญข้าว
ทำขวัญข้าว เป็นประเพณีบวงสรวงแม่โพสพ ผู้เป็นวิญญาณแห่งข้าว โดยเชื่อว่าถ้าข้าวมีขวัญสิงอยู่ประจำไม่หลีกลี้ไปไหน ต้นข้าวก็จะงอกงามสมบูรณ์ ให้ผลสูง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน หรือเฉาตาย ส่วนที่เก็บเกี่ยวขึ้นสู่ยุ้งฉางแล้ว แม้จะจำหน่ายขายหรือกินก็สิ้นเปลืองไปน้อยที่สุด
เกือบทุกขั้นตอนของการทำนา ชาวนาต้องรำลึกถึงแม่โพสพ เริ่มแต่แรกหว่านก็ต้องหาวันดี พันธุ์ข้าวต้องแบ่งส่วนจากข้าวขวัญอันเป็นขวัญแห่งแม่โพสพ ก่อนถอนต้นกล้าไปปักดำต้องขอขมา ตอนเริ่มปักดำต้องเชิญขวัญมาอยู่รากอยู่กอข้าวออกรวงสุกอร่ามต้อง "รวบข้าว" ผูกขวัญไว้ เก็บเกี่ยวแล้วต้องทำขวัญข้าวเป็นครั้งสำคัญ และเมื่อจะรื้อข้าวลงจากกองมานวดทุกครั้งก็ต้องขมาลาโทษ ในทุกขั้นตอนที่ว่านี้การทำขวัญเป็นการแสดงออกต่อแม่โพสพอย่างเป็นพิธีรีดองมากที่สุด
การทำขวัญข้าวมี ๒ ขั้นตอน ตอนแรก ทำเมื่อข้าวในนาเริ่มสุก เรียกว่า การรวบข้าว หรือ ผูกข้าว โดยหมอทำขวัญจะเอาไม้ชุมแสง ไม้ชุมเห็ด ไม้ชมพู่ ไม้กำซำ (มะหวด) ไม้หว้า ฯลฯ ผูกมัดเข้ากับใบพรมคด ปักเป็นหลักลงในนาตรงที่ข้าวแตกกอออกรวงสวยงามสมบูรณ์ที่สุด ให้ได้ความสูงขนาดต้นข้าวแล้วรวบต้นข้าวโดยรอบสัก ๕-๖ กอ มาผูกกับหลักด้วยย่านลิเพา ด้ายขาวและด้ายแดง ก่อนผูกให้กวักมือเรียกขวัญแม่โพสพไปทั้ง ๔ ทิศ ผูกแล้วสวดแหล่ทำขวัญ เริ่มจากตั้งนะโม ๓ จบ ตั้งสัคเค ชุมนุมเทวดา เชิญขวัญแม่โพสพแล้วปักหรังไว้ "ปักหรัง" ก็คือผูกขวัญแม่โพสพไม่ให้ไปไหน ให้อยู่คุ้มครองข้าวและเจ้าของนาให้ปลอดภัย ข้าวส่วนที่ผูกมัดไว้นี้เป็นข้าวขวัญสำหรับเก็บไว้บูชาและแพร่พันธุ์ต่อไป
ขั้นตอนที่ ๒ ทำหลังจากเก็บเกี่ยวและขนข้าวขึ้นยุ้งฉางเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่มักเป็นเดือน ( หรือเดือน ๙ ถ้าเป็นข้างขึ้นใช้วันคี่ เช่น ๑๓ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ถ้าเป็นข้างแรมใช้วันคู่เช่น ๑๔ ค่ำ แต่โดยมากนิยมทำในวันธรรมสวนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคืนวันเพ็ญ และต้องไม่เลือกเอาวันที่ถูกกระ คือวันที่ตำราฤกษ์ยามระบุว่า ถ้าหว่าน ปักดำ หรือเก็บเกี่ยวในวันนั้นจะถูกผีกระสื่อกินหมด แต่บางตำราว่าให้ทำพิธีดอนพลบค่ำที่ชาวบ้านเรียกว่า "เวลานกชุมรัง" ในวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ เว้นวันอาทิตย์ จันทร์ พุธ ศุกร์ วันพระและวันทักทินคือวันขึ้นหรือแรมที่เลขวันกับเดือนตรงกัน เช่น เดือน ๙ ขึ้น ๙ ค่ำอุปกรณ์ที่ต้องใช้มี ขนมขาว ขนมแดง ขนมโค ข้าวเหนียว ข้าวเจ้ากล้วย อ้อย ถั่ว งา กุ้ง ปลาสลาด บายศรี หมากพูล ๓ ค่ำเทียน ๑ เล่ม แหวน ถ้วยใส่ข้าวขวัญ สายสิญจน์ หมอบางคนเพิ่มเขาวัว (วัวที่ใช้ทำนาจนกระทั่งตาย) ลูกเดือย ดอกไม้และธูปด้วย ในการทำพิธีหมอจะนำอุปกรณ์ด่าง ๆ วางบนยุ้งข้าววงสายสิญจน์รอบบายศรี และเครื่องบูชาในพิธี แล้วประนมมือขึ้นสวดบูชาพระรัตนตรัย ชุมนุมเทวดาแหล่บททำขวัญซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นมาของข้าว พันธุ์ข้าว คุณของแม่โพสพเชิญขวัญข้าว จบแล้วสวดชยันโตอำนวยพรแก่แม่โพสพ ว่าคาถาปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้แม่โพสพอยู่ประจำยุ้งข้าวเป็นเสร็จพิธี สำหรับถ้วยขวัญและข้าวขวัญให้เก็บไว้บนกองข้าวตลอดปีนั้นห้ามเคลื่อนย้าย แต่บางตำราว่าย้ายได้หลังเสร็จพิธีแล้ว ๓ วัน
ในจังหวัดพัทลุงบางตำบลแทนที่ชาวนาจะทำขวัญข้าวเป็นรายครัวเรือน ก็ไปทำรวมกันที่วัด เรียกว่า ทำขวัญข้าวใหญ่โดยวัดจัดให้มีการกองข้าวเลียงขึ้น เมื่อชาวบ้านนำข้าวเลียงมาบริจาควัด ทางวัดจะรวบรวมไว้ แล้วกำหนดวันทำขวัญข้าวใหญ่ขึ้น เมื่อถึงวันนั้นชาวบ้านแต่ละครัวเรือนจะนำข้าวไปวัดอีกคนละ ๑ เลียง และเขียนชื่อกำกับไว้ ผู้จัดพิธีจะนำข้าวเลี้ยงของทุกคนรวมไว้ด้วยกัน การทำพิธีทำเหมือนดังกล่าวแล้วแต่ต้นทุกประการ เสร็จแล้วแต่ละครัวเรือนจะนำข้าวเลียงของตนกลับไปเก็บไว้บนยุ้งเป็นข้าวขวัญ เป็นอันว่าปีนั้นไม่ต้องทำขวัญข้าวที่บ้าน หรือถ้าจะทำอีกก็ได้
บททำขวัญข้าวที่ปรากฏแต่งด้วยคำประพันธ์ ๓ แบบ คือกาพย์ ร่าย และกลอนเพลงบอก สำนวนที่เป็นกาพย์และร่ายเป็นบทแหล่ที่แต่งไว้ก่อน และมักเป็นของเก่าที่จำสืบต่อๆกันมา ส่วนที่เป็นกลอนเพลงบอกมักเป็นกลอนต้นที่หมอซึ่งเป็นเพลงบอกร้องเอาสดๆ
บททำขวัญสำนวนกาพย์หลายๆ สำนวน เมื่อสอบทานดูพบว่ามีข้อความที่พ้องกันอยู่ตอนหนึ่งน่าจะเป็นสำนวนเก่าของเดิมแม้ภายหลังหมอมากขึ้นและแต่งเสริมขึ้น แต่ของเดิมก็ไม่ได้ทิ้ง เพียงผิดเพี้ยนถ้อยคำกันไปบ้างก็ถือเป็นธรรมดาสำหรับการสืบทอดด้วยการจำเช่นนี้ ข้อความที่พ้องกันมีว่า
"วันนี้วันดี เป็นศรีพระยาวัน ลูกจักทำขวัญ จัดสรรของดี แต่ล้วนข้าวของ แก้วแหวนเงินทอง หมากพลูบุหรี่ กล้วยอ้อย ถั่วงา แตงกวามากมี ทุกสิ่งใส่ที่ แต่งไว้แม่เสวย อีกทั้งผลไม้ ลูกหามาไว้ ให้แม่ทรามเชย ชุมเห็ดชุมแสง ชุมพู่แม่เอย ผลไม้ยังเหลย น้ำข้าว กำซำ อีกทั้งเพาใหญ่ ด้ายแดงขาวดำ กล้วยอ้อยพรมคด จัดหามาหมด ไม้หว้าไม้กำ ย่านเคาประจำ ราชภูมิพฤกษา ลูกแต่งไว้ถ้า มารดาดำเนิน โอ้แม่โพสพ ลูกจักเคารพ เรียกแม่คิ้วเหิน แม่ทองร้อยชั่ง มาฟังลูกเชิญ ฟังแล้วดำเนิน เชิญมา แม่มา"
ข้อน่าสังเกตเกี่ยวกับบททำขวัญข้าวอีกประการหนึ่งคือการเอ่ยถึงชื่อพันธุ์ข้าวต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นข้าวที่ปลูกกันอยู่ในภาคใต้ทั้งสิ้น ปรากฏว่ามีมากชนิด ดังตัวอย่าง
"เชิญแม่โฉมยง แกล้งส่งขวัญมา นางหอมนางหงส์ นางข้าวจงกรม ข้ามโพดลูกปลา ช่อปริงช่อพร้าว เชิญมาเถิด เจ้าแม่นิลภูศรี หน่วยเขื่อนางปอง นางทองรวงรี จุกเทียน หอมดี ข้าวยี่รวงดำ นางหอมประจำ ขาวประแจหอมหวาน ข้าวช่อไม้ไผ่ ไข่มดลิ้นคลาน ดาวเรืองเล้าตาล ยังข้าวนั้นเหลย นางหงส์ส่งรส รวงแดงปรากฏ หน่วยแตงน่าเชย ขาวข้าว ย่านไทร รวงงามกระไรเหลย เชิญมาแม่เอย ข้าวยอนคร เชิญข้าวย่านไทร รวงงามกระไร รวงใหญ่บ่หย่อน ข้าวปากนกนี้แล้ เที่ยงแท้งามงอน รวงกองเป็นก้อน ข้าวหลามคลองพูน ข้าวช่อไข่เป็ด ข้าวรวงงามเสร็จ เก็บไม่รู้เหื้อง ข้าวภูเขาทอง เสด็จมานองเนื่อง เชิญมาอย่าเอื้อง ข้าวโพดสาลี ข้าวตีนนกทูง กะรวงงามดี เชิญมาทั้งนี้ ข้าวแมงดาลาย ข้าวทรายข้าวเล่า เชิญมาเถิดเจ้า ทำขวัญให้สบาย ยังข้าวกำพฤกษ์ ลูกนึกไม่วาย เชิญมาเล่าไสร้ ดอกอ้อพลอยพฤกษ์ เชิญข้าวไม่ตาก สีแม่งามหลาก รวงมากจริงจริง มารับเอาข้าวขวัญ สารพันทุกสิ่ง เชิญมาให้สิ้น ข้าวหอมลูกปลา ข้าวเทพมหาชัย มาแล้วอย่าไป เชิญมาแม่มา ช่อตอดอกคู่ นางงามข้าวหนัก อ่อนนักทั้งคู่ มะลิซ้อนตัวผู้ ข้าวยี่ข้าวสาร ข้าวงาชุมพร นางขาวสีคอน เชิญมาอย่านาน สาวน้อยสร้อยทอง แถมห้องค้ำฉาง ยายอช่อไพร นางกองทองไหล ข้าวไทรอองหนี ข้าวนั่งรวงรี ข้าวสีมายัง ทองปอยร้อยชั่ง เชิญมาแม่มา"
พันธุ์ข้าวเหล่านี้ ส่วนใหญ่ยังนิยมปลูกกันในปัจจุบันแต่ละพันธุ์มีลักษณะและคุณสมบัติเด่นเฉพาะอย่าง เหมาะกับสภาพพื้นที่แต่ละอย่าง บททำขวัญข้าวจึงเป็นแหล่งประมวลความรู้เรื่องข้าวได้อย่างน่าสนใจ
ประเพณีทำขวัญข้าว ทำกันทุกท้องที่และแทบทุกครัวเรือนที่มีการทำนา ทำแล้วอุ่นใจว่าเป็นสิริมงคล ไม่ประสบภาวะอดอยากทำนาได้ผล มีข้าวกินตลอดปี เพราะแม่โพสพจะประทานความสมบูรณ์พูนสุขให้ ทั้งอิ่มใจที่ได้สืบทอดประเพณีของบรรพบุรุษจริงอยู่ประเพณีดังกล่าว หากมองด้วยทัศนะวิทยาศาสตร์อาจเห็นเป็นเรื่องเหลวไหล แต่หากมองให้ลึกก็ให้คุณค่าทางใจดังกล่าวแล้ว ทั้งยังปลูกฝังคุณธรรมเรื่องความกตัญญูต่อสิ่งที่มีคุณ ให้ความสำคัญต่อข้าว แสดงออกต่อข้าวด้วยความสำนึกในคุณค่า รู้ประหยัด รู้จักเก็บรักษาไม่ให้ตกเป็นอาหารของสัตว์และปล่อยให้หกเรี่ยราดโดยไม่บังควร คุณค่าแฝงซึ่งฝังเป็นทัศนคติและส่งผลต่อพฤติกรรมดังกล่าวนี้ เป็นผลสะท้อนจากการทำขวัญและความเชื่อเรื่องขวัญข้าวทั้งสิ้น (อุดม หนูทอง)
| ดูเพิ่มเติมที่ | : แม่โพสพ |